บทที่3 สามีที่บังคับแต่ง

1538 คำ
สองสัปดาห์ต่อมา ‘จำเอาไว้ใส่หัวสมองเฉิ่มๆ ของเธอด้วยล่ะ ว่าที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอไม่ใช่สัญญาการหมั้นหมายของป๊าฉัน ก็แค่ไม่อยากเสียบริษัทครอบครัวของฉันไปให้หล่อนชุบมือเปิบ แค่หนึ่งปีที่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้น!’ เพราะเหตุการณ์กะทันหันในวันนั้น ทำให้ร่างเจ้าสาวหน้าเศร้าต้องจำยอมเข้าพิธีวิวาห์ของคู่หมายไร้ใจ น้ำค้างนั่งตัวลีบอยู่ภายในห้องหอคนเดียว หลังจากคำพูดของคนที่เป็นสามีของเธอหมาดๆ พูดเสียงห้วน ก่อนจะเดินออกไป เขาคงเกลียดเลขาเฉิ่มเบอะของพ่อตัวเองมาก ขนาดว่างานแต่งงานครั้งนี้ เจมส์มีเงื่อนไขยื่นข้อเสนอให้ท่านประธานเจต์ว่าจะต้องจัดงานแต่งเงียบๆ รู้ภายในครอบครัวเท่านั้น แม้กระทั่งพวกเพื่อนสนิทของเจมส์ เขายังอาย ไม่กล้าส่งข่าวบอกหรือแจกการ์ดบัตรเชิญเข้ามาร่วม คิดแล้วก็หลุบตาต่ำก้มลงมองดูหลังมือตัวเอง ลูบไล้แหวนแต่งงานเบาๆ ตอนนั้นที่เจอหน้าเจ้าบ่าว หายใจแรงเธอยังไม่กล้าทำเลย คิดไปคิดมาก็ย้อนก่อนงานแต่งหนึ่งวัน ท่านประธานเจต์เรียกเลขารุ่นลูกเข้ามาพบ ‘คุณลุงเรียกน้ำค้างมาทำไมคะ หรือว่าจะสั่งงานเพิ่มอีก’ ‘ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน เกี่ยวกับเรื่องหนูกับลูกชายลุง หนูน้ำค้างไม่เสียใจใช่มั้ยที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เอาไหน ขนาดฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของมัน ยังกำราบความเสเพล เจ้าชู้ สำราญของมันยังไม่ได้เลย’ ‘มันเป็นความต้องการของพ่อน้ำค้างและคุณลุง หนูยินดีเต็มใจค่ะ น้ำค้างอยากจะตอบแทนบุญคุณที่คุณลุงให้โอกาส เมตตาน้ำค้างได้ทำงานที่น้ำค้างชอบ น้ำค้างยินดีทำทุกอย่างค่ะ’ ‘แต่ลูกชายลุงมันร้ายกาจมาก หลอกฟันเอาผู้หญิงไปทั่ว ลุงไม่อยากให้หนูน้ำค้างต้องทุกข์ที่ต้องแต่งงานกับมัน’ ‘น้ำค้างรับมือกับเขาไหวค่ะ อีกอย่างเขาไม่ชอบรสนิยมจืดชืดอย่างน้ำค้างหรอกค่ะ คุณลุงสบายใจได้’ ‘ลุงขอฝากเจมส์ไว้ด้วยนะ หนูน้ำค้าง’ “แค่หนึ่งปี เธอจะทนได้แค่ไหนกัน” คิดแล้วก็ถอนหายใจยืดยาว ร่างเจ้าสาวใช้มือปาดน้ำตาออก สูดน้ำมูกเข้าแรงๆ ก่อนจะพาตัวเองเข้ามานั่งบนโต๊ะเครื่องแป้ง ใช้เวลาส่องกระจกมองดูใบหน้าเนียนที่ไร้แว่นตาใสเกาะอยู่ ‘คืนเข้าหอที่ไร้เจ้าบ่าว’ น้ำค้างแกะผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก น้อยคนนักจะเห็นใบหน้าเนียนขาวใสพร้อมแต่งหน้าอ่อนๆ แม้กระทั่งเจ้าบ่าวหน้าบึ้งตลอดทั้งงาน ไม่อยากจะหันมามองหน้าเจ้าสาวสุดเฉิ่ม “ใครเขาอยากจะมาแต่งกับเธอด้วย ขนาดเจ้าบ่าวยังรังเกียจ” แต่น้ำค้างไม่สนใจกับคำซุบซิบนินทา อย่างไรเสียเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว จริงจังกับงานเลขามาโดยตลอด แค่นอนเหงาอีกสักคืนมันคงไม่ตายหรอก ถ้าถามว่าเธอแอบชอบสามีตัวเองไหม น้ำค้างตอบไม่ถูก เพราะเจอกับเขาครั้งสุดท้ายก็คงเป็นเพราะเขาย้ายบ้านหนี อุบัติเหตุวัยเด็กที่เผลอจูบแรกโดยไม่ตั้งใจทำเอาเจมส์หน้าเสีย ชาดิก หรือว่าเป็นเพราะความใกล้ชิดตลอดร่วมสองปีของวัยเด็กทำให้น้ำค้างหวั่นไหวกับคู่หมายตัวเอง อาจจะไม่ใช่ความรัก เพราะเขาบอกเธอชัดเจนว่าเกลียด แต่งงานคืนแรกก็ถูกเจ้าบ่าวใจดำทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวเสียแล้ว น้ำค้างพยายามทำใจให้ชิน เพราะเพลย์บอยตัวพ่อไม่เคยรักใครจริง เสียงประตูห้องหอถูกเปิดออก น้ำค้างสะดุ้งเล็กน้อย อ้าปากค้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าบ่าวไร้รักจะย้อนกลับมา หรือว่าเขาลืมของ? “คุณเจมส์ คุณกลับมาทำไมคะ” ไม่กล้าเรียกว่าพี่เจมส์อย่างที่เคยเรียกอย่างสนิทสนม กลัวว่าเขาจะพาลโกรธเกลียดเธออีก “คุณดื่มเหล้า?” น้ำค้างได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาจากลมหายใจของเขา รีบลนลานถอนห่างอัตโนมัติ เธอไม่ชอบกลิ่นเหล้า พวกของมึนเมาเธอไม่แตะเด็ดขาด “ที่นี่มันห้องของฉัน ทำไมฉันจะเข้ามาห้องนอนนี้ไม่ได้” ร่างเพรียวระหงยืนตัวเกร็งเมื่อคนตัวสูงย่าวก้าวเดินเข้ามาใกล้ ช่องว่างกำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ กักตัวเธอเอาไว้ในอ้อมแขน “คุณเจมส์! คุณเมามากแล้ว ปล่อย” “ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง รังเกียจฉันจนตัวซีดตัวสั่น สมใจเธอไม่ใช่เหรอที่ใช้มารยาอ้อนป๊าจนต้องมาบังคับฉันให้แต่งงาน!” กระแสเสียงโมโหพร้อมกระชับวงแขนแกร่ง เจมส์นิ่วหน้า เมื่อสัมผัสตัวนุ่มนิ่มครั้งแรก ยัยเฉิ่มเชยเนี่ยมีอะไรให้เขาแปลกใจหลายอย่าง! “เลว! ฉันไม่คิดว่าคุณจะหยาบคายได้ถึงขนาดนี้ ถ้าไม่อยากแต่งงานกับฉันก็หย่าเลยสิ ไม่ต้องรอหนึ่งปีหรอก” น้ำค้างก้มลงกัดบ่ากว้างไหล่แรงๆ “โอ๊ย!” เขาสลัดตัวเธอออก “เป็นหมาบ้ารึไง” “ไหนคุณบอกว่ารังเกียจฉัน ไม่อยากแตะต้องตัวฉันไง? คุณบอกเองว่าต่างคนต่างอยู่” “อยากเป็นเมียฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะสมนาคุณให้เธอไง เอามั้ยล่ะ” คนเมาท้า เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงเก่งเรื่องงานอย่างน้ำค้างจะกล้าจริงหรือเปล่า หรือว่าดีแต่ปาก! แต่เจมส์คิดผิดถนัด... “ต่อให้ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ยกเว้นคุณเจมส์เหลืออยู่ ฉันขอเป็นสาวโสดขึ้นคานไปตลอดชีวิตกว่า” เป็นเมียตอนที่เขาเมาแล้วได้อะไรล่ะ นอกจากจะหลอกฟันแล้วทิ้งเหมือนพวกผู้หญิงกลางคืนคนอื่นๆ เผลอๆ ตื่นเช้ามาอาจจะจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ “น้ำค้าง!” เขากัดฟันพูดแน่น “คุณเมามากแล้วก็ควรไปนอนดีกว่า ฉันเหนื่อยที่ต้องมาต่อกรกับคุณ หรือว่าคุณอยากมากก็ไปหาซื้อกินผู้หญิงข้างนอกที่ไนต์คลับของคุณสิค่ะ เพราะคุณทำมันอยู่บ่อย ๆ” “นี่เธอไล่สามีตัวเองออกไปเอากับผู้หญิงคนอื่นหรอก ได้! แล้วอย่ามาร้องไห้ฟูมฟายฟ้องป๊าฉันทีหลังก็แล้วกัน” น้ำค้างสะอึกกลืนก้อนแข็ง แอบใจหายวาบที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นคำพูดประชดจากสามี(บังคับ)แต่ง ก่อนจะมีเสียงปิดประตูดังจากฝีมือของคนเมา ใครว่าเธอไม่ร้องไห้เสียน้ำตา เพียงแค่ตอนนี้เธอเจ็บจากข้างใน...ความเจ็บที่ไม่มีเสียงส่งไปให้เขาได้ยินมัน คืนเข้าหอที่ไร้ร่างเจ้าบ่าวนอนอยู่ข้างกาย มันทรมานหัวใจดวงน้อยของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้ขนาดนี้เลย …… “คืนแต่งงานคืนแรกของคุณเจมส์นะครับ ทำไมถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ” “ถ้ามึงอยากมีชีวิตเอาไว้กินข้าวอยู่ หุบปากมึงไปซะ” คนที่ถูกเมียแต่งไล่ออกมาหมาดๆ ทำตาขวางใส่พวกลูกน้อง เจมส์ถอดชุดสูทเจ้าบ่าวที่ใส่ทั้งวัน อดทนกับสภาพอากาศร้อนจัด สั่งลูกน้องเอาไวน์มาอีก “แต่ว่าคุณเจมส์เมาแล้วนะครับ” เรเปลเตือนเจ้านายด้วยความหวังดี “กูจะเมาอีก!” ยอมรับว่าเขาเมากรึ่มๆ ดื่มเหล้าตลอดงานเลี้ยงงานแต่ง สาเหตุที่ไม่เชิญพวกเพื่อนจัญไรสามคนก็เพราะเขาอาย เพลย์บอยหนุ่มโสดสุดฮ็อตแต่งงานกับผู้หญิงสุดเฉิ่ม ปากก็อมเงียบไว้กลัวดอกพิกุลทองร่วงล่ะมั้ง ถ้าพวกมันรู้คงได้หัวเราะเยาะเย้ยเขาแน่นอน “ครับ เอ่อ...จะเรียกเด็กมามั้ยครับ” ปกติเจ้านายเรเปลจะชอบคลอเคลียนัวเนียนกับเด็กใหม่หรือพริ้ตตี้สาวเป็นประจำ ทว่า...คืนนี้เขาโบกปัดผ่านเลยไป “ไม่ต้อง! กูอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ” “ครับนาย” เรเปลก้มค้อมศีรษะรับคำสั่งว่าง่าย ก่อนที่เจมส์นึกอะไรขึ้นได้รีบทักท้วงลูกน้องเอาไว้ “เดี๋ยว!” “มีอะไรอีกครับ?” “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปมึงต้องมาทำหน้าที่ดูแลแทนกิจการคลับของกู” “คุณเจมส์จะไปไหนเหรอครับ” คนเป็นลูกน้องก็ซักไซ้ถามเอาอยู่ได้จนเขาแทบอยากจะไล่เตะมัน “กูจะเข้าไปทำงานบริษัทป๊ากูน่ะสิ ถามได้” “นายยอมแล้วเหรอครับ” “กูไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นมาเป่าหูป๊ากูให้ยกบริษัทให้เธอชุบมือเปิบไปหรอก ผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน!” ว่าแล้วก็กัดฟัดพูดแน่นด้วยความโมโห นึกเจ็บใจตัวเองที่ยอมตกหลุมพรางพ่อเขาแต่งงานกับยายเด็กสุดเชย ไม่อยากได้เป็นเมียหรอก แค่เอานิ้วมือแตะต้องใบหน้าก็ไม่กล้าจับแล้ว ผู้หญิงอะไรสกปรก โสโครก! เจมส์ไล่ลูกน้องออกจากห้องไปแล้ว สะบัดศีรษะแรงๆ ปัดความมึนงงทิ้ง พอจำได้เลือนรางว่าอีกมือเผลอเกี่ยวรัดเอวคอดกิ่งเจ้าสาวจืดชืดคนนั้น รีบหยิบเอาผ้าเช็ดมือสะอาดขยี้ถูแรงๆ หวังให้รอยสัมผัสจางหาย ทว่าออกแรงขยี้ถูเท่าไหร่ก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ “ทำไมมันถูไม่ออกวะ?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม