บทที่ 1
ฉันแพทย์หญิง ‘ลินลดา กอบเกียรติ’ แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้กำลังทำสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องงมงายมาตลอดชีวิตอย่างจนปัญญา และไม่สามารถที่จะถอยหลังกลับไปได้อีกแล้ว นั่นก็คือ...การที่มือข้างหนึ่งถือธูปเทียน อีกข้างหนึ่งถือดอกบัวสีชมพูแสนสวย และกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าศาลเจ้าแม่ให้รัก...จ๊ะ!
นั่นแหละอ่านไม่ผิดกันหรอก แพทย์หญิงลินลดาผู้ไม่เชื่อเรื่องงมงายมาเกือบค่อนชีวิตกำลังไหว้สิ่งที่ชาวบ้านแถวนี้รวมถึงเพื่อนรักของเธอเล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์! ขอเรื่องใดสมปรารถนาเรื่องนั้น ยิ่งเป็นเรื่องของความรักยิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงพลานุภาพ จนต้องรีบมาแก้บนกันให้ควั่ก ย้อนกลับไปเมื่อวานตอนที่เธอนัดทานข้าวเย็นกับยัยซาร่า เพื่อนสาวลูกครึ่งผมบลอนด์สุดแซ่บ ที่ตอนนี้แต่งงานมีลูกไปเรียบร้อย หลังจากไปบนบานขอสามีและลูกแฝดกับเจ้าแม่ให้รักเมื่อปลายปีที่แล้ว พอกลางปีก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแล่บกับหนุ่มเจ้าของธุรกิจโรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงเทพฯ ที่ไปเจอกันในวัด ตอนที่ไปปฏิบัติธรรมตามตำราเจ้าแม่ให้รัก ที่ว่าด้วยเรื่องการทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งที่ขอเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเข้าวัดฟังธรรม งมงายเข้าไปอี๊ก~ แต่ดูผลลัพธ์ที่เพื่อนของเธอได้มาสิ มันดีซะยิ่งกว่าดี ดีจนนึกว่าฝันไปเลยทีเดียวเชียว
‘ยัยลดาแกเชื่อฉัน ไปขอเจ้าแม่ให้รัก แกจะได้ทั้งผัว ทั้งลูกเหมือนกับฉัน…’
บทสนทนาที่ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไร ที่เพื่อนรักชอบเปิดประเด็นอยู่บ่อยๆ เริ่มขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
‘แกจะงมงายไปถึงไหนห๊ะซาร่า หน้าฝรั่งขนาดแกทำไมงมงายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้วะ…’ ลินลดารู้สึกไม่เห็นด้วยกับความงมงายของเพื่อน แต่ในใจก็อดปฏิเสธความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ให้รักไม่ได้จริงๆ ก็ใครจะไปคิดกันล่ะเมื่อต้นปีที่แล้วเธอกับซาร่ายังเกี่ยวก้อยสัญญากันว่าถ้าหาผู้ชาย ดีๆ ไม่ได้จะไม่มีทางลงจากคานอยู่เลย แล้วนี่อะไร? แค่เพื่อนเธอไปบนขอกับเจ้าแม่ให้รัก ถึงกับตัดสินใจกระโดดลงมาจากคานทองและแทบจะยกสินสอดไปขอฝ่ายชายกันเลยทีเดียว
‘โอย~ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะแก เจ้าแม่ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก จนฉันต้องรีบซื้อปลัดขิก 100 อัน ไปถวายแทบไม่ทัน…’ ซาร่าเอ่ยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ให้รัก ก่อนจะยกมือพนมขึ้นไหว้พร้อมพูดว่าสาธุนับครั้งไม่ถ้วน
‘ยัยฝรั่งขี้นก เลิกพูดมากแล้วนั่งกินข้าวต่อได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นวอล์ดแต่เช้า ไม่มีเวลามาฟังแกโม้นาน’ ลินลดาเอ่ยบอกเพื่อน
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงบทสนทนา หญิงสาวก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ถ้ายัยซาร่าไม่ได้มาพูดกรอกหูเธอทุกครั้งที่เจอกัน เธอคงไม่ยอมบึ่งรถหลังเลิกงานมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่กลิ่นควันธูปฟุ้งขนาดนี้หรอก ก็ไม่ถึงอยากจะลงจากคานจนตัวสั่น แต่ถ้าไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเอง คนที่เชื่อแต่หลักความจริงอย่างเธอคงจะนอนตายตาไม่หลับ กันพอดี ไหนๆ ก็มาถึงละ! ขอลองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ถ้าแย่ที่สุดเธอก็คงจะนอนตายอยู่บนคานทองแค่นั้นเอง จะไปกลัวอาร๊าย…เมื่อคิดได้อย่างนั้นลินลดาก็หลับตาพนมมือขึ้นท่องนโมสามจบ ก่อนจะตามด้วยคาถาบูชาเจ้าแม่ให้รัก และเริ่มอธิษฐานขอพรทันที
เจ้าแม่ให้รักคะ! หนูแพทย์หญิงลินลดา กอบเกียรติ ขอพลังเจ้าแม่ดลบันดาลให้ลูกเจอเนื้อคู่สักทีเถอะเจ้าค่ะ ถ้าลูกได้เจอเนื้อคู่ ลูกจะถวายปลัดขิก 200 อัน แบบคละไซส์เล็กและใหญ่ด้วยเลยเจ้าค่ะ…สาธุ!
