บทที่ 9 เธอควรค่าให้เสี่ยง

1861 คำ
เย็นวันนั้นเธอปล่อยให้เจ้าเด็กสองคนช่วยกันทำงานในร้านแล้วก็กินข้าวแล้วไปนอน ส่วนเธอไปหลอมยามาเพิ่ม เพราะยาหมดไปหลายอย่าง ตอนนี้ต้องเร่งจัดการ และโชคดีที่มิติหลอมยาของเธอนั้นสามารถทำยาได้ครั้งละมาก ๆ ยกเว้นเพียงยาพลิกชีวิตเท่านั้นที่ทำได้ทีละสองเม็ด เธอจึงไม่คิดจะทำมันในตอนนี้ เพราะคงยังไม่มีใครต้องการใช้ ในครั้งก่อนยาสองเม็ดที่เธอทำไว้ก็ยังอยู่ กว่าจะออกจากห้องหลอมยาก็เวลาล่วงเลยจนเที่ยงคืน เธอถึงเข้านอนเพื่อเอาแรงสู้กับวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง คฤหาสน์คุณชายใหญ่หาน ตั้งอยู่ชานเมืองฝั่งตะวันตกของเซี่ยงไฮ้ หลังม่านต้นแปะก๊วยที่ใบกำลังเปลี่ยนสีเป็นทองเต็มลาน มีอาคารหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่น ภายในอาคารสร้างสไตล์บารอกผสมสถาปัตยกรรมจีนประยุกต์เข้ากันอย่างลงตัว แม้ถูกสร้างมานานหลายปีแต่ที่นี่กลับดูเข้มขลังและเหมือนใหม่ตลอด เพราะผู้เป็นเจ้าของนั้นให้คนดูแลทำความสะอาดมันอย่างดี ภายในอาคารหลังนี้ นอกจากมีบอร์ดี้การ์ดที่แฝงตัวอยู่รอบ ๆ อย่างแน่นหนา แต่ที่พักที่นี่กลับมีเพียงคนผู้หนึ่งที่อยู่ลำพังมาหลายปี …คนที่แม้ในวงการใต้ดินจะรู้จักกันดีถึงชื่อเสียง และความเฉียบขาด แต่กลับไม่มีใครกล้าเรียกชื่อของเขาดัง ๆ หรือกล้าถามหาคนผู้นี้เลย เพราะพวกเขายังอยากมีชีวิตต่อเพื่อกินข้าวในมื้อต่อไป ในห้องรับแขกชั้นในสุด เสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ …ติ๊ก… ติ๊ก… ติ๊ก… เป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด ม่านผ้าไหมสีดำสนิทกั้นแสงจากโลกภายนอก เฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปตกแต่งกันเข้าชุดหรูหราวางตั้งเรียงรายเข้ากัน เบื้องหลังโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ หานอวี้เหิงเอนตัวพิงเบาะหนัง ในมือถือแก้วไวน์ทรงสูงในนั้นบรรจุไวน์แดงอยู่หนึ่งส่วนสามแก้ว แต่มีดวงตาคู่คมจ้องมองสีแดงของไวน์ไม่วางตา ข้างกายมีแฟ้มข้อมูลปึกหนาเปิดอยู่ หน้าปกเขียนไว้เพียงไม่กี่คำ “รายชื่อหมอที่กล้ารักษาและไม่เปิดเผยข้อมูล” แสงไฟสีอำพันส่องให้เห็นเพียงบางส่วนของใบหน้าคมเข้ม เสี้ยวหน้าด้านขวาของเขาคมคายราวกับสลักจากหินหยกขาวราคาแพง จมูกโด่งเรียวได้รูป ลาดรับกับโครงหน้าคมคายอย่างพอดิบพอดี ริมฝีปากบางเฉียบมักจะ เม้มสนิทราวกับซ่อนคำสั่งความตายไว้เบื้องหลังนั้น คิ้วเข้มเฉียงดั่งพู่กันจีนตวัดหนึ่งเดียวเปี่ยมอำนาจ ชวนให้นึกถึงโปสเตอร์โฆษณาบุหรี่หรูที่ติดอยู่ตามผนังเมืองยุค 80 แต่เป็นเวอร์ชันที่มีชีวิต…และอันตรายกว่าทุกคนในภาพเสียอีก แค่เพียงเงาสะท้อนบางส่วนของเขาภายใต้แสงไฟสีส้มนวลในห้อง ก็เพียงพอให้หัวใจของใครบางคนชะงักวูบ… บานประตูไม้หน้าห้องเปิดออกอย่างแผ่วเบาราวกับให้เสียงนั้นเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เสียงรองเท้าหนังเหยียบลงบนพื้นไม้ดังเบา ๆ สะท้านก้องในห้องรับแขก เสียงผู้มาใหม่กล่าวขึ้นหลังจากเดินไปยืนอยู่ด้านข้างของเขา “คุณชาย…” เสียงนุ่มนวลของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเรียบดังขึ้น…ซินลู่ ผู้ติดตามที่ภักดีที่สุดของเขา “พูดมา” เสียงทุ้มต่ำของหานอวี้เหิงฟังเรียบแต่แฝงแรงกดดันซินลู่ก้าวเข้าไปชิดโต๊ะ วางซองเอกสารลงเบื้องหน้า ในนั้นมีภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ถ่ายจากมุมไกลในตลาด หญิงสาวในชุดธรรมดา แต่กำลังให้ยาเด็กคนหนึ่งพร้อมรอยยิ้ม ภาพที่กำลังรักษาคนแก่ ภาพที่กำลังจ่ายยาถูกนำมาส่งให้ผู้มีอำนาจสูงสุดในตระกูลหาน “เด็กสาวจากร้านสมุนไพรแซ่หวัง…รักษาฟ่านฉายจนหายขาดภายในเจ็ดวัน หมอที่โรงพยาบาลให้ตัดใจรอวันตาย แต่เธอรักษาได้ครับ” “ฟ่านฉาย?” ดวงตาที่มืดหม่นกระตุกเล็กน้อย “เขาไม่เคยเชื่อหมอที่ไหนอีกเลย หลังจากทุ่มเงินเสาะแสวงหายารักษาอย่างดี และหมอที่มีชื่อเสียง เขา เดิมพันด้วยเงินร้อยหยวน แต่เมื่อหายขาดเขาให้เธอถึง พันหยวนและยอมลงทุนลงแรงช่วยหญิงสาวคนนี้จัดหาทะเบียนบ้านและกำลังเคลียร์ทางให้เธอได้ใบอนุญาตขายยาให้กับโรงพยาบาล เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เกินกำลังของเขา” “ชื่ออะไร” “กู้ถงถง” ชื่อที่เหมือนลอยละลิ่วในสายลมเบา ๆ แต่กลับทำให้ปลายนิ้วของหานอวี้เหิงที่จับแก้วไวน์อยู่กำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาเงียบไปพักหนึ่ง… ก่อนจะวางแก้วไวน์เบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “พรุ่งนี้ พาเธอมาที่นี่” “เธออาจไม่ยอมมา” “ถ้าไม่มา… ก็ซื้อร้านนั้นซะ” “คุณชาย…!” ซินลู่ลังเล แต่ไม่กล้าเอ่ยค้านอีก “ฉันไม่ได้จะขอให้เธอรักษา… แค่จะดู…ว่าเธอมีค่าพอให้ฉันเสี่ยงอีกครั้งหรือเปล่า” และในแสงสลัวของดวงไฟ ใบหน้าไร้อารมณ์ของ หานอวี้เหิง กลับเผยแววบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเอง…ก็อาจไม่เข้าใจ ซินลู่เงียบลง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเข้าใจ …สำหรับชายคนนี้ “การเสี่ยง” คือสิ่งต้องห้าม แต่ถ้าวันหนึ่งเขายอมเสี่ยงอีกครั้ง แสดงว่าคนคนนั้นไม่ธรรมดา เสียงเข็มนาฬิกาเดินต่อเนื่อง กลืนกับลมหายใจเงียบสงัดในห้อง หานอวี้เหิงหลับตาลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง ประกายบางอย่างในดวงตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนคนที่ ยังไม่เชื่อ… แต่เริ่มอยากรู้ เขาไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่เอื้อมมือไปแตะกระดุมคอเสื้อ…กลัดให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย เหมือนเตรียมพร้อมสำหรับการกระทำบางอย่างที่กำลังจะเริ่ม เขาไม่เชื่อในการรักษา เขาไม่ศรัทธาในหมอคนไหน แต่ถ้า “เด็กผู้หญิงจากร้านยาเล็ก ๆ” คนนั้นกล้าพอจะรักษาฟ่านฉายให้หาย แล้วมองโลกด้วยแววตาที่ไม่กลัวอำนาจ… บางทีเธออาจไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิด หานอวี้เหิงเอนหลังพิงพนัก เก็บรูปหญิงสาวใส่แฟ้ม ปิดลงอย่างช้า ๆ …และรอยยิ้มมุมปากที่แทบไม่เคยมี ก็ปรากฏขึ้นเพียงชั่วแวบเดียว แต่แม้เพียงแวบเดียว… ก็อันตรายพอจะเปลี่ยนชะตาของใครบางคนได้ทั้งชีวิต เช้าวันรุ่งขึ้นกู้ถงถงต้องแปลกใจ เพราะตั้งแต่เปิดร้านตอนเช้า รถยนต์ยุโรปสีดำสนิทห้าคันก็จอดปิดทางเข้าร้านเธอยาวแทบจะถึงต้นซอย เธอมองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ จากนั้นก็ผลักประตูร้านให้กว้างขึ้น วันนี้เป็นวันหยุดของอาเหล่ย เธออนุญาตให้เด็ก ๆ ตื่นสายได้และเธอจะเป็นคนเปิดร้านเอง แต่ต่อให้พูดอย่างนั้นเสี่ยวหมิงคนเก่งของเธอก็ตื่นมาหุงข้าวและซื้ออาหารแต่เช้า เธอให้เขาจัดการเกี่ยวกับเรื่องในบ้านได้เต็มที่ เงินหมดเมื่อไหร่ถึงมาเบิก เจ้าเด็กอ้วนอยากกินอะไรก็ซื้อเต็มที่เช่นกัน และนั่นเธออนุญาต เพราะเขาทำงานคุ้มกับสิ่งที่กินเข้าไป ขณะที่เจ้าอ้วนวิ่งไปซื้อของกินในตลาด รถเจ้าปัญหาพวกนี้ก็มาขวางทางหน้าร้านเธอเสียอย่างนั้น แบบนี้ใครจะมารักษากับเธอกันเล่า เธอยืนมองแล้วสุดท้ายก็มีคนแต่งสูทสีดำใส่แว่นสีดำลงมาท่าทางไม่น่าไว้ใจเสียด้วย จนเธอมองไปยังเบื้องหลังว่าหยางเหล่ยออกมาหรือเปล่าจากนั้นเธอรีบปิดประตูร้านแล้วให้ตัวเองยืนอยู่หน้าร้านคนเดียว “สวัสดีครับคุณหนูกู้” ชายหน้าตาค่อนข้างดีโค้งให้เธออย่างนอบน้อมทำให้เธอมองอย่างพิจารณาพลางระวังเอาไว้ด้วย และมองหาว่าเจ้าเสี่ยวหมิงมาหรือยัง จะให้ตะโกนดัง ๆ “ไม่ต้องกลัวครับ เราคือคนที่ฟ่านฉายบอกคุณเอาไว้ก่อนแล้ว พวกเราจะมารับคุณหนูกู้ไปตรวจอาการคนหนึ่งครับ” กู้ถงถงไม่ยอมขึ้นรถไปกับใครเด็ดขาด หากอยากรักษาก็ต้องมาหาเธอเท่านั้น แน่นอนเธอยังปากดีอีกด้วย “ฉันไม่รับรักษานอกสถานที่ค่ะ คุณไปเชิญเขามาที่นี่ ฉันมีอุปกรณ์ตรวจที่นี่ไม่สะดวกขนย้าย” “เรามีคนขนให้ครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังการ์ดที่ยืนเรียงอยู่นับสิบคน กู้ถงถงบีบขมับ...นี่เขาไม่เข้าใจหรือแกล้งโง่กันแน่ เธอปฏิเสธเห็น ๆ อยู่แล้ว “ฉันไม่สะดวกค่ะ” “คุณมีพ่อที่ป่วยอยู่? แล้วก็น้องชาย...” เธอได้ยินคำว่า “น้องชาย” พอดี พลันยกมุมปากยิ้มแสยะ หันกลับมาหรี่ตาลงช้า ๆ กอดอกอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าจะใช้พ่อที่เคยไล่ฉันออกจากบ้านมาขู่ล่ะก็… ฝากไปบอกเขาด้วยนะคะ ว่าตอนนี้ฉันขึ้นราคายาจ่ายให้ญาติแล้ว ยิ่งเหยียบย่ำฉันมากเท่าไหร่ ค่าตรวจยิ่งแพงค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบ แต่ปลายประโยคแทงลึก “แล้วถ้าเป็นน้องชายของคุณ…ที่กำลังจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน เพราะไม่ได้จ่ายค่าเทอมล่ะครับ?” คำถามนั้นเหมือนถูกปล่อยอย่างตั้งใจ กลบความเงียบรอบร้านให้อึดอัดขึ้นทันตา แต่กู้ถงถงแค่เลิกคิ้วเล็กน้อย “พรุ่งนี้ฉันไปจ่ายก็ยังได้” เธอไม่สิ้นไร้ไม้ตอกอีกแล้ว เงินในมิติเธอมากพอซื้อร้านทั้งตลาด ที่เจ็บกว่านั้น…เธอเพิ่งรู้ว่า ‘ยายนั่น’ ไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้น้องของเธอ ยายนั่นเอาเงินไปทำอะไรกันแน่ เธอขบฟันแน่นในใจ หึ! หรือว่า…ถึงเวลาต้องกลับไปเคาะประตูบ้านตระกูลกู้เสียที แต่เสียงทุ้มเรียบของชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นขัดกระแสความคิดนั้น ก่อนเธอจะได้เอ่ยอะไร “แต่ผมว่า…คุณมีวิธีที่ดีกว่านั้นเยอะนะครับ” “…” “โดยเฉพาะถ้าคุณ…ต้องการ ‘เอาคืน’ อย่างสวยงาม ไม่เปลืองแรง และเจ็บยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า” คำว่า เอาคืน ถูกเน้นชัด ราวกับมันเป็นยาเสน่ห์ชนิดหนึ่งดึงดูดเธอเข้าหา เธอหรี่ตาลงทันที ความสนใจในใจเริ่มกระเพื่อม “…พูดแบบนี้นี่คุณหวังให้ฉันขึ้นรถกับคุณไหม?” เธอยิ้ม แต่เป็นยิ้มการค้าระหว่างเธอและเขา “…หรือคุณจะขนคฤหาสน์มาไว้หน้าร้านเลยล่ะ?” ชายตรงหน้ายกยิ้มบาง ๆ ไม่ตอบตรง ๆ แต่เพียงเอื้อมมือเปิดประตูรถหรูคันหน้าสุด พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าของบ้าน…รอคุณอยู่แล้วครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม