อามิลยกมือของมารดาขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะวางลง โนยาคลี่ยิ้มบางๆ และอดจะแซวลูกชายไม่ได้
“แม่ไม่ใช่สาวๆ นะจ๊ะ ไม่ต้องแสดงท่าทางอ่อนโยนโปรยเสน่ห์ทำให้แม่ตกหลุมรักแบบนี้ก็ได้”
“ท่านแม่ก็รู้ ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใคร”
“แม้แต่ซาราห์ก็ไม่เคยหรือจ๊ะ”
“ไม่ครับ”
โนยายิ้มกว้างมากขึ้นพลางยกมืออีกข้างลูบศีรษะที่มีเส้นผมสีดำสนิทปกคลุมของอามิลแผ่วเบา ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่อยากถาม แต่ยังไม่ถามออกไป
“อามิล แม่ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้ทุกเรื่องครับ”
“ลูกรักหรือมีใจให้ซาราห์หรือเปล่า”
“ไม่ครับ แต่ผมสามารถใช้ชีวิตคู่กับซาราห์ได้ แม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ตราบใดที่นิสัยของซาราห์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมก็จะแต่งงานกับเธอ”
“ลูกไม่ต้องการชีวิตคู่ที่มีความรักด้วยหรอกหรืออามิล ลูกก็รู้ตอนนี้ประเทศของเราเปิดกว้างมากขึ้น ชายหนุ่มหญิงสาวสามารถคบหาเองกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องแต่งงานตามความต้องการของครอบครัวหรือการคลุมถุงชนอีกแล้ว เพียงแต่ให้อยู่ในกรอบประเพณีของเรา สตรีหลายคนในคาดาร์ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองตลอดเวลา เสื้อผ้าทางฝั่งยุโรปถูกนำมาใช้ในประเทศเรามากขึ้น เพียงแต่ต้องแต่งกายให้ดูเหมาะสมเท่านั้น”
“ผมรู้ครับ แต่นอกจากความรักของแม่ ความรักจากผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตของผม ผมสามารถใช้ชีวิตคู่ได้โดยปราศจากความรัก”
โนยาคลี่ยิ้มบางๆ ในขณะที่ยังลูบศีรษะของอามิลแผ่วเบา
“เอาเถอะ ลูกโตแล้ว และตอนนี้ลูกก็เป็นผู้นำครอบครัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูก แต่อย่างน้อยก็อย่าลืมคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป”
“ผมรู้ครับ ผมไม่กวนแม่แล้วดีกว่า ไปเดินเล่นข้างล่างก่อนนะครับ”
อามิลบอกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าหล่อเหลายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามที่สบสายตากับคนเป็นมารดา และโนยาเองก็ทราบดีว่าลูกชายต้องการจะตัดบทจึงไม่ได้รั้งเอาไว้อีก ทำเพียงมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา เมื่อประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือของอามิล โนยาจึงดึงสายตากลับมาที่เบื้องหน้าอีกครั้ง นอกจากแววตาโศกเศร้ากับการจากไปของสามี ยังมีแววตาของความรู้สึกผิดเจือปนเอาไว้ด้วย
อามิลมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ความจริงในเรื่องนี้และควรมีโอกาสได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
แต่ปัญหาติดอยู่ข้อเดียว
เธอจะเริ่มต้นบอกลูกอย่างไรดี
อามิลปล่อยให้เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็เดินขึ้นมาที่ห้องนอนของโนยาอีกครั้ง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง พบว่ามารดาของเขาเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากได้รูปตอนที่เห็นมารดากอดสมุดบันทึกสีทองอร่ามที่เขาเพิ่งจะจัดการยัดมันลงไปในลิ้นชักที่โต๊ะเล็กข้างเตียงก่อนหน้านี้แนบอกเอาไว้ ชายหนุ่มค่อยๆ ลดตัวลงนั่งบนส้นเท้า เอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มดังกล่าวอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะทำให้มารดาตื่น ดวงตาคู่คมมองที่ปกหนังสือที่ไร้ข้อความใดๆ เขาพลิกไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แว่บหนึ่งก็อยากรู้ว่าในนี้มารดาของเขาเขียนถึงบิดาเอาไว้อย่างไรบ้าง แล้วบิดาของเขาเล่า เคยได้อ่านบันทึกเล่มนี้ของมารดาของเขาบ้างหรือเปล่า
แต่มันไม่สมควรเลยสักนิด หากเขาจะเปิดอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นนั้น
ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มจางๆ มือข้างหนึ่งดึงลิ้นชักให้เปิดกว้างตั้งใจจะเก็บสมุดบันทึกของมารดาไว้ที่เดิม แต่จังหวะนั้นเขากลับทำมันหลุดมืออย่างไม่เจตนา
ตุบ!
ดวงตาสีน้ำตาลทองหันไปมองมารดาเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อามิลหยิบสมุดบันทึกที่ร่วงไปกองอยู่ที่พื้นขึ้นมา หน้าแรกของถูกเปิดอย่างไม่ตั้งใจ และข้อความที่ปรากฏแก่สายตาทำให้คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลทองขยับเข้าหากันแน่น
ฝ่าบาทอันเป็นที่รัก
องค์วาลิด ฟาร์ดาน
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของอามิลในตอนนี้นั่นก็คือมารดาของเขารู้จักองค์วาลิดเป็นการส่วนตัวด้วยอย่างนั้นหรือ จริงอยู่ที่ประชาชนในประเทศคาดาร์ต่างยกย่องและเคารพองค์วาลิด ฟาร์ดานในฐานะกษัตริย์ที่ปกครองประเทศคาดาร์มาอย่างยาวนาน และในฐานะประธานาธิบดีที่บริหารประเทศโดยสุจริต ทำให้ประชาชนชาวคาดาร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
แต่การที่มารดาของเขาเขียนเช่นนั้นทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะตลอดยี่สิบเจ็ดปีที่ผ่านมา มารดาของเขาไม่เคยปริปากเรื่องนี้ออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
ความรู้สึกบางอย่างกำลังคุกคามอามิลจนทำให้ในอกของเขารู้สึกของเขาหนักอึ้ง แม้จะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่เขาไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในอกคุกคามไปได้มากกว่านี้ หนทางเดียวที่จะสามารถขจัดความรู้สึกที่แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายออกไปได้นั่นก็คือการอ่านสิ่งที่อยู่ในบันทึกเล่มนี้
นัยน์ตาสีน้ำตาลทองที่กำลังไหวระริกเหลือบมองมารดาที่ยังคงหลับสนิท เพียงชั่วอึดใจก็ขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วขยับเท้าออกจากห้องไปพร้อมสมุดบันทึกสีทองอร่ามของโนยา
อามิลใช้เวลาอ่านบันทึกในห้องหนังสือของบิดาที่มักจะเข้ามาใช้อยู่บ่อยๆ ตอนที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ มือหนาทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ลมหายใจของชายหนุ่มกระชั้นถี่ นัยน์ตาสีน้ำตาลทองวาวโรจน์ กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นอย่างโกรธจัด คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีก็ขยับเข้าหากันจนเกือบชิด ในอกของชายหนุ่มอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มารดาของเขาถูกรังแกอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
แม้คนๆ นั้นจะมีอำนาจเหนือกว่าเขาก็ตาม