“หมอคะ คนไข้คนสุดท้ายของวันนี้ละค่ะ” เสียงของหลินพยาบาลสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยังคงสดใส แม้วันนี้จะต้อนรับคนไข้เยอะอย่างมาก ทว่าน้ำเสียงของเธอก็ปลุกลินลดาที่กำลังเหม่อมองวิวนอกหน้าต่างให้รู้สึกตัว เธอพยักหน้าให้หลินพาคนไข้เข้ามาทันที
“ลุงชมคะ ค่อยๆ เดินเข้ามานะคะ…” หลินพยุงคนไข้ที่ชื่อว่าลุงชมเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ข้างๆ ลินลดา ตามด้วยลูกสาวของลุงที่เดินตามเข้ามาติดๆ ลุงชมเป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตที่ไม่ปกติก็คืออารมณ์สองขั้ว หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าไบโพลาก็ได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าใดนัก อาการของลุงชมดีขึ้นมาก หลังจากมารักษากับเธอ
“ลุงชมคะ สวัสดีค่า~ ลินลดาคิดถึงลุงชมจังเลยไม่ได้เจอตั้งหลายวัน อยากฟังเรื่องเล่าสนุกๆ ของลุงชมมากๆ เลยค่ะ” ลินลดายกมือไหว้ลุงชมและเริ่มพูดคุยอย่างสนิทสนม
“หนูลินลดา ลุงได้เจอหนูสักที คนที่บ้านลุงไม่ค่อยมีใครอยากจะฟังเรื่องของลุงเลยสักคน ดูอย่างยัยจิ๊บสิเวลาฟังก็ทำเหมือนไม่อยากจะฟัง ลุงอยากมาหาหนูลินลดาทุกวันเลยลูก…” ลุงชมบอกก่อนจะหันไปมองค้อนลูกสาวที่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ลินลดา
“จิ๊บก็ตั้งใจฟังนะพ่อ” จิ๊บประท้วงพ่อน้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก
“ลุงชมคะ คุณจิ๊บเป็นลูกสาวที่ดีมากเลยนะคะ พาลุงชมมาหาลินลดาทุกครั้งที่เรานัดกัน แล้วยังฟังลุงชมเล่าเรื่องสนุกๆ อีกที่คุณจิ๊บไม่แสดงอารมณ์ร่วมด้วยเพราะว่ากำลังตื่นเต้นกับเรื่องที่ลุงชมเล่าอยู่แน่ๆ เลย ใช่มั้ยคะ…คุณจิ๊บ” ลินลดาหันไปถามจิ๊บที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ลุงชม พร้อมทั้งขยิบตาให้เธอรีบเออออห่อหมกตามน้ำไปด้วย
“ใช่พ่อ หนูตื่นเต้นมากกับเรื่องที่พ่อเล่า หนูเลยแสดงอาการไม่ถูก…” ลินลดายิ้มเมื่อเห็นว่าวิธีนี้ได้ผล ลุงชมยิ้มกว้างพลางเริ่มเล่าเรื่องราวผจญภัยในอดีตของตนให้หมอสาวและลูกสาวฟัง ถึงเรื่องที่ลุงชมชอบเล่าจะเป็นเรื่องซ้ำๆ เหมือนเดิม แต่การที่มีคนเข้าใจและนั่งฟังไปด้วยนั้น จะทำให้ อารมณ์ของคนไข้คงที่มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่ลุงชมเล่าจบ ลินลดาก็เขียนใบสั่งยาและยื่นให้หลินพยาบาลสาว พร้อมทั้งบอกลาลุงชมกับจิ๊บ ซึ่งเป็นลูกสาว ก่อนจะเตรียมตัวเก็บของเพื่อขับรถกลับบ้าน แต่ดูเหมือนฝนฟ้าจะไม่เป็นใจ เมื่อทันทีที่เธอเดินออกมาจากอาคารของโรงพยาบาลเพื่อไปยังลานจอดรถ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาจนเธอต้องรีบวิ่งไปหาที่หลบฝน