บทที่ 8
3วันต่อมา...
@ห้องทำงานเดเนียล
“ผู้หญิงที่อยู่กับมึงเป็นไงบ้างไอ้แซค” เดเนียลที่นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ยกมือขึ้นมาประสานด้วยกันพร้อมกับตั้งคำถามถึงหญิงสาวที่ส่งให้ลูกน้องจัดการไปเมื่อหลายวันก่อนสีหน้าราบเรียบ
“เธอไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยครับนาย นอกจากเงียบอย่างเดียว” แซครายงานผู้เป็นนายพร้อมกับนึกถึงผู้หญิงแสนพยศที่นายส่งให้เขาเป็นคนจัดการอย่างหัวเสีย...
เพราะหญิงสาวคนนั้นเธอไม่คิดที่จะปริปากพูดเลยแม้แต่นิดเดียว จนบางครั้งเขาเองก็เกือบอยากจะฆ่าเธออยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะข้อมูลที่เขาต้องการมันยังไม่ออกจากปากของเธอ
“งั้นมึงก็จัดการเก็บเธอได้เลย เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์” เดเนียลสั่งลูกน้องคนสนิทอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เขาสั่งลูกน้องไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปอ่านเอกสารที่เหลือบนโต๊ะต่อ แต่กลับกัน ลูกน้องของเขากลับยืนนิ่งเฉยราวกับกำลังเหม่อลอยเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย...
“ไอ้แซค!!”
ปั่ง!! เดเนียลตบโต๊ะอย่างดังจนแฟ้มงานกระเด็นกระดอนไปตามแรง หลังจากที่เห็นสีหน้าและแววตาของลูกน้องที่เปลี่ยนไปจากทุกวันอย่างเห็นได้ชัด...
“ครับนาย” แซคที่เพิ่งได้สติรีบโค้งตัวรับคำผู้เป็นนาย
“มึงกำลังเหม่ออะไร”
“เปล่าครับ” เดเนียลจ้องใบหน้านิ่งเรียบของลูกน้องคนสนิทอย่างจับผิด เขารู้ว่าลูกน้องตัวเองกำลังปิดบังอะไรจึงรีบพูดดักทางไว้ก่อน
“มึงรู้ใช่มั้ยว่าหน้าที่ของมึงคืออะไร และมึงรู้ใช่มั้ยว่ามึงไม่ควรมีความรู้สึกกับนังสารเลวนั่นที่คิดจะฆ่าลูกกู”
“ผมรู้ครับนาย”
“อืม มึงออกไปได้แล้ว แล้วอย่าลืมไปจัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นด้วย” แซคไม่ตอบอะไรกลับไป นอกจากโค้งตัวเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่แซคเดินออกไปแล้ว เดเนียลจึงยื่นมือไปกดโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อเรียกมิล่าที่อยู่หน้าห้องให้เข้ามา...
ติ๊ด.
“มิล่า เอาเอกสารที่ฉันต้องเซ็นเข้ามาหน่อย”
“ค่ะ”
พรึบ! (เสียงผลักประตูจากข้างนอก)
ตึก ตึก ตึก
กึก!
มิล่าหยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดอาการบางอย่างขึ้น รู้สึกเหมือนห้องทำงานของเดเนียลมันเอียงและสายตาที่เธอใช้มองคนตรงหน้าตอนนี้มันก็พร่ามัวเห็นภาพซ้อนทับกันไปหมด จนเธอต้องยกมือขึ้นมานวดขมับทั้งสองข้างพร้อมกับสะบัดหัวเพื่อไล่อาการนั้นออกไป กระทั่งที่รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เธอจึงเดินไปหาเดเนียลที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานต่อ...
“เอกสารที่ท่านประธานต้องเซ็นค่ะ ช่วงบ่ายท่านมีนัดคุยกับลูกค้าจากฮ่องกงตอนบ่ายสองค่ะ แล้วก็...”
“เมื่อคืนลูกบอกว่าเธอไม่สบาย จะกลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้ เดี๋ยวที่เหลือฉันให้แซคจัดการเอง” เดเนียลที่กำลังนั่งดูเอกสารและฟังที่มิล่ากำลังพูดเอ่ยขัดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเงยหน้าจากเอกสารขึ้นไปมองใบหน้าสวยงามของมิล่าที่ตอนนี้เริ่มซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด...
เพราะเมื่อคืนตอนลูกสาวเข้าไปนอนกับเขา เอลล่าได้บอกว่ามิล่าปวดหัวและไม่สบายแต่เขาก็ไม่ได้เขาไปดูเพราะมันดึกแล้ว และใช่ ตอนนี้มิล่าและเอลล่าได้ย้ายมาอยู่ในบ้านของเขาแล้วหลังจากที่หลายวันก่อนมีคนปองร้ายลูกสาวของเขาที่โรงพยาบาล และได้โน้มน้าวจนมิล่ายอมมาอยู่ในความดูแลของเขาจนสำเร็จ...
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ปวดหัวนิดหน่อย”
“แต่ฉันไม่อยากให้ลูกติดหวัดจากเธอ”
“เหอะ! ฉันต่างหากละที่ติดหวัดมาจากลูกอะ” มิล่าบ่นพึมพำเบาๆ คนเดียวเมื่อรู้จุดประสงค์ของคนที่ออกคำสั่งตรงหน้าที่ดูจะเป็นห่วงเธอแต่ความจริงแล้วเขาหวงลูกสาวสุดที่รักต่างหาก
“เดี๋ยวให้ไอ้แซคไปส่งที่บ้าน เธอจะได้กลับไปนอนพัก” เดเนียลพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์เครื่องหรูต่อสายหาใครบางคน...
[สวัสดีค่ะคุณชาย]
“ป้าอ้อย ช่วยทำข้าวต้มแล้วก็เตรียมยาลดไข้ให้หน่อยนะครับ”
[คุณชายไม่สบายเหรอคะ]
“ไม่ใช่ผมครับแต่เป็นมิล่า” เขาพูดพร้อมกับชำเลืองตาไปทางมิล่าที่ยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะ
[อ่อได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะทำข้าวต้มเตรียมให้ค่ะ]
“ครับ”
ติ๊ด.
เดเนียลกดวางสายโทรศัพท์มือถือเสร็จก็ยื่นมือไปกดโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานเพื่อต่อสายหาลูกน้องคนสนิทต่อ
ติ๊ด. “ไอ้แซค เตรียมรถพามิล่ากลับบ้านด้วย”
“ครับนาย”
ทั้งหมดทั้งมวลที่เดเนียลกำลังทำอยู่ มิล่าได้แต่ยืนมองเฉยๆ โดยไม่ส่งเสียงหรือขัดอะไรเขา เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายด้วย อีกอย่างเธอยอมรับว่าตอนนี้เธอปวดหัวแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่กินยาแก้ปวดไปตั้งสองเม็ดแล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย
เมื่อมิล่าได้ยินที่เดเนียลสั่งลูกน้องของเขาเสร็จ เธอก็เตรียมจะหมุนตัวเพื่อเดินออกไปจากห้อง แต่ในระหว่างนั้นเธอกลับรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาฉับพลันเหมือนจะล้มพอดี...
หมับ!!
เดเนียลที่สังเกตตั้งแต่ตอนที่มิล่าเดินเข้ามาแล้วว่าเธอเดินแปลกๆ เหมือนคนจะล้มตลอดเวลา เลยแอบมองมิล่าอยู่เงียบๆ จนกระทั่งที่เธอหมุนตัวและเกือบจะล้มไปเมื่อกี้ เขาจึงรีบลุกจากเก้าอี้ทำงานไปรับตัวเธอไว้ทัน...
“แล้วยังดื้อบอกว่าไม่เป็นไร” เดเนียลเอ่ยดุมิล่าที่เมื่อกี้เธอดื้อด้านบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่ตัวเองแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ก่อนจะอุ้มมิล่าขึ้นมาแนบอก...
พรึบ!
หลังจากที่เดเนียลจัดการอุ้มมิล่าขึ้นมาในท่าเจ้าสาวแล้ว ก็พอดีกับเดเนียลหันไปสบตากับมิล่าพอดี แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น เดเนียลก็เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างอื่นแทนก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ของตัวเองเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าข้างนอกที่มีลูกน้องนั่งทำงานอยู่จะหันมามองกันทั้งออฟฟิศหรือเปล่าเมื่อเห็นเจ้านายเดินดุ่ม ๆ อุ้มเลขาออกมาจากห้องทำงาน...
“โอ๊ะ คุณพระ!” เสียงอุทานตกใจของพนักงานในออฟฟิศที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางตกใจเมื่อเห็นท่านประธานที่แสนดุร้ายกำลังอุ้มเลขาสาวเดินผ่านออฟฟิศไป จนพนักงานคนอื่นๆ ในออฟฟิศก็ต่างหันไปมองเขาเป็นตาเดียวพร้อมทั้งยังจับกลุ่มซุบซิบกัน เพราะไม่น่าเชื่อว่าท่านประธานที่สุขุมและเย็นชาแถมยังดุร้ายอย่างเขาจะมายุ่งกับเลขาหน้าห้องตัวเอง...
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาสองคนอะแกทำไมออกมาสภาพนั้นอะ แล้วเลขาก็หน้าซี้ดซีดด้วยอะ”
“เออๆ จริงด้วย ฉันก็เห็น”
“หรือจะโดน...”
“นายเขาจ้างให้พวกคุณมาทำงานครับ ไม่ใช่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านาย”
แซคที่เดินเข้ามาพอดี ได้ยินพวกพนักงานซุบซิบคุยกันจึงเข้าไปห้ามปราม จนทุกคนต้องรีบแยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อไปเพราะกลัวอำนาจมืดจากคนสนิทของเจ้านายที่สามารถทำให้พวกเขาเด้งออกจากงานได้ถ้าคนสนิทเจ้านายเอาไปฟ้อง ส่วนแซคเมื่อเห็นทุกคนแยกย้ายทำงานของตัวเองแล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินตามเจ้านายออกไปทันที...
@บ้านเดเนียล
หลังจากที่รถคันหรูสีดำเงาวับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังโตแล้ว ลูกน้องที่ยืนอยู่ประจำหน้าประตูบ้านก็รีบเดินมาประตูรถให้ผู้เป็นนายทันที พร้อมกับเดเนียลที่ก้าวขาลงมาจากรถอย่างมั่นคงแล้วเดินอ้อมมาฝั่งมิล่าเพื่ออุ้มเธอเข้าไปในบ้าน...
“ฉันเดินเองได้” มิล่าที่กำลังจะก้าวขาลงชะงักไว้ก่อนเมื่อเดเนียลมายืนบังประตู
“ถ้าไม่อยากเป็นลมหัวฟาดพื้นจนความจำเสื่อม แล้วไม่กลัวว่าฉันจะเอาลูกไปจากเธอก็แล้วแต่นะ”
“เว่อร์!”
“หึ” เดเนียลแค้นหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างชอบใจเมื่อเห็นสายตามองแรงของมิล่าที่โดนตัวเองขู่ไปเมื่อกี้ ก่อนที่สุดท้ายจะอุ้มหญิงสาวออกมาจากรถแล้วพาเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจสายตาของมิล่าที่กำลังจ้องอย่างเคืองๆ
แอ๊ด~ ปัง!!
เสียงเปิดและปิดประตูห้องในเวลาไล่เลี่ยกันจากฝีมือของเดเนียลที่พามิล่าเข้ามาในห้อง และกำลังอุ้มมิล่าไปที่เตียงนอนขนาดคิงไซส์ของเธอ...
เมื่อถึงเตียงนอนของมิล่าแล้ว เดเนียลจึงค่อยๆ วางมิล่าลงไปนอนที่เตียงอย่างช้าๆ ด้วยความทะนุถนอมและอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆ เธอแล้วยื่นมือของตัวเองไปปัดผมของเธอที่ปรกลงมาปิดหน้าไปทัดไว้ที่ข้างหูให้เรียบร้อย
“ถ้าไม่รู้สึกดีขึ้น ก็โทรหาฉันโดยตรงได้เลย ไม่ต้องผ่านไอ้แซค” เดเนียลจัดผมให้มิล่าเสร็จก็เอ่ยออกมาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของมิล่าด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาก็คือหน้าตาเรียบนิ่งเท่านั้น
“แต่กระเป๋าฉันไม่ได้เอากลับมา โทรศัพท์อยู่ในนั้น”
พรึบ!
เมื่อได้ยินว่ามิล่าไม่ได้เอาโทรศัพท์กลับมา เดเนียลก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองทันที เพื่อหยิบโทรศัพท์ของตัวเองยื่นให้มิล่า..
“ใช้ของฉันไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นฉันเอากระเป๋ากลับมาให้”
“แต่นายต้องออกไปคุยกับลูกค้า ฉันว่าโทรศัพท์น่าจะสำคัญสำหรับนาย” มิล่าเอ่ยออกมาพร้อมกับดันโทรศัพท์กลับไปให้เดเนียลตามเดิม
“มีไอ้แซคอยู่ทั้งคน”
“ฉันไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวจะให้ป้าอ้อยขึ้นมาดูแลเธอ” พูดจบเดเนียลก็วางโทรศัพท์ของตัวเองไว้ที่โต๊ะหัวเตียง แล้วลุกออกจากห้องไปทันที เพราะไม่อยากอยู่ต่อหน้ามิล่านานๆ ยิ่งเขาได้อยู่ใกล้มิล่านานเท่าไหร่ความรู้สึกต่างๆ มันก็ยิ่งทำให้เขาไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว เพราะฉะนั้นเขาต้องรีบเดินออกไป...
.
.
.
“คุณชายจะกลับไปทำงานแล้วเหรอคะ” เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็เจอกับแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กอย่างป้าอ้อยพอดี...
“ครับ ผมฝากป้าดูแลมิล่าด้วยนะครับ เธอค่อนข้างจะดื้อหน่อยเวลาไม่สบาย แต่ถ้าไข้ขึ้นสูงป้ารีบโทรหาไอ้แซคเลยนะครับ พอดีโทรศัพท์ผมอยู่กับเธอ”
“^^ ดูคุณชายของป้าจะห่วงเธอมากเลยนะคะ” ป้าอ้อยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นคุณชายของเธอดูจะเป็นห่วงคนที่นอนพักอยู่ข้างบนมาก
“ก็เธอมาอยู่ในความดูแลของผมนี่ครับ”
“แต่คุณชายก็ดูแลเธอเปรียบเสมือนเธอคือนายหญิงของบ้านเลยนะคะ ไม่ใช่แค่คนในความดูแลหรือแค่ในฐานะแม่ของคุณหนูแอล” เดเนียลนิ่งเงียบไปทันทีที่แม่บ้านพูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่ชั้นสองของบ้านที่มีร่างบางนอนพักอยู่...
...คือตอนนี้เขากำลังนึกในใจว่าถ้ามิล่ายอมกลับมาคืนดีกับเขาและอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน มันคงจะดีไม่น้อย แต่พอนึกถึงเรื่องนี้ใบหน้าของมิล่าที่เอาแต่ผลักไสเขาและปฏิเสธเขาก็ลอยขึ้นมาทันที คงเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาทำเลวกับเธอไว้เยอะเปอร์เซ็นต์ที่เธอจะยอมใจอ่อนคืนดีด้วยเลยแทบจะไม่มี ขนาดหลายวันก่อนลูกอยู่ในอันตรายเธอยังปฏิเสธที่จะมาอยู่ด้วยกันกับเขาเลย แล้วเรื่องคืนดีกันก็คงไม่ต้องหวัง...
“ผมแค่เป็นห่วงเธอในฐานะแม่ของลูกนะครับ”
เดเนียลพูดจบก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้แม่บ้านแก่ๆ อย่างป้าอ้อยถึงกับงงกับการกระทำของคุณหนูตัวเองที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงเขามากแต่คำพูดคำจากลับส่วนทางกัน...
“เฮ้อ~หนุ่มสาวสมัยนี้ปากแข็งกันจริงๆ เลยป้าละไม่เข้าใจจริงๆ”
ป้าอ้อยถอนหายใจพรืดออกมาพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ให้กับคุณหนูตัวเองที่ปากไม่ตรงกับใจ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าด้วยซ้ำก็ต้องชะงักเท้าไว้ก่อน เพราะหญิงสาวที่อยู่ในบทสนทนาของเธอกับเดเนียลเมื่อกี้กำลังยืนอยู่ที่หัวบันไดพอดี...
ป้าอ้อยได้แต่นึกในใจว่าหญิงสาวคงจะไม่ทันได้ยินกับประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มเมื่อกี้ เพราะไม่อย่างนั้นต้องมีความน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นแน่นอน แต่พอดูสีหน้าท่าทางของเธอแล้ว ได้แต่คิดว่ามันคงจะสายไปแล้ว เพราะเธอดูนิ่งผิดปกติราวกับคนกำลังผิดหวัง...
“เอ๋อ...คุณมิล่าต้องการอะไรรึเปล่าคะ บอกป้าก็ได้ค่ะ”
“...คือหนูแค่กระหายน้ำอะค่ะ เลยว่าจะลงมาดื่มน้ำสักหน่อย”
“ป้ายกมาให้แล้วค่ะ คุณขึ้นไปรอที่ห้องเถอะนะคะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งเอา”
“ค่ะ” มิล่าตอบกลับด้วยประโยคสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกหน่วงตรงกลางอกข้างซ้ายอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของเดเนียลเมื่อกี้นี้
จริงๆ แล้วเธอไม่ควรมารู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะระหว่างเธอกับเขามันเป็นแค่นั้นจริงๆ อีกอย่างที่เขาพยายามจะให้เธอมาอยู่ที่นี้ให้ได้ก็เพราะเขาเป็นห่วงลูกส่วนเธอก็แค่ติดห้อยท้ายมาด้วยแค่นั้นเอง
แต่เอาจริง ๆ พอได้ยินอีกฝ่ายบอกแบบนั้นกับคนอื่นเธอก็ยังรู้สึกหน่วงอยู่ดี เพราะปกติแล้วจะมีแต่เธอเท่านั้นที่ชอบพูดคำนั้นกับเดเนียล...
“ฉันไม่ควรมารู้สึกแบบนี้ และไม่ควรมาหวั่นไหวกับคนอย่างนายเดเนียล” มิล่าบ่นพึมพำคนเดียวหลังจากที่เดินเข้ามานั่งตรงปลายเตียงในห้องนอน พร้อมกับนึกถึงตอนที่เดเนียลอุ้มเธอมาวางที่เตียงด้วยท่าทางอ่อนโยนนั้น...
ด้านเดเนียล...
“เอ๋อ...ท่านประธานค่ะ พอดีมีแขกมายืนรอพบคุณมิล่าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของเธออะค่ะ” เดเนียลที่กำลังเดินเข้ามาในโซนของห้องทำงานหลังจากที่กลับเข้ามาที่บริษัทอีกครั้งถูกพนักงานที่เป็นเลขามิล่าเรียกไว้ซะก่อน ก่อนจะถามเธอกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง...
“ใคร?”
“คุณฟีนิกซ์ค่ะ เจนบอกเขาไปแล้วนะคะว่าคุณมิล่าไม่อยู่ แต่เขาก็...”
“เธอไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะท่านประธาน”
เดเนียลไล่พนักงานให้ไปทำงานก่อนที่เธอจะได้พูดจบ เพราะแค่ได้ยินชื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีจนอยากกระโจนเข้าใส่มัน อีกทั้งเมื่อหลายวันก่อนไอ้แขกที่ว่าก็ยังกล้าดีมายุ่งกับมิล่าด้วย...
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าราคาแพงของเดเนียลก้าวเป็นจังหวะมั่นคงอย่างไม่รีบร้อนเดินไปทางห้องทำงานของตัวเองที่มีฟีนิกซ์รออยู่ ก่อนจะหยุดเดินแล้วจ้องมองไปที่ฟีนิกซ์ด้วยแววตาราบเรียบแต่กลับแฝงความไม่ชอบใจไว้อย่างดี...
“หวัดดีพี่ชาย...” เสียงฟีนิกซ์ทักทายเดเนียลด้วยสีหน้ายียวน แต่ก็ต้องหน้าเจื่อนลงเมื่อโดนเดเนียลตอกกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
“อย่ามาเล่นลิ้นกับกู แล้วก็ช่วยไส่หัวเน่าๆ ของมึงออกไปให้พ้นหน้ากูด้วย!”
“หึ เป็นพี่ชายประสาอะไรวะ เกรี้ยวกราดได้แม้กระทั่งกับน้องชายตัวเอง แล้วอย่างนี้คุณมิล่าของกูไม่ตกใจวันละหลายๆ รอบเหรอว่ะแซค” ฟีนิกซ์ทำเป็นเล่นหูเล่นตากับเดเนียลพร้อมกับเน้นย้ำชื่อมิล่าใส่เดเนียล ก่อนจะหันไปถามแซคลูกน้องคนสนิทของเดเนียลแทน จนลืมไปว่าตอนนี้เขาได้กระตุกหนวดปีศาจร้ายอย่างเดเนียลเข้าแล้ว...
“ไอ้เวรเอ้ย!!” ผลัวะ! ผลัวะ!
เสียงสบถคำหยาบพร้อมกับหมัดหนักๆ ของเดเนียลต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของฟีนิกซ์อย่างจัง จนล้มไปกองที่พื้น ก่อนที่เดเนียลจะตามลงไปคร่อมและรัวหมัดใส่ไม่ยั้งอย่างโมโห...
“มิล่าของมึงเหรอว่ะ นั่นเมียกูไอ้สัส!!”
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
พรึบ!
“เมียที่ยังไม่ได้แต่งงาน กูจะเอามันก็ไม่ผิด!” ผลัวะ! ผลัวะ! “กูจะเอาเอลล่าไปเลี้ยงด้วย เอาให้มึงอกแตกตายเลยไอ้เด!!” ฟีนิกซ์พูดออกมาพร้อมกับเปลี่ยนขึ้นมาคร่อมเดเนียลแล้วปล่อยหมัดใส่ใบหน้าหล่อๆ ของเขาอย่างไม่ยอม...
ผลัวะ! ผลัวะ!
ตุบ!! พรึบ ผลัวะ! “มึงข้ามศพกูให้ได้ก่อนเถอะไอ้เวร!!” ผลัวะ! ผลัวะ! เดเนียลใช้เท้าถีบฟีนิกซ์จนกระเด็นออกจากตัวเอง จากนั้นก็ตามไปคร่อมแล้วปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของฟีนิกซ์อย่างบ้าคลั่งจนคนใต้ร่างมีสภาพเลือดนองเต็มหน้า
“นายครับ พอเถอะครับนาย” แซคที่เห็นท่าไม่ดี เพราะกลัวคนใต้ร่างเจ้านายจะตายซะก่อนเลยรีบไปแยกเจ้านายตัวเองออกมาจากน้องชายต่างมารดาไว้ เพราะอย่างที่รู้ว่าเดเนียลเวลาโมโหจะร้ายกาจขึ้นเป็นเท่าตัวและจะไม่สามารถยั้งมือได้ถ้าบุคคลนั้นเป็นคนปลุกปีศาจร้ายในตัวเขาขึ้นมาเอง
“ปล่อยกูไอ้แซค กูจะฆ่ามัน! กูบอกให้ปล่อยกูไงว่ะ!!” เดเนียลพยายามสะบัดตัวออกจากลูกน้องคนสนิทอย่างแซคที่เข้ามาจับเขาแยกออกจากฟีนิกซ์
“หยุดบ้าได้แล้วเดเนียล! ใจคอแกจะฆ่าน้องชายตัวเองเลยรึไงฮะ!” เสียงทรงอำนาจที่สามารถหยุดเดเนียลได้ก็หนีไม่พ้นเสียงของพ่อเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกอย่างซะทีเดียวที่เดเนียลจะยอมก้มหัวให้พ่อตัวเอง...
“พวกมึงสองคนพาฟีนิกซ์ไปโรงพยาบาล” เสียงพ่อของเดเนียลเอ่ยสั่งการ์ดสองคนที่เดินตามหลังมาให้พาฟีนิกซ์ออกไปก่อน...
“เดเนียลลูก ทำไมต้องทำกับน้องขนาดนั้นด้วยล่ะ มีเรื่องอะไรกัน” แม่ของเดเนียลที่ยืนอยู่ข้างๆ พ่อของเดเนียลเดินเข้ามาจับบ่าลูกชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ต้องลงไม้ลงมือกับน้องชายต่างมารดาจนมีสภาพเลือดอาบเต็มหน้าขนาดนั้น...
“หึ! ผมจำได้ว่าตัวเองไม่มีน้อง และผมก็คิดว่าแม่น่าจะลืมว่าคลอดผมออกมาคนเดียว”
พรึบ! พูดจบเดเนียลก็สะบัดตัวออกจากแซคอย่างแรงแล้วเดินเข้าห้องทำงานไปโดยไม่สนใจสายตาของพ่อตัวเองที่กำลังจ้องมาอย่างไม่พอใจ...
ปัง!!!
“ไอ้เดเนียล!!” เสียงพ่อของเดเนียลตะโกนเรียกชื่อของเขาลั่นเมื่อเดเนียลแสดงกิริยาที่ไม่ไว้หน้าตนต่อหน้าลูกน้อง ก่อนจะก้าวเท้าตามไปแต่ก็โดนแม่ของเดเนียลดึงแขนห้ามไว้ก่อน...
“คุณๆ ฉันว่าอย่าพึ่งไปกวนลูกตอนนี้เลย ปล่อยให้แกสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า เราค่อยคุยวันหลังกันก็ได้ ตอนนี้ไปหาฟีนิกซ์ก่อนดีกว่านะคะ”
พ่อของเดเนียลยืนนิ่งฟังที่ภรรยาพูด พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโมโหกับลูกชายตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปในที่สุด...
ส่วนแซคที่ยังยืนอยู่ที่เดิมหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายออกไปกันหมดแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มในห้องทำงานแทน...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“นายครับ”
เดเนียลที่กำลังนั่งพิงหลับตาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ขยับตัวหันไปมองทางประตูเมื่อได้ยินแซคเอ่ยเรียกไว้...
“อีก40นาทีนายมีนัดกับคุณ...”
“เลื่อนเป็นวันอื่นวันนี้กูไม่มีอารมณ์จะไปเจอใคร แล้วมึงไปเตรียมรถให้กูด้วย กูจะกลับบ้าน”
“ครับนาย”
“ไอ้แซค”
“ครับนาย...” แซคที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้านายเรียกตนไว้
“หยิบกระเป๋าเมียกูที่โต๊ะทำงานของเธอด้วย”
“ครับ”