ปณิตายังคงนอนไม่หลับเช่นทุกครั้ง เธอจ้องมองนาฬิกาบนผนังห้องนอนของลูกสาว ตีสองเข้าไปแล้วแต่ทำไมภูวินยังคงไม่กลับบ้าน แม้จะไม่ได้พูดคุย แม้ความสัมพันธ์จะตึงเครียดมานานเป็นเดือน แต่ความห่วงใยและความรักที่มีให้เขามันยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เธอจะนอนหลับได้ก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดสนิทที่หน้าบ้าน แต่ปกติแล้วภูวินไม่เคยเถลไถลแบบนี้มาก่อนเลย เขาไปไหน เขาอยู่กับใคร จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางหรือเปล่าทำให้หญิงสาวรู้สึกกระวนกระวายใจ จนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรหาด้วยความเป็นห่วง
กระหน่ำโทรหลายสิบสาย แต่ทุกครั้งกลับไม่มีเสียงตอบรับให้ชื่นใจเลย
"พี่ภูไปไหนนะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์เลย"
หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนของลูกสาว เดินวนไปเวียนมา นิ้วเรียวก็ยังคงกดโทรศัพท์จิ้มเบอร์เดิมซ้ำ ๆ ไม่ได้หยุดพัก แม้จะไม่มีใครรับสายเลยก็ตาม
แสงไฟรถที่สาดส่องขึ้นมาถึงบนห้อง เสียงรถยนต์ที่จอดดับเครื่องสนิท ทำให้ปณิตาต้องรีบวิ่งลงไปด้านล่างของบ้าน พบเจอเข้ากับกฤษณะหิ้วภูวินที่เมาหมดสภาพกลับมาส่ง
"พี่กฤษณ์ พี่มากับพี่ภูได้ไงคะเนี่ย"
กฤษณะไม่ได้เมาจนไม่มีสติ แต่เขาแค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนภูวินและพลอยไพลิน ในเมื่อคนทั้งคู่ไม่ยอมกลับมีหรือว่าเขาจะกลับก่อนทุกคนได้
"คุณภูดื่มอยู่กับพี่เอง คืนวันศุกร์พี่ชวนเขาไปปาร์ตี้ เห็นพักนี้เครียด ๆ โรสคงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม?" เพื่อให้อีกคนสบายใจและไม่คิดมาก ทำให้เขาต้องพูดปดคำโตเลย ไม่ได้อยากจะช่วยปิดบังแต่เพราะไม่อยากให้ปณิตากังวลใจ
"ไม่หรอกค่ะ โรสแค่เป็นห่วงกลัวจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นน่ะสิ โทรศัพท์หาตั้งหลายครั้งทำไมพี่กฤษณ์ไม่รับให้พี่ภูล่ะคะโรสจะได้สบายใจ"
"พี่มัวแต่สนใจถนนน่ะ ไม่ว่างรับสายหรอก มา ๆ เดี๋ยวพี่พาคุณภูขึ้นไปส่งบนห้องจะดีกว่านะ"
ปณิตาเดินไปช่วยพยุงอีกข้างของภูวิน นำพาร่างคนเมาขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ดีที่ว่ากฤษณะตัวใหญ่ตัวสูงเลยไม่ทุลักทุเลกับการพาภูวินไปส่งที่ห้องพักเลยสักนิด
ปณิตาหาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตัวทำความสะอาดให้คนเมา เพื่อเปลี่ยนชุดนอนให้เขาได้นอนหลับสบายตัวมากกว่านี้
"ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้นะพี่ภู ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะดื่มจนเมาแบบนี้มาก่อน เมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่แทบจะจำไม่ได้ ถ้าพี่กฤษณ์ไม่มาส่ง พี่ภูจะกลับบ้านยังไง"
ปากก็บ่นไปเรื่อย มือก็ลูบเช็ดร่างหนาด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาดจนสะอาดสะอ้านไปทั้งตัว เหมือนคนเมาจะเริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ดวงตาคมเริ่มปรับเพ่งมองแสงสลัวที่แยงเข้าตา
"โรส พี่กลับมาบ้านได้ไง?"
"เมาจนไม่รู้อะไรเลยสินะ พี่กฤษณ์ขับรถมาส่งเมื่อกี้ค่ะ เดี๋ยวโรสไปหาชุดมาให้เปลี่ยนนะคะ โรสเพิ่งเช็ดตัวให้พี่ภูเสร็จ"
หญิงสาวกำลังจะลุกเดินจากไป แต่สุดท้ายก็ถูกอ้อมแขนของภูวินกอดเกี่ยวรอบเอวบอบบางเอาไว้จนเซถลาลงมาแนบชิด ตั้งแต่มีลูกแทบจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้มาก่อนเลย ปณิตาจ้องมองใบหน้าของคนที่รักก่อนจะแนบใบหน้าลงร้องไห้กับแผงอกแกร่งอย่างอดไม่ได้ เขาไม่พูดคุยกับเธอมานานเป็นเดือน ทำให้ความรู้สึกน้อยใจที่มีมันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ไหลรินออกมาในเวลานี้
"โรส ร้องไห้ทำไม?"
"โรสคิดว่าพี่ภูจะโกรธเกลียดโรสแล้ว"
"ใครจะเกลียดโรสล่ะก็พูดไปโน่น"
"พี่ภูไม่พูดกับโรส ไม่มองหน้าโรสมาเป็นเดือนแล้วนี่คะ ฮึก ฮือออ"
ฝ่ามือแข็งแกร่งลูบไล้เบา ๆ ไปตามแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลม
"ร้องไห้เป็นเด็กไปได้ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ"
ปณิตาแหงนหน้าขึ้นจ้องมอง ทั้งที่ใบหน้ายังคงมีน้ำใสไหลอาบแก้มเป็นทางยาวชวนให้สงสาร
"โรสขอโทษนะคะพี่ภู โรสไม่อยากให้เราหมางเมินกันเหมือนก่อนหน้านี้เลย โรสอึดอัด โรสคิดว่าเราต้องเลิกกันจริง ๆ ซะแล้ว"
"เลิกอะไรล่ะ พี่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นซะหน่อย โรสเป็นเมียและแม่ของลูกพี่นะ"
ปณิตาก้มหน้าลงไปใกล้ จูบซับเรียวปากหนา สัมผัสเขาก่อนอย่างหน้าไม่อายเลย มือไม้ของภูวินเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ลูบไล้ไปทั่วร่างกายบอบบางที่คุ้นเคยและถวิลหา นานมากแล้วที่ไม่ได้ปลดปล่อย นานมากแล้วที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกัน ความต้องการเริ่มโหยหาจนหยุดไม่ได้ สองร่างที่หลอมละลายเข้าด้วยกัน เนื้อที่แนบชิด ร่างกายที่หล่อรวมเป็นหนึ่งเดียว เสียงหอบกระเส่าดังประสานไปพร้อมกับเสียงเนื้อที่ตกกระทบ ชวนให้วาบหวานซาบซ่านรัญจวนใจมากเหลือเกิน
เช้านี้เป็นเช้าที่ต่างจากทุกครั้งที่ตื่นนอน อ้อมกอดของภูวินทำให้ปณิตาต้องยิ้มกว้าง จ้องมองใบหน้าของผู้ชายที่รักหมดหัวใจ ก่อนจะยื่นใบหน้าไปจุมพิตคางแหลมเบา ๆ ถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปดูลูกสาวแล้ว อีกไม่นานหนูน้อยฟ้าใสก็จะตื่นรับอรุณเช้าวันใหม่
07:30น. เป็นเวลาที่ภูวินเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน ร่างสูงเดินไปนั่งลงข้างลูกสาวที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดี
"อร่อยไหมครับคนสวยของพ่อ"
"อร่อยค่ะ อร่อยมาก" แก้มป่องยิ้มแฉ่งให้พ่ออย่างน่ารัก
"พ่อจ๋ากินข้าวสิ หม่ำ ๆ"
นิ้วมือเล็กหยิบจับชิ้นไก่ทอดในจานส่งเข้าปากป้อนให้พ่อ ภูวินอ้าปากรับหยอกล้อเล่นด้วยอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน
"หืมมมม อร่อยมาก อร่อยจริง ๆ เลยครับ"
"เดี๋ยวโรสไปเอากาแฟมาให้นะคะพี่ภู"
ปณิตายิ้มน่ารักส่งทักทาย ก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อไปชงกาแฟมาเสิร์ฟให้
เสียงไลน์แอพพลิเคชั่นดังขึ้น ภูวินได้รับเมสเสจเรียกเข้าจนต้องรีบกดเข้าไปดู
"ตื่นยังคะภู วันนี้พลอยขอลางานนะคะ ปวดหัวหนักมากลุกไม่ไหวเลย"
พร้อมกับแนบรูปภาพที่กำลังนอนอยู่บนเตียงส่งมาให้เป็นหลักฐาน
"ดื่มเยอะก็งี้ ภูอนุมัติวันลา ว่าแต่ลุกไปกินข้าวไหวหรือเปล่า?" ข้อความถูกส่งกลับไปหาในทันที
"สงสัยจะไม่ไหว จะมีคนใจดีซื้อมาส่งบ้างไหมนะ?"
ภูวินยิ้มเพียงเล็กน้อย คุยกับพลอยไพลินทีไรก็ทำให้อารมณ์ได้ตลอดแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย
"กาแฟได้แล้วค่ะพี่ภู"
แก้วกาแฟหอมกรุ่นถูกวางลงตรงหน้า ภูวินยิ้มรับพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงเช่นเคย
"หลับสบายไหมคะ เมื่อคืนเมาหนักมากเลยนะ พี่ภูรู้ตัวหรือเปล่า?"
"รู้ตัวสิ รู้ด้วยว่าเมื่อคืนถูกเมียปลุกปล้ำ"
"บ้า พูดอะไรคะ ใครปล้ำ โรสไม่ได้ทำซะหน่อย"
"แต่โรสก็เริ่มก่อนแหละหรือไม่จริง?"
"พอเลย ไม่คุยแล้วค่ะอายลูกเปล่า ๆ หยุดพูดเลยนะพี่ภู"
หญิงสาวถึงกับชี้หน้าคาดโทษอย่างเอาเรื่อง ภูวินได้แต่ยิ้มส่ายหน้าให้เบา ๆ เป็นเช้าที่อารมณ์ดีในรอบปีเลยก็ว่าได้
"ทานข้าวเช้าไหมคะ มีข้าวต้มกุ้งของโปรดพี่ภูด้วยนะ"
"เอ่อ...พอดีวันนี้พี่รีบ โรสช่วยเอาใส่ปิ่นโตให้พี่ไปกินที่ทำงานก็แล้วกัน รถมันติดพี่ต้องรีบไปประชุมเดี๋ยวไม่ทัน"
"ได้เลยค่ะ เดี๋ยวโรสไปเตรียมให้นะคะ"
ปณิตาเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง ภูวินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา พิมพ์ข้อความที่ค้างต่อและส่งออกหาหมายเลขปลายทางอีกครั้ง
"เดี๋ยวแวะเอาอาหารเข้าไปส่งนะครับ รอเปิดประตูต้อนรับด้วย"
พร้อมกับหันหน้ากลับไปหยอกล้อกับลูกสาวอย่างอารมณ์ดี ปณิตาหันหน้ากลับมามองสองพ่อลูก รู้สึกดีที่เช้าวันนี้ภูวินอารมณ์ดีและมีความสุข ความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้อะไรในชีวิตดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยสินะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปปณิตาสัญญากับตัวเองว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีกับภูวินดีขึ้นมากกว่าเก่า อย่างน้อยในเวลาที่มีปัญหากันที่ผ่านมาเธอก็รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหนและควรปรับแก้อย่างไร หวังว่าชีวิตนับจากวันพรุ่งนี้จะได้กลับมามีความสุขดังเช่นเดิม