ธาตุแท้

2185 คำ
“ซ้ายอีก ๆ” “ขวา ๆ ๆ เออนั่นแหละ” “กูว่ายังไม่ได้ว่ะ มึงลองเอาขึ้นอีกซิ” เสียงตะโกนสวนกันอย่างชุลมุนเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของผม ตอนนี้พวกเรากำลังทำการตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน มีการทาสีใหม่ทั้งหลัง และตอนนี้กำลังจะขึ้นป้ายที่หน้าบ้านใหม่ “ได้รึยังลูกพี่” ไอ้เข้มตะโกนถามผม มือก็สั่นริก ๆ หลังจากที่มันชูป้ายยื้ออยู่นานสองนาน “ได้แล้ว ตอกตะปูได้เลย” “ไอ้บอมมาตอกเร็ว ตะคริวจะแดกแขนกูอยู่แล้วเนี่ย” “เออ ๆ จะตอกเดียวนี้ล่ะ มึงนี่นะบ่นได้ทั้งวัน” ไอ้บอมว่าก่อนจะเดินไปถือค้อนไปตอกแผ่นไม้ลงสองสามที ตะปูก็จมลงจนมิดด้าม “เสร็จซักที!” ไอ้เข้มพ่นลมออกหนัก ๆ ก่อนจะเดินสะบัดแขนเข้ามาจ้องดูป้ายข้างผม “ดอ-อิ-นอ-ดิน ดอ-แอ-นอ-แดน…” “ดินแดนอันธพาล” ผมหันไปตอบมันพร้อมกับส่ายหัวด้วยความละเหี่ยใจ “มึงนี่มันโง่แล้วยังเสือกขยันอ่านอีกนะไอ้เวร” ไอ้บอมเดินเข้ามาส่งน้ำให้ผมดื่ม “เอ้า!! ก็กูไม่ได้เรียนหนังสือ” “มีใครในที่นี้ได้เรียนหนังสือบ้างวะ ไม่มีซักคน เขาอ่านได้เพราะฝึกจากหนังสือในโรงเรียนทั้งนั้น มึงแหละขี้เกียจ ถึงได้โง่เข้าเส้นเลือดแบบนี้ไง” จริงอย่างที่ไอ้บอมว่า พวกเราไม่ได้เรียนหนังสือ โชคดีที่มาอาศัยโรงเรียนเก่าอยู่ จึงพอมีหนังสือเก่า ๆ ให้ได้ฝึกอ่านฝึกเขียนบ้าง “ลูกพี่ดูดิ ไอ้บอมมันกล่าวหาว่าผมโง่อีกแล้ว” ไอ้เข้มงอแงเป็นเด็ก เมื่อเถียงสู้ไอ้บอมไม่ได้มันก็หันมาฟ้องผมแทน “ก็ถูกของมัน มึงไม่อ่านเอง” มันมุ่ยหน้าลงทันที จนน่าถีบให้หงายหลัง “ก็ผมเป็นคนเข้าใจยากนี่ลูกพี่ แค่ดูหนังสือมันจะไปช่วยจำอะไรได้” มันว่าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “เออ ๆ ไว้มีเงินเมื่อไหร่จะจ้างครูมาสอนพิเศษให้” “จริงนะ! เอาครูสาวแจ่ม ๆ เลยนะลูกพี่” มันฉีกยิ้มกว้างตาลุกวาวเป็นประกาย “หยุดเลย ในสมองมึงนี่มีแต่เรื่องอนาจารรึไง” ไอ้บอมต่อว่าไม่จริงจังนัก “อะไร อิจฉากูอะดี้” “กูจะอิจฉามึงทำไม มึงนั่นแหละต้องอิจฉากู กูเป็นคนอ่านหนังสือออก” “พอ ๆ ๆ หยุดทั้งคู่น่ะแหละ” ผมรีบปรามก่อนที่ไอ้สองตัวนี้จะวางมวยกันซะเอง “พวกมึงไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วไป เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว” “ขอทาเก้าอี้ตรงนี้ก่อนนะลูกพี่ เสร็จแล้วเดี๋ยวพวกผมเก็บอุปกรณ์เข้า บ้านเอง” ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบรับไอ้บอม ก่อนจะมองสำรวจดูความเรียบร้อยรอบ ๆ บ้าน พอทาสีเสร็จมันก็ดูใหม่ขึ้นเป็นกองเลยแฮะ แต่กว่าจะเสร็จ พวกผมก็ช่วยกันทาอยู่หลายวัน ทั้งทาทั้งซ่อมแซมทั้งตกแต่ง พอทำเสร็จมันก็ออกมาดูดีอยู่นะ ผมเดินขึ้นมาบนบ้าน ปล่อยให้พวกลูกน้องเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ตั้งแต่เช้าจรดเย็นผมเพิ่งมีเวลาได้พักหายใจหายคอ พอได้อาบน้ำเย็น ๆ แบบนี้ก็สดชื่นขึ้นเป็นกอง หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เช็ดผมลวก ๆ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวผืนบางพันรอบเอวไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ “เชี่ยย!!” ผมอุทานเสียงดังลั่น เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเจอไอ้ศิวะกำลังนั่งจ้องมองผมที่ปลายเตียง “มึงมาทำไม!?” คนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่กลับใช้สายตาโลมเลียซิกแพคผมอย่างหน้าไม่อาย จนผมต้องรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรวดเร็ว “หึหึ กลัวอะไรขนาดนั้นวะ” มันว่าล้อ ๆ “คนอย่างมึงมันไว้ใจได้ซะที่ไหน แล้วมาหากูถึงที่นี่มีไร” ผมเอ่ยถามพร้อมกับเช็ดผมที่เปียกชุ่ม “กูเอาของมาให้” “ของ…?” ผมขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบ กูไปสั่งของอะไรจากมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ “ของอะไรวะ” “นี่ไง” มันว่าพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากถุงสีน้ำตาลแล้วยื่นมาให้ผม ที่แท้มันคือตาข่ายดักฝันร้ายที่ผมไปยืนมองดูอยู่ตลาดตั้งนานสองนานนั่นเอง “มึง…ซื้อให้กูหรอ” “อืม ชอบมั้ย เดี๋ยวกูแขวนไว้ให้” มันว่าพร้อมกับเดินไปแขวนตาข่ายวงกลมที่หน้าประตูห้องผม จะมาไม้ไหนของมันวะ อยู่ ๆ ก็ปีนเข้ามาบ้านผมเพียงแค่จะเอาตาข่ายดักฝันร้ายมาให้ มันว่างรึมันกวนตีน “นี่อย่าบอกนะว่ามึงลงทุนปีนเข้ามาบ้านกูเนี่ยเพียงแค่จะเอาไอ้ตาข่ายอะไรนี่มาให้” “ใช่” “ถ้าเสร็จเรียบร้อยงั้นมึงก็กลับไปได้ละ” ผมเดินไปดันไหล่ให้มันปีนออกหน้าต่างไป “เดี๋ยวดิ นี่ดูอุตส่าห์กลับไปซื้อให้ แถมยังเสี่ยงตีนลูกน้องมึงเข้ามาที่นี่อีก ขอบจงขอบใจซักคำก็ไม่มี” “ขอบใจเหี้ยไร กูขอร้องให้มึงซื้อหรอไอ้สัส” “เห้อออ! กูนี่มันทำบุญกับคนไม่ขึ้นจริง ๆ เลย” มันว่าอย่างยียวน “อย่ามากวนประสาท วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวันละ ไม่อยากมาเถียงกับมึง” “แล้วถ้ากูไม่กลับล่ะ” มันว่าอย่างลอยหน้าลอยตา “ถ้ามึงไม่กลับ…” ผมเว้นวรรคยาวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนออกมา “กูยิง” ทันทีที่พูดจบผมก็จ่อปลายกระบอกปืนไปหาคนตรงหน้า จนมันเริ่มหน้า ถอดสี “ไอ้อัถ ไม่เล่นแบบนี้ไอ้ห่าเดี๋ยวปืนลั่น” “กูไม่เล่น กูเอาจริง” แกร๊ก!! “เออ ๆ กูกลับก็ได้วะ” มันว่าอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินคอตกไปที่หน้าต่าง ไอ้ศิวะชะโงกหน้าลงไปด้านล่างก่อนหันกลับมาแล้วเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “กูคงกลับไม่ได้แล้วว่ะ” “ทำไม?” มันพยักพเยิดหน้าไปที่เบื้องล่าง ผมจึงยอมเดินไปดูตามที่มันบอก “เอ้าชนนน!!” แกร๊ง!! เชี่ยเอ้ย!! ปกติพวกไอ้บอมมันกินเหล้าที่หน้าบ้านไม่ใช่หรอวะ ทำไมวันนี้พวกมันย้ายมากินหลังบ้าน “มึงถอยออกไปก่อน” ผมเอามือดันแผ่นอกไอ้ศิวะให้ถอยหลังก่อนจะเดินไปชะโงกหน้าที่หน้าต่างแทน “เฮ้ย!! พวกมึง ทำไมมาแดกเหล้าตรงนี้วะ” ผมตะโกนถามไอ้พวกขี้เหล้าด้านล่าง “กินหน้าบ้านไม่ได้เลยลูกพี่ เหม็นกลิ่นสี พวกผมขอกินตรงนี้นะลูกพี่ สัญญาจะไม่เสียงดัง” ไอ้เข้มตะโกนกลับมาทำเอาผมหัวเสียขั้นสุด อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาด นี้วะ “หึหึ มึงโทษกูไม่ได้นะ” ไอ้ศิวะกระซิบเสียงแผ่วเบาจากทางด้านหลังผม ช่วยไม่ได้แฮะ ถ้าลูกน้องจับได้ว่ามันลักลอบเข้ามา ผมนี่แหละจะโดนสงสัย “เออ ๆ กูให้ไม่ไปเกินห้าทุ่มนะเว้ย” “รับทราบครับ” ไอ้เข้มตอบกลับมาด้วยท่าทางขึงขัง ตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่า ๆ แล้ว อดทนรอหน่อยแล้วกันแค่ไม่ถึงชั่วโมง คิดได้ดังนั้นผมก็ปิดหน้าต่างลงให้สนิทพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวลงที่เตียง “เวลาเกือบชั่วโมง เราจะทำอะไรกันดีวะ” มันว่าอย่างอารมณ์ดี “ทำเหี้ยไร กูจะนอนมึงก็นั่งรอตรงนี้แหละ ห้าทุ่มเมื่อไหร่ก็ออกไป” ผมว่าก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว “นอนได้เลย นอนให้หลับ แต่ถ้ามึงหลับกูไม่รับประกันความปลอดภัยด้านหลังมึงนะเว้ย” ผมเด้งตัวขึ้นทันทีเมื่อมันพูดจบ “นี่มึงกล้าขู่กูหรอ” “ถ้าคิดว่ากูขู่ มึงก็นอนเลย” มันว่าพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียผมอย่างหื่นกระหาย “กูไม่นอนก็ได้วะ” ผมว่าพร้อมกับขยับตัวมานั่งข้างมันที่ปลายเตียงอย่างเซ็ง ๆ ผมนั่งอยู่ข้างไอ้ศิวะเงียบ ๆ เราทั้งคู่ต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา มีแค่เพียงเสียงตึกตักของหัวใจมันที่เต้นแรงจนผมได้ยิน “ไอ้อัถ” อยู่ ๆ ไอ้ศิวะก็โพล่งออกมาทำลายความเงียบ “มึงคิดว่าถ้าเราไม่แย่งเขตแดนกัน เราจะเป็นเพื่อนกันได้เปล่าวะ” “ทำไม มึงอยากเป็นเพื่อนกับกูหรอ” “เปล่า” “แล้วมึงจะถามทำซากอะไร” “กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อน แต่กูอยากเป็นมากกว่านั้น” มันว่าพร้อมกับหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นเพื่อนชุบแป้งทอดมั้ยล่ะไอ้สัส” “มึงแม่ง!!” มันสบถอย่างเซ็ง ๆ “หึหึ มึงมองดูโลกความเป็นจริงด้วยไอ้ห่า ตอนนี้คือกูกับมึงไม่ถูกกัน ไม่ต้องสะเหล่อมาทำตัวสนิทสนม กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเข้าหากูนี่มีจุดประสงค์อะไร แต่ถ้ามันคือแผนของมึงกูขอเตือนให้มึงถอยไปซะ” มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลัง แต่ยังเอามือยั้งตัวไว้อยู่ “บางทีกูก็คิดนะเว้ย ว่าทำไมการมีเพื่อนซักคนมันยากจังวะ รอบตัวกูเต็มไปด้วยบริวารมากมาย แต่กูกลับรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรโดดเดี่ยว เวลาเจอปัญหาอะไรก็ต้องคิดคนเดียว แก้คนเดียว มันโคตรเหงาเลยว่ะ” สายตามันลอยเคว้งไปด้านหน้า พร้อมกับใบหน้าที่ดูหม่นลง “สังคมแบบมึงน่าจะหาเพื่อนได้ไม่ยากนะ คนเก่ง ๆ รวย ๆ แบบมึงน่าจะมีแต่คนอยากเข้าหาไม่ใช่หรอวะ” “หึ มึงไม่รู้อะไร สังคมจอมปลอมนี่แม่งโคตรน่าขยะแขยง ต่อหน้ายิ้มให้ หันหลังเมื่อไหร่โดนยิง เชื่อใจใครไม่ได้หรอก” “แล้วทำไมมึงไม่ออกมาล่ะ เลิกเป็นมาเฟีย ออกมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา” “งั้นมึงก็เลิกเป็นอันธพาลแล้วออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติดิ” “ได้ยังไงล่ะ มึงก็เห็นว่าทุกวันนี้คนมันกระหายอำนาจกันแค่ไหน ถ้ากูเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีใครเกรงกลัว พวกแม่งก็มาบุกรุกพระนครได้ง่าย ๆ น่ะสิ” “นี่แหละ คำตอบของกู” ผมไม่เข้าใจที่มันพูด นี่มันกำลังหมายความว่าที่เอาตัวเองมายืนอยู่จุดนี้ เพราะมีอุดมการณ์เดียวกันกับผมงั้นหรอ นี่มันพูดจริงหรือเป็นแค่แผนลวงให้ผมตายใจกันแน่ “ตัวตนจริง ๆ ของมึงเป็นคนยังไงกันแน่วะ” ผมหันไปจ้องหน้ามันนิ่งด้วยแววตาสับสน “ตัวตนกู มันมีแค่สองคนที่ได้เห็น คนแรกก็คือตัวกูเอง และคนที่สอง ก็คือ…มึง” มันหันมาสบตาผมนิ่งด้วยใบหน้าจริงจัง ประโยคเมื่อกี้ผมจะเชื่อมันได้แค่ไหน มันเป็นศัตรูผมนะ ไอ้บอมเคยบอกว่ามันเจ้าเล่ห์ นี่จะเป็นแผนของมันเปล่าวะ ที่เข้ามาหลอกล่อให้ผมไว้ใจแล้วตลบหลังผมอีกที เราทั้งคู่สบตากันนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่ไอ้ศิวะจะเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นี่มันจะทำอะไร? ไอ้ศิวะโน้มใบหน้าเข้ามาชิดจนปลายจมูกเราชนกัน ลมหายใจ ร้อน ๆ ของมันรดใส่ใบหน้าผมจนร้อนวูบวาบ ก่อนที่ริมฝีปากมันจะขยับเข้ามาชิดผมก็เหมือนได้สติขึ้นมา ผลัก!! “กะ กูไม่ได้ยินเสียงพวกไอ้บอมแล้ว สงสัยมันแยกย้ายกันละมั้ง” ผมพูดตะกุกตะกักก่อนจะพุ่งพรวดออกไปชะเง้อดูที่หน้าต่าง เบื้องล่างไม่มีใครอยู่ซักคนพวกมันคงกลับเข้าที่นอนกันหมดแล้ว “พวกมันไม่อยู่แล้ว มึงกลับไปได้แล้วไป” ผมรีบไล่ให้มันออกไปให้พ้นห้อง ก่อนที่ผมจะเผลอตัวไปกับมันอีก ไอ้ศิวะทำหน้าเบื่อหน่ายขั้นสุดก่อนจะยอมเคลื่อนตัวมาที่หน้าต่างอย่างอืดอาด มันค่อย ๆ ก้าวขาออกไปนอกหน้าต่างแต่ก็หยุดชะงักเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “กูลืมไปสนิทเลยว่ะ มึงขยับมานี่ดิกูมีอะไรจะบอก” “มึงก็พูดมาดิ ยืนอยู่ตรงนี้กูก็ได้ยิน” “ไม่ได้! เร็ว ๆ กูจะไปละเนี่ย” มันกวักมือเรียก จนผมต้องกลอกตามองบนแต่ก็ยอมขยับตัวเข้าไปชิดตัวมัน “ว่าไง” “ฝันดีนะ” จุ๊บ! “………..” ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก >/////< ไอ้บ้าเอ้ย นี่มึงหลอกจูบกูหรอ ไม่ทันที่ผมจะได้โบกกระบาล มันก็รีบปีนลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว กูฝากไว้ก่อนเถอะไอ้สัส กูจะตามเช็กบิลทั้งต้นทั้งดอก!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม