“คืนนี้แล้วสินะ!”
เมื่อค่ำคืนพระจันทร์สีเลือดมาเยือน บุญแสนออกคำสั่งเด็ดขาดให้ลดาละมัยออกจากหมู่บ้านริมเขา แล้วไปพักนอนที่หอพักของโรงพยาบาลในตัวเมืองแทน เพื่อให้เธอปลอดภัยจากตำนานอาถรรพ์ของหมู่บ้าน ไม่กลายเป็นผู้ถูกเลือกของชนเผ่าลับ
เพราะลดาละมัยอยากให้บิดาตายใจ จึงทำตามคำสั่งแต่โดยดี คิดว่าจะแอบออกจากโรงพยาบาลก่อนเที่ยงคืนแล้วมุ่งตรงกลับไปที่หมู่บ้าน
ทว่า...ห้องฉุกเฉินในค่ำคืนนี้กลับป่วนหนัก เมื่อพยาบาลเวรอีกสองคนท้องเสียพร้อมกัน ลดาละมัยก็เลยต้องทำหน้าที่แทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อีกชั่วโมงเดียวก็เที่ยงคืนแล้ว”
เธอเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เพื่อจะกลับไปพิสูจน์ความจริงที่รอคอย แต่ดูเหมือนชะตากรรมจะไม่ได้เข้าข้างเธอ
“เฮ่อ...ในที่สุด...การรอคอยก็ไร้ความหมาย 10 ปีที่เราดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ยอมชายตาแลใคร”
ลดาละมัยสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้ว หากครั้งนี้ไม่ได้คำตอบที่ตามหา เธอจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องชนเผ่าลึกลับนั่นซะที แล้วจะใช้ชีวิตโดยไม่ยืดติดกับเรื่องงมงาย ตั้งหน้าตั้งตาหาผู้ชายดี ๆสักคนมาเป็นผัว
“อือ...สีของดวงจันทร์...โอว” เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำกำมะหยี่ ก็ได้เห็นว่าดาวทั้งฟ้าจมหายไปกับทิวเมฆดำคล้ำ มีเพียงพระจันทร์ดวงกลมโตสีแดงสุกประทับอยู่กลางผืนฟ้า
“อ่า...” ลมหนาวแสนยะเยือกมาเยือนถึงก้นบึงหัวใจเลยล่ะ เธอสัมผัสความรู้สึกนั้นได้อย่างแรงกล้า ถูกจู่โจมอย่างเงียบเชียบ แต่รวดเร็วราวกับพายุ
“อืออ” แสงจันทร์อาบคลุมไปทั้งเรือนกาย หัวใจสั่นสะท้านไปหมด ทั้งยังรู้สึกร้อนลุ่มไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ไหว ช่องรักสุกซ่านหวามหวิว ร่างกายเกิดกระหายเซ็กส์ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ทำไมรู้สึก...ซี๊ดส์ เหมือนจะทนไม่ไหว” เหงื่อซึมในทุกอณูเนื้อ เลือดในกายเดือดพล่าน ร่องรักร้อนผะผ่าวราวกับโดนไฟลามเลีย
“โอยย...”
ลดาละมัยพยายามระงับความรู้สึกซ่านที่กระทุ้งร่างกายไม่หยุด ด้วยการเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำของห้องฉุกเฉิน เพื่อให้อารมณ์มันผ่อนคลายลง
“ได้อาบน้ำสักหน่อยก็คงดี”
“คุณพยาบาลครับ คุณพยาบาล!!!”
เสียงเรียกจากเจ้าหน้าที่ขับรถ ทำให้เธอต้องรีบออกจากห้องน้ำแล้วขึ้นรถตู้ฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อไปรับหญิงท้องแก่ใกล้คลอดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างห่างไกลและทุรกันดาร
“เร็วสิ...เร็วๆ” ลดาละมัยนั่งเพียงลำพังในรถฉุกเฉิน ซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน
เธอรู้สึกเป็นห่วงคนไข้จนอยู่ไม่ติด นึกภาวนาให้แม่ลูกปลอดภัยทั้งคู่
“โอวว อะไรกันเนี่ย อย่างกับบนดาวอังคาร!”
เพราะเส้นทางระหว่างหุบเขานั้นแสนขรุขระ กอปรกับมีสายหมอกหนาแน่นเต็มรายทาง จึงทำให้การขับเคลื่อนของรถฉุกเฉินเป็นไปอย่างลำบาก
“เหมือนอยู่ในอุโมงค์เลย” สองข้างทางเต็มไปด้วยความมืด บรรยากาศวังเวงราวกับอยู่ในหนังสยองขวัญ
“ขนลุก อะ...” เธอแทบจะคุมร่างกายไม่อยู่ ตอนที่รถตู้วิ่งตกหลุมบ่อจนกระเทือนกระดอน
กระทั่งถึงทางเลี้ยวหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยหมอกขาวหนาแน่น รถตู้ขับเร็วขึ้นแต่เริ่มเสียหลักกวัดแกว่งไปมา ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนเบรกแตก...
“หา!!!” เธอตกใจแทบช็อค...หัวใจสั่นสะท้านด้วยความกลัว คว้าจับสิ่งของใกล้มือเพื่อรั้งร่างไว้
โครม!
ใช่แล้ว...เสียงรถชนกับอะไรสักอย่างดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งป่า ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปในวินาทีนั้น...วินาทีที่ห้วงสำนึกสุดท้ายถูกความมืดมิดครอบงำจนมองไม่เห็นสิ่งใดอีก
“โอวว...ฉันตายแล้วเหรอ?”