วันแรกของการเข้าหอที่แสนจะขมขื่นสำหรับเจ้าสาวที่ถูกเจ้าบ่าวเททิ้งออกจากคืนห้องหอ น้ำค้างพอเตรียมใจเอาไว้เนิ่นๆ ว่าวันนั้นจะต้องมาถึง
ตั้งแต่เจมส์หายหน้าหายตาขับรถออกจากบ้านใหญ่ เขาก็ยังไม่กลับเข้ามาอีกเลย ร่างเปลือยเปล่าถอดชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ออก เดินหายเข้าไปห้องน้ำ จากสิบนาทีขยับมาเป็นยี่สิบนาทีจึงจะออกมาในชุดใหม่
ถึงแม้ว่าน้ำค้างจะตบแต่งเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านจรูญเพทาย ก็ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งเลขาของท่านประธานเจต์จะลดน้อยถอยลงไปหรอกนะ เรื่องงานก็ส่วนหนึ่ง เธอแยกแยะมันออก
“หนูน้ำค้าง...เมื่อคืนหลับสบายดีอยู่หรือเปล่า ทำไมตื่นเช้านักล่ะ”
น้ำค้างแค่นยิ้ม ขณะอีกมือหอบแฟ้มเอกสารที่นำกลับมาทำที่บ้านของพ่อสามี(เปลี่ยนสถานะชั่วข้ามคืน) ยังคงใส่ชุดฟอร์มเลขาเหมือนเดิม เข้ามานั่งโต๊ะถัดไปของประมุขใหญ่
“ค่ะ”
ดูเหมือนสายตาเฉียบแหลมคมของผู้บริหารใหญ่จะไม่ค่อยเชื่อหูเท่าไหร่ เรื่องระหว่างลูกชายเขากับเลขาสาวรุ่นลูก มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่ทราบ
“แล้วเนี่ยลูกชายเกเรของฉันยังไม่ตื่นอีกเหรอ สงสัยต้องปรับเปลี่ยนเวลาตื่นของมันแล้วสิ ไม่ใช่เด็กที่จะต้องนอนตื่นสายก้นโด่ง”
“เอ่อ...”
“มีใครนินทาผมอยู่หรือเปล่าครับ”
ทว่าไม่ทันที่น้ำค้างจะโพล่งปากพล่ามพูดเรื่องสามีที่ทิ้งเธอจมปลักอยู่กับน้ำตา ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องอาหาร และที่น่าแปลกใจคือมาด้วยชุดสูทหนุ่มหล่อสุดฮ็อต
แม้จะถึงหล่อเหลาขนาดไหน แต่ถ้าสันดานเลวก็หมดอารมณ์ได้เช่นกัน
“เมื่อคืนแกหายหัวไปไหนมา ปล่อยให้เจ้าสาวต้องอยู่ห้องหอคนเดียว” คนเป็นพ่อทักทายลูกชายยามเช้า ซึ่งก็เป็นแบบนี้ประจำเพราะเขาชินแล้ว
เจมส์ย่างก้าวเดินเข้ามาใกล้กันกับคนตัวเล็กที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาแต่ง นัยน์ตาคมเข้มเหลือบมองเห็นนิ้วนางข้างซ้ายไร้แหวนแต่งงานเมื่อวาน
“โอ๊ย!”
ก็ใครใช้คนบ้าอำนาจดึงข้อมือของเธอฉุดดึงออกไปเต็มแรง น้ำค้างนิ่วหน้า หันมาทางสามีด้วยตาขวาง ยอมรับตามตรงว่าไม่ชอบการกระทำรุนแรงของเขา
“อะไรของคุณ มาจับมือฉันทำไม?!”
ไหนบอกว่ารังเกียจ ขยะแขยง เธอสลัดข้อมือออกจากการตอกตรึงของเขา
“ทำไมเธอไม่ใส่แหวนแต่งงาน”
ได้ยินคำถามน้ำค้างขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนยกนิ้วตัวเองไร้ร่องรอยแหวนเพชรเมื่อวานก่อนจะบอกกระจ่าง ไม่ต้องรอให้เขาทวนถามเธอซ้ำ แค่ขี้เกียจตอบหลายรอบ
“ก็น้ำค้างจะไปทำงานก็ต้องถอดแหวนออก คุณเจมส์บอกเองว่าเรื่องงานแต่งให้เก็บเป็นความลับ คุณจะได้ดีใจซะอีกที่น้ำค้างไม่ทวงสิทธิ์ภรรยาของคุณ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เธอจะไปไหนไม่ได้ โอ๊ย!”
น้ำค้างไม่ได้ตั้งใจจะผลักน้ำร้อนที่ป้าญาวีเข้าใส่เสื้อของเขา เธอพยายามเอ่ยขอโทษ ลนลานหาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำจากเสื้อสูทออก แต่เขากลับฉุดดึงข้อมือพาไปห้องน้ำ
แรงบีบข้อมือจากคนตัวโตทำเอาเธอเจ็บร้องคราง ขอร้องให้เขาปล่อยมือเธอลง
“พี่เจมส์” แต่คำพูดนั้นกลับทำเอาคนฟังถลึงตาใส่
“ใครบอกให้เรียกฉันว่าพี่!” เขาโกรธที่เธอเรียกชื่อตนเองสนิทสนมแบบนั้น
“คุณเจมส์ ปล่อยมือน้ำค้างเถอะค่ะ”
“ไม่ปล่อย! จนกว่าเธอจะล้างตัวให้ฉัน นั่นเป็นหน้าที่เมียอย่างเธอไม่ใช่เหรอ”
“ละ ล้างตัว” กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอก็พบว่าเขาถอดเสื้อสูทด้านนอกออก
มีรอยเปื้อนเป็นวงกว้างด้านในเสื้อเชิ้ต น้ำหยดแหมะๆ ปากหยักมุมปากยิ้มเป็นประกายเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นท่าทีของเมียตรงหน้า
“ทำตัวเหมือนสาวซิง ไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้าเปลือยไปได้ คนแรดร่านอย่างเธอคงผ่านมาหมดจนข้างในหลวมหมดแล้วล่ะ เห็นแค่นี้ยังเอียงอาย”
“ก็น้ำค้างไม่เคยเห็นนี่น่า” เธอไม่ได้โกหกหรือทึกทักเอาเอง ขณะเลี่ยงสบตาคนเป็นสามี
“หึ!”
เจมส์หัวเราะต่ำในลำคอพลางดึงข้อมือเล็กเอาไว้แน่น อีกมือแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเห็นซิกซ์แพค ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ยกเว้นเธอไม่กล้าหลุบตาต่ำก้มมองดูมัน
“เธอต้องรับผิดชอบฉันด้วยการล้างตัว เปิดก๊อกน้ำสิ”
“ค่ะ” สูดน้ำมูกเข้าแรงๆ น้ำค้างเปิดก๊อกน้ำในซิงค์อ่างล้างหน้า วักน้ำเบาๆ ล้างตัวสามีเอาแต่ใจที่ตัวเปื้อนน้ำร้อน
ดูเหมือนจะช้าไม่ทันใจเขา...
“ว้าย!” ขาเรียวเล็กเสียการทรงตัว เซหลักล้มลง เอาหน้าซบแผงอกใหญ่ สมองเธอคล้ายจะหยุดทำงานไปเลยเมื่อเจอความอบอุ่นจากข้างใน
เดี๋ยวๆ ไม่ใช่เวลามาเคลิบเคลิ้มมันสิ ก็แค่อารมณ์มันพาไป...
“คิดลามกอะไรกับฉันหรือเปล่า” พูดพร้อมผลักดันหัวเธอออกไปให้ห่าง มองลงด้วยสายตาคาดคั้น
“เอ่อ...เปล่านะคะ คือน้ำค้าง” เสียหลักทรงตัวไม่อยู่...อืม พอจะถูไถไปได้แหละนะ เธอไม่กล้าสบตาเขา
“จะบอกว่าหกล้มแล้วบังเอิญชนฉันเหรอ ทีหน้าทีหลังก็คิดหาเหตุผลให้มันดีๆ หน่อย ผู้หญิงอะไรน่ารำคาญ!”
น้ำค้างอยากจะร้องปล่อยโฮ ระบายมันออกภายในห้องน้ำคนเดียว หลังจากถูกคนเป็นสามีใจดำพูดตอกหน้าเธอเจ็บแสบ ทีหน้าทีหลังจะพยายามกลั้นเอาไว้
เมีย...เมียที่(กำลัง)ถูกเขาทิ้งอย่างนั้นน่ะเหรอ!
ท่านประธานเจต์ไม่ค่อยเชื่อหูกับคำพูดจริงจังจากปากลูกชายคนเดียวของท่านเสียเท่าไหร่ ปกติเจมส์เป็นผู้ชายเพลย์บอย หลอกฟันผู้หญิงไปทั่ว ทำแต่ธุรกิจส่วนตัว ไม่ยอมกลับมาช่วยงานบริษัทตัวเอง
แล้วอะไรที่ทำให้ลูกชายเขาต้องเปลี่ยนแปลงไป?
“ป๊าไม่เชื่อใจผมเหรอครับว่าผมยอมกลับมาทำงานที่ป๊าบอกแล้ว แต่ผมขอ...” สายตาคมเข้มหันมองเลขาของพ่อก่อนจะพูดว่า
“ต้องให้เมียผมมาช่วยสอนงานผมคนเดียว เพราะผมไม่ไว้วางใจพวกผู้ชายอื่นที่จ้องจะคาบเมียผมไปกินครับ”
น้ำค้างอึดอัดกับแววตาคมเข้มจับจ้องมอง เมื่อไม่สามารถทนอยู่กับสามีตัวเองได้ วางช้อนส้อมลง เอี้ยวตัวว่าจะเอาแฟ้มเอกสารออกไป
“อ้าว หนูน้ำค้างยังไม่แตะข้าวเลยนะ”
ก็ใช่ไง...แต่เธอกลืนข้าวไม่ลง
“น้ำค้างยังไม่หิวค่ะ” ตอบสั้นๆ ก่อนเดินผ่านสองพ่อลูกออกจากห้องอาหาร
พอเห็นดังนั้น เจมส์กำลังจะลุกเดินตามหลังยายเลขาของพ่อตัวเอง ทว่านึกอะไรบางอย่างหันมาบอกให้พ่อตัวเองทราบ
“เมื่อกี้ผมไม่ได้ขอน้ำค้างจากป๊านะครับ ผมแค่มาบอกให้ป๊ารู้” ว่าจบกลับตวัดขายาวเดินผ่านออกไปห้องอาหารตามหลังน้ำค้าง
“อืม ตามใจแกแล้วกัน”
คนเป็นพ่อเลือกหันไปยกแก้วกระดกดื่มกาแฟดำรวดเดียว ไม่เอ่ยอะไรมาก เพราะสายตาดูท่าทางของสองสามีภรรยาก็พอเดาออก แต่ไม่พูดมันออกมา เป็นเรื่องส่วนบุคคล
……
น้ำค้างว่าจะเดินเข้าไปเปิดประตูรถตัวเองอย่างรวดเดียว แต่ช้ากว่าฝ่ามือคู่ใหญ่ยึดจับข้อมือเรียวเล็ก เธอไม่ทันระวังเผลอทำแฟ้มเอกสารหลุดออกจากอีกมือ
“เอ๊ะ! คุณเจมส์” เธอหันมาแว้ดใส่เขา
“มาขึ้นรถฉันดีกว่า ไหนๆ เราสองคนก็จะไปทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมันดีออก และเธอต้องนั่งรถกับฉันไปบริษัทป๊าทุกวัน”
“แต่น้ำค้างไม่ต้องการจะไปกับคุณเจมส์ ใครกันที่เป็นคนพูดตั้งแต่แรกว่าให้เราต่างคนต่างอยู่!”
มือหนาจึงออกแรงบีบข้อมือเล็กแน่นขึ้น ด้วยความที่น้ำค้างมีผิวขาวเนียนนุ่มจนเกิดเป็นรอยแดงเป็นปื้น โดยเฉพาะจุดเด่นกำลังปรากฏให้เห็น
“โอ๊ย! นี่คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ฟังออก แต่ไม่ทำตาม”
“เอ๊ะ!” น้ำค้างชักจะหมดความอดทนกับสามีโมโหร้าย เขาผีเข้าผีออกหรืออย่างไรกัน ถึงได้พาลอาละวาดใส่เธอฝ่ายเดียว
ทว่าเจมส์ไม่รอให้อีกฝ่ายถูกด่ากลับ ฝ่าเท้าเธอถูกลอยหวือขึ้นพร้อมดันร่างเลขาหน้าติ๋มๆ ยัดเข้าไปด้านในรถสปอร์ต ร้องเสียงหลงได้ไม่นานกลับเงียบปากลง
“ขืนเธอหันไปฟ้องป๊าฉันแม้แต่คำเดียว ฉันจะปิดปากเธอเอง”
“คนอย่างคุณไม่กล้าหรอก!” ตอบไม่หันหน้ามามอง
เจมส์กำมือแน่นเพราะรู้ดีว่าจะไม่แตะต้องลูกสะใภ้โปรดของพ่อ เขาเคยพูดไว้ แต่ก็เพราะเธอเป็นคนที่พ่อเขาเอ็นดูมากกว่าลูกแท้ๆ จึงจำเป็นต้องทำ
อย่าหวังว่าจะใช้มารยาประจบประแจงพ่อเขาเพื่อหวังยกบริษัทนั้น เธอจะไม่มีวันได้มัน
“ตอนนี้เธอเป็นคนของฉัน ไม่ใช่คนของป๊า ต่อจากนี้เราจะไปบริษัทพร้อมกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามขัดขืน ฉันจะตามเธอทุกฝีก้าว!”
“คุณเป็นบ้ารึไง อย่าลืมสิว่างานแต่งงานเป็นความลับ”
“ความลับ?” เจมส์ย่นคิ้วแปลกใจ
ขนอ่อนของน้ำค้างลุกชันวาบเมื่อใบหน้าคมคายหันมาเอี้ยวตัวมาใกล้กัน ช่องทางระยะลดห่างกันเรื่อยๆ จนปลายจมูกเกือบชนกัน เธอหลับตา ตัวเกร็ง คิดว่าเขาจะทำเรื่อง...อย่างว่า
เสียงกดปิดคาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น เธอลืมตาก่อนจะพบว่าเขาโน้มตัวกลับฝั่งทางคนขับ
“คิดว่าฉันจะจูบเธอเหรอ แค่หน้า ฉันก็ไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้แล้ว”
น้ำค้างเกือบเก็บเศษหน้าที่แตกไม่ทัน เธอหันหน้าหนีทางอื่น ขณะรถยนต์เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านใหญ่
เกือบแล้วไหมล่ะ น้ำค้าง
ผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางแตะต้องตัวเธอหรอก แค่ยอมแต่งงานกับเธอภายในระยะเวลาหนึ่งปีมันก็มากเกินพอแล้ว!
อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะรักเธอ...