บทที่ 4
ฉันนั่งมองเดเนียลมันกำลังขมวดคิ้วหงุดหงิดอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเองอยู่บนเตียงเดียวกันกับเอลล่า หลังจากที่เมื่อกี้มีสายเข้าจากไลน์ดังไม่หยุด จนสุดท้ายมันต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพิมพ์หยุกหยิกๆ ด้วยความรำคาญ
“ฉันว่านายออกไปเคลียร์ธุระของนายที่ระเบียงก่อนดีกว่ามั๊ย เดี๋ยวเอลล่าก็ตื่นมางอแงอีก” ก็เมื่อกี้ตอนมีไลน์เข้ามาเอลล่าก็สะดุ้งตื่นแล้วรอบหนึ่ง ฉันถึงได้บอกเขาไปแบบนั้นไง
พรึบ ตุบ!
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เดเนียลหันไปวางโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะหันมาตอบฉัน แล้วก็หันไปนอนตะแคงกอดเอลล่าต่อ...
ฉันที่นั่งอยู่บนโซฟาเลยใช้ความเงียบโดยไม่พูดอะไรออกมาแทน เพราะไม่อยากให้ดเนียลคิดว่าฉันกำลังจุ้นจ้านเรื่องของเขาด้วย
พรึบ!
“จะไปไหน”
“อาบน้ำ” ฉันตอบเดเนียลออกไปสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ฉันคิดว่าฉันควรอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวไปหมดทั้งตัวแล้ว ก็เมื่อกี้ตอนตามหาเดเนียลฉันทั้งร้องไห้เพราะเป็นห่วงเอลล่าและร้องไห้เพราะโกรธเดเนียลด้วยที่โทรหาเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดในช่วงคับขันแบบนั้น จนหน้าเมือกไปหมดแล้ว...
หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วฉันก็ยืนมองตัวเองในกระจกตรงหน้าด้วยสีหน้าที่รู้สึกอ่อนล้าและเพลียกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เอามากๆ คือฉันยอมรับนะว่าเหตุการณ์คืนนี้ทำให้ตัวเองสติแตกและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริงๆ อารมณ์ตอนนั้นฉันทั้งมืดแปดด้านและเครียดมาก ๆ
คือฉันเลี้ยงเอลล่าเองก็จริงแต่ก็ยังไม่มีครั้งไหนที่เอลล่าป่วยหนักแบบครั้งนี้มาก่อน แถมเอลล่าเอาแต่ร้องไห้หาเดเนียลจนเริ่มหายใจไม่ทันและหอบขึ้นมา
ซึ่งภาพที่ฉันเห็นตอนนั้นคือใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอะ ทั้งเจ็บปวดทั้งกลัวไปในเวลาเดียวกัน ฉันเลยค่อนข้างที่จะเสียศูนย์มาก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเอลล่าถึงผูกพันกับเดเนียลขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนเลี้ยงเธอมาแต่ตั้งเกิด...
“เฮ้อ~ เอลล่าลูก...หนูทำให้มามี้อยากจะเป็นบ้าตาย” ฉันถอนหายใจออกมาพร้อมกับบ่นถึงลูกสาวอยู่ตรงหน้ากระจกอ่างล้างหน้า ก่อนจะเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วเตรียมอาบน้ำ...
20นาทีต่อมา...
กริ๊ก! พรึ่บ!
เฮือก!!
“นี่นายมายืนทำบ้าอะไรหน้าห้องน้ำฮะ!” ใช่ ตอนนี้ไอ้บ้าเดเนียลมันมายืนทำหน้านิ่งขวางประตูอยู่ตรงหน้าฉัน เล่นบ้าอะไรไม่รู้หัวใจฉันเกือบจะวาย
“ฉันเห็นเธอเข้าไปนาน นึกว่าสลบอยู่ในห้องน้ำ”
“ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ต่างหากละ” ฉันตอบกลับไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่เขาคิดว่าฉันสลบอยู่ในห้องน้ำ คือฉันอาบน้ำไหมล่ะไม่ได้วิ่งผ่านน้ำ...
“เอ้า! แล้วนