การิมถูกเรียกเข้ามาพบกลางดึกที่บ้านของอามิล บอดี้การ์ดหนุ่มไม่เคยหวาดหวั่นกับเรื่องใดๆ มาก่อน จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่ได้ยินคำสั่งจากปากของเจ้านายอย่างอามิล
“คุณอามิลหมายความว่า…”
“ใช่ ฉันจะลักพาตัวพระชายานีน่า”
น้ำเสียงที่ย้ำชัดหนักแน่นทำให้การิมกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคออย่างยากลำบาก เขาตายคนเดียวน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ญาติพี่น้องและลูกเมียของเขาล่ะ จะไม่ต้องโทษไปด้วยหรอกหรือ
พอคิดได้แบบนั้น ขนอ่อนของการิมก็ลุกเกรียวไปทั้งตัว
“เอ่อ ผมถามได้ไหมครับว่าทำไมเราต้องลักพาตัวพระชายาด้วย”
การิมไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ เจ้านายหนุ่มต้องการหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด หรือเพราะจะถูกตาต้องใจความงดงามของพระชายา แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในเมื่ออามิลก็มีคู่หมั้นที่มีใบหน้างดงามหมดจดไม่แพ้ใครอย่างซาราห์อยู่แล้ว
“เป็นเรื่องที่ฉันต้องสะสางกับราชวงศ์ฟาร์ดาน นายรู้ไว้เท่านั้นก็พอ”
อามิลเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงออกไป นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ ในเมื่อองค์วาลิด ฟาร์ดานกระทำย่ำยีหัวใจของมารดาเขา สิ่งที่พระองค์จะได้รับนั่นก็คือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทั้งๆ ที่ยังมีลมหายใจ
และคนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรงอย่างองค์รัชทายาทก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้
แต่จะให้ลักพาตัวองค์รัชทายาทโดยตรงก็คงจะเป็นงานที่ยากเกินไปสักหน่อย เพราะฉะนั้นการได้ตัวพระชายาก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ตัวองค์รัชทายาท เพราะถึงอย่างไรชีคฟารีสต้องมาช่วยพระชายาของตัวเองแน่
สนามบินนานาชาติ รัฐมูร์จาน ประเทศคาดาร์
นีเซียก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกระเป๋าสัมภาระแบบมีล้อลาก ร่างบอบบางคลี่ยิ้มกว้างตอนที่ถอดแว่นกันแดดสีชาออกมากวาดสายตามองบริเวณรอบๆ ก่อนจะจัดการสวมกลับเข้าไปตามเดิมอีกครั้ง นีเซียแวะไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวหยิบคอนแทคเลนส์สีดำขึ้นมาใส่อย่างนึกสนุก เธอกับพี่สาวเป็นฝาแฝดกันก็จริง ทว่าพี่สาวของเธอมีดวงตาสีดำเหมือนมารดา ส่วนเธอมีดวงตาสีเทาอ่อนเหมือนคนเป็นบิดา เธออยากจะรู้ว่าพี่เขยของเธออย่างชีคฟารีสจะแยกเธอกับพี่สาวของเธอออกไหม แค่คิดเรื่องสนุกๆ แบบนั้นนีเซียก็ยิ้มกว้างออกมา จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องน้ำ ขยับเท้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารของสนามบิน การมาของหญิงสาวไม่ได้แจ้งให้นีน่าได้รับรู้เพราะตั้งใจจะมา
เซอร์ไพร์สพี่สาวฝาแฝด นีเซียก้าวขึ้นรถแท็กซี่พร้อมกระเป๋าสัมภาระหลังจากที่ตกลงราคากันเรียบร้อย เมื่อหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพรถจึงเคลื่อนออกจากสนามบินในทันที
ระหว่างทางไปพระราชวังฟาร์ดานจู่ๆ รถแท็กซี่ที่นีเซียนั่งก็เกิดปัญหา เครื่องยนต์เกิดดับและสตาร์ตไม่ติด จนหญิงสาวต้องร้องถามคนขับ
“รถเป็นอะไรคะ”
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับจู่ๆ ก็ดับแล้วก็สตาร์ตไม่ติด คุณผู้หญิงรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะลงไปดูเครื่องยนต์เสียหน่อย”
“ค่ะ”
นีเซียรับคำ คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตสีเทาอ่อนขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก พลางนึกในใจว่าหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เธอบอกให้พี่สาวส่งคนของพระราชวังมารับจะดีกว่า
แต่ก็นั่นละ
เธอจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างไรกัน
นีเซียถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผ่านไปราวๆ สิบนาทีดูเหมือนว่าเจ้าของรถจะไม่สามารถจัดการทำให้รถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง หญิงสาวจึงก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระ
“อีกนานไหมคะ”
คนขับรถละสายตาจากเครื่องยนต์ที่มีควันพวยพุ่งแล้วหันมาให้คำตอบด้วยสีหน้าจืดเจื่อน
“คงต้องตามช่างหรือไม่ก็รถลากแล้วละครับ ดูเหมือนว่าเครื่องยนต์จะมีปัญหา”
นีเซียแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น แต่หญิงสาวทราบดีว่าคาดาร์ไม่ใช่พื้นที่ที่เธอจะทำเช่นนั้นได้ ดวงหน้านวลเนียนปั้นหน้ายิ้มยากก่อนจะถามออกไป เพราะทราบว่านี่ไม่ใช่ความผิดของคนขับรถ ครั้นเธอจะวีนหรือเหวี่ยงใส่เขาก็ใช่เรื่อง
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยตามรถคันอื่นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ”
คนขับรถล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า แต่ไม่ทันได้กดโทร.ออก รถยุโรปสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้า ชายในสูทสีดำสองคน สวมแว่นกันแดดสีเดียวกันก้าวลงมาจากรถพลางสอบถาม
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”
นีเซียหันมาตามเสียง คิ้วสวยยกขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเป็นชายชาวยุโรปในชุดสูทสีดำ แต่ก็ตอบคำถามของอีกฝ่ายออกไป
“พอดีรถเสียน่ะค่ะ”
“ให้ผมช่วยดูให้ไหมครับ” หนึ่งในสองคนอาสา
“ต้องถามเจ้าของรถค่ะ พอดีฉันเป็นแค่ผู้โดยสาร”
พอนีเซียบอกแบบนั้น ชายคนดังกล่าวก็ขยับเท้าไปหาเจ้าของรถแท็กซี่ที่กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นอยู่ในมือ คนขับแท็กซี่ลดโทรศัพท์ที่กำลังจะกดโทร.ออกลง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เมื่อถูกปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่บั้นเอว
“อยู่เฉยๆ โทร.ตามช่างมาซ่อมรถแล้วลืมไปซะว่าเคยรับผู้หญิงคนนี้ขึ้นรถมาด้วย”
ชายคนดังกล่าวพูดด้วยภาษาท้องถิ่น คนขับแท็กซี่คงมีคำถามมากมายถ้าไม่ติดว่ามีกระบอกปืนจ่อที่บั้นเอวของเขาเอาไว้
“เข้าใจไหม”
ชายชาวยุโรปในชุดสูทสีดำถามย้ำเสียงดุดัน คนขับแท็กซี่รีบพยักหน้ารับคำทันทีพลางตอบด้วยกลับอย่างร้อนรน
“เข้าใจครับ”
“ดี”
ชายในชุดสูทกระตุกยิ้มมุมปาก นีเซียลอบมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเพราะไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่น ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเดินกลับมาสมทบกับชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ
“เชิญเสด็จขึ้นรถด้วยพ่ะย่ะค่ะพระชายา”