“ทำไมเธอยังไม่มาทำงานอีก แบบนี้น่าจะถูกตัดเงินเดือนสักสามเดือนเลยเป็นไง”
ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ซ้ำยังปล่อยให้ร่างสูงอย่างรองประธานบริษัท เจมส์ จีรกิตต์ ใช้ความอดทนสูง ใจเย็น เคาะนิ้วลงบนโต๊ะทำงานรอ ตาคมจับจ้องมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนแพงทุกๆ สิบวินาที
สักพักประตูห้องทำงานก็เปิดออก น้ำค้างนิ่วหน้า เธอต้องการคำตอบจากสามีพ่วงตำแหน่งเจ้านายหน้าเลือด เลขาหน้าห้อง แต่ไม่มีโต๊ะทำงานอยู่เป็นประจำ
สายตาคู่หวานมีแว่นตากรอบใสปกปิดซ่อนเอาไว้ เห็นโต๊ะทำงานประจำของเธอตั้งไว้ใกล้กันกับโต๊ะของท่านรองประธานเจมส์
“มาแล้วเหรอแม่ยัยเลขา หลงวัดอยู่ที่ไหนล่ะ ถึงได้โอ้เอ้ไปหาเหยื่ออ่อยพนักงานชายคนอื่นอีก”
ดูสิ คำทักทายแรกของเจ้านายปากร้ายแต่ละอย่าง ใครเขาอยากจะคุยดีๆ ด้วย เลขาสาวแว่นหมดอารมณ์แต่ยามเช้า น้ำค้างนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว พลางนึกถึงคำพูดของพ่อสามี
‘คนอย่างเจมส์ชอบเอาชนะ หนูน้ำค้างลองไม่โต้กลับหรือทำทีว่าเป็นผู้แพ้ แบบนี้ลูกชายฉันต้องดิ้นพล่านเดือดดาลแน่นอน ฉันรู้จักนิสัยลูกชายจอมกระล่อนดี’
“เป็นอะไร ทำไมไม่พูด หรือว่าเถียงไม่ออก” เขาเปิดรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นทีท่าของอีกฝ่าย
“ฉันไม่อยากเถียงกับเจ้านายไร้เหตุผลค่ะ อ้อ โต๊ะทำงานของฉันเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไงกันล่ะคะ ท่านรองประธาน” น้ำค้างเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“ฉันสั่งคนให้ย้ายเข้ามาเอง ต่อจากนี้เธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอดทุกฝีก้าว”
สาเหตุก็เป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน เจมส์ใช้อำนาจทายาทเจ้าของบริษัทดีดภรุจ พนักงานฝ่ายขายออกไปทำงานแผนกอื่น ต้องการให้อยู่ไกลน้ำค้างมากที่สุด เกลียดนักเชียว ผู้หญิงส่ำส่อน แต่งกับเขาเพราะเงิน แต่ข้างในใจคิดถึงชายอื่น
‘แต่เอ๊ะ ทำไมฉันต้องสนใจยัยแว่นนี้ด้วย?’ อันนี้เอง เจมส์ยังหาคำตอบตัวเองไม่ได้
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
น้ำค้างไม่ยอม โต้กลับด้วยน้ำเสียงโมโห ตัดลิดรอนอิสรภาพยังไม่สะใจเขาพอหรือไง เธออยากจะรู้ว่าสมองของเขากำลังคิดวางแผนเล่นความรู้สึกภรรยาตัวเองให้เธอทนไม่ไหว ขอหย่าก่อนหรือว่าอย่างไรกัน
“เป็นคำสั่งของเจ้านายเธอ เธอไม่มีสิทธิ์คัดค้าน นอกเสียจากจะเป็นมากกว่านั้น” เสียงทุ้มหนาของอีกคนกระซิบข้างใบหูนุ่มทางด้านหลัง ยื่นหน้าใกล้แก้มนวลจนอดใจสั่นไม่ได้
และที่เขาหมายถึงก็คือเมียของเจ้านาย ก็อย่าหวังว่าเธออยากจะเป็นอย่างที่เขากล่าวหาจนตัวซีดตัวสั่น!
มีศักดิ์ศรีมากพอ...ที่จะต้องเข็มแข็งด้วยตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอเป็นแค่เลขากระจอกๆ ต่ำต้อยดีกว่า มันอาจจะสบายใจกว่าตอนนี้”
น้ำค้างไม่รู้ว่าสีหน้าคมเข้มเมื่อถูกเลขาสาวแว่นสุดเฉิ่มพูดตอกหน้าจะเสียหายทางด้านความรู้สึกมากน้อยเพียงใด แต่ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าเธอพอกับความรักแรกพบวัยเด็ก ความอับอายตัวเองจนชินชา ไร้ความรู้สึกใดๆ
ใครจะไปรู้ว่าเธอไม่ได้ร้องไห้มันออกมา ใช่ว่าไม่เสียใจ เพียงแค่ไม่อยากถูกเขามองด้วยสายตาสมเพชเวทนาอีก!
“เธออยากจะเป็นแบบนั้นก็ตามใจ ยัยแว่นโพสต์อิท!”
“....”
ท่านรองประธานเจมส์ออกไปเข้าห้องประชุมแล้ว ทว่าหน้าที่เลขาอย่างน้ำค้างต้องสะสางงานคั่งค้างอยู่ เธอทำงานสักพักพลางเงยหน้ามองเส้นปัดนาฬิกา บ่งบอกว่าเที่ยงตรง ดูเหมือนกองงานบนโต๊ะไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ซ้ำยังเพิ่มเติมขึ้น
โครกคราก!
“พักสักหน่อยดีกว่า”
มือเล็กลูบท้องแบนราบตัวเองไปมา น้ำค้างหิวข้าวจนแสบกระเพาะ ตอนเช้ากินนิดเดียว กลืนข้าวไม่ลง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วถูกเจ้านายบ้าอำนาจลากตัวยัดตัวเข้ารถ
เที่ยงแล้ว คนมีพวกผู้หญิงมากมายติดพันอย่างเจมส์คงจะมีคู่ควง สเปคของเสือร้ายคงไม่พ้นนางแบบหรือดาราสาวสวยออกไปกินข้าวร้านหรูในห้างฯ ดัง
สำหรับเมียพนักงานกระจอกๆ ต้องทำงานงกๆ ไม่ได้อยู่สบายอย่างที่ใครๆ เขาเข้าใจต้องปิดคอม หยิบกระเป๋าสะพายซีดเก่าๆ ลุกจากเก้าอี้ สุดท้ายมีผัวก็เหมือนไม่มีผัวอยู่ดี
“ใครเขาอยากจะมารักยัยแม่ชีหลงวัดด้วย แค่เขายอมแต่งงานกับเธอก็ดีเท่าไหร่ อย่าไปคาดหวังอะไรมาก เพราะคนที่เจ็บสุดก็คือเธอ”
น้ำค้างบอกเตือนสติ แก้ต่างให้หัวใจตัวเอง ว่าเมียไม่ใช่ทาส ที่เขาเหยียบย่ำยีตอนไหนก็ได้!
สิบนาทีต่อมา
น้ำค้างเลือกจะเดินลงมายังโรงอาหารประจำของเหล่าพนักงาน สวัดิการที่อาหารฟรี ไม่เสียตังค์สักบาท และคนที่ชอบประหยัดอดออมแม้พ่อแม่จะทิ้งมรดกเอาไว้ให้ ชอบอาหารของฟรี แต่อร่อยไม่แพ้กันกับร้านอาหารหรูด้านนอก แถมมีให้เลือกหลายอย่าง
อยู่ที่นี่มาสองปี น้ำค้างยอมรับได้ไม่อายปากว่าชอบเก็บตัว จริงจังกับงาน พูดน้อย ตอนนั้นมีข่าวลือว่าเธอเป็นลูกสาวเพื่อนสนิท ใช้เส้นสายเข้ามาทำงาน
และนั่นไม่มีพนักงานหญิงคนไหนมาคุยกับเธอ ทว่าน้ำค้างหันมาโฟกัสเรื่องงานอย่างเดียว ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น
เมื่อได้อาหารที่ต้องการแล้ว ก้นงอนๆ ไม่ทันหย่อนลงนั่งเสียด้วยซ้ำ ภรุจมีสีหน้าไม่สู้ดีเข้ามาขอพบเธอ ถ้าสังเกตดีๆ มีรอยช้ำบริเวณตรงมุมปาก
“เอาไว้หลังกินข้าวได้มั้ยคะ” เธอหิวข้าวจนท้องกิ่วแล้วด้วย ภรุจพยักหน้าหงึกๆ เออออไปตามน้ำ
“ก็ได้ครับ กินข้าวไปคุยไปก็ได้รสชาติเพิ่มขึ้นนะครับ”
“แล้วของคุณภรุจล่ะคะ” นั่งมองเพื่อนชายคนเดียวที่เธอพอมีอยู่บ้าง ในตัวเขากลับไม่ถือจานข้าวหรือหยิบแก้วน้ำสักชิ้น
“ผมกินอิ่มก่อนหน้านั้นแล้วครับ”
ได้ยินคำตอบนั้น น้ำค้างเลือกจะส่งยิ้มช้าๆ ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารเที่ยงต่อ ทานไปได้สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเธอ
“อย่าจ้องน้ำค้างนานสิค่ะคุณภรุจ”
“คุณน้ำค้างเขินเหรอครับ” ภรุจเอ่ยถามน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย นัยน์ตาเขาเต้นระริกดีใจบางอย่าง
“เปล่าค่ะ น้ำค้างไม่เคยถูกคนมองเวลาที่กินข้าว” เธอแก้ต่างเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิด ภรุจแอบหน้าเสีย
“....” เลือกที่จะไม่ตอบ พนักงานชายฝ่ายขายได้แต่พยักหน้าตอบรับ
“...” เธอตัดสินใจทานข้าวต่อ แม้ว่าจะอึดอัดกับตาคมของคนที่คิดแค่เพื่อนร่วมงานที่ดีจับจ้องมองก็ตาม
“คุณน้ำค้างครับ ขอโทษนะครับ”
น้ำค้างถึงกับทำตัวไม่ออก เมื่อสายตานับสิบของเหล่าพนักงานต่างเมียงมองหันมาดูราวกับว่าเธอกับภรุจเป็นจุดเด่นภายในโรงอาหาร
ก็ดูสิ่งที่ภรุจทำกับเธอสิ ผู้คนจะไม่หันมองได้อย่างไรกัน ไม่เว้นแม้แต่ร่างสูงอีกคนที่เป็นบ้าเป็นหลัง ตามตัวเลขาสาวแว่นเฉิ่มในห้องทำงานไม่เจอ ทว่าเธอกลับใช้เวลาร่วมกันกับผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ
หาว่าเขาส่ำสอน แต่ตัวเองก็เป็นผู้หญิงส่ำสอนไม่แพ้กัน!
“พอดีข้าวติดปาก ผมก็เลยเอาออกให้” คนโน้มตัวยื่นหน้ามาใกล้กันกับแก้มนวล ใช้โอกาสจังหวะเอามือหยิบข้าวติดตรงมุมปากเธอออก
“งั้นก็ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
น้ำค้างยิ้มรับตอบอย่างมีมารยาท ทั้งยังอึดอัดกับสายตาของเหล่าพนักงานที่อยากรู้อยากเห็น ในใจอยากตักกินข้าวให้มันเสร็จแล้วจึงลุกออกจากที่นี่ได้
แปลก...
พอเป็นผู้ชายชื่อภรุจ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร ทว่าอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นสามีนิตินัยของตน ความรู้สึกสั่นไหวบางอย่างเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน
ไม่แน่ใจว่าจะใช่ความรักหรือเปล่า...
“น้ำค้าง”
เสียงเข้มนี้ไม่ใช่เสียงภรุจ แต่เป็นของผู้ชายอีกคนหน้าตาไม่สบอารมณ์เดินแหวกพนักงานสิบคนตรงมาหาโต๊ะอาหารที่เธอกับภรุจ ซึ่งคนนั้นคือท่านรองประธานเจมส์ คนที่พ่วงตำแหน่ง ‘สามี’
“คุณ...ท่านรอง”
คนถูกเรียกชื่อจากปากภรรยาตัวเองกลับขมวดคิ้วย่นเข้าหากัน เจมส์ต่อว่าเค้นเสียงลอดไรฟัน เพียงเห็นภรุจที่ขวางหูขวางตาเขาอยู่
เหมือนมีมีดแทงกรีดภายในใจของเจมส์อยู่ ซึ่งก็น่าแปลก เขาไม่เคยเป็นแบบนั้น จนกระทั่งได้เลขาสาวแว่นมาเป็นเมีย แม้จะเป็นเมียจำใจแต่ง แต่เอ่ยขัดแย้งพ่อไม่ได้
จำใจรับมาเท่านั้น
“งานอยู่บนโต๊ะยังทำไม่เสร็จเลยนะคุณเลขา ฉันสั่งแล้วเหรอว่าให้ลงมากินข้าวก่อนได้”
ความจริงเรื่องงานเขาก็แค่เอามาอ้าง ทว่าเขาต้องการดึงตัวเธอห่างจากภรุจ ไม่ใช่เพียงภรุจอย่างเดียว ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์
“ขอโทษค่ะท่านรองฯ น้ำค้างจะรีบขึ้นไปทำงานเดี๋ยวนี้!”
“ดีที่ยังรู้จักรับผิดชอบงาน” เสียงนี้เป็นเสียงของเจมส์พูดประชดเธอ คิดไปเองหรือเปล่า
แต่อย่างน้อยน้ำค้างก็ได้หาข้ออ้างถอยห่างจากผู้ชายชื่อภรุจ จะว่าไปเธอก็แอบสงสัยว่าที่เขาทำ ทำเพื่อเมียตัวเองใช่หรือเปล่า หรือว่าเขาโกรธที่เธอละเลยงานลงมากินข้าวเที่ยง เพียงแค่หึงหวงภรรยาอย่างตน
ซึ่งข้อหลัง น้ำค้างขอคอมเฟิร์นว่าเป็นไปไม่ได้!
คนอย่างเจมส์ไม่เคยรักใคร จะมาหึงหวงคนที่เขาเกลียดอย่างเช่นเธอได้อย่างไรกัน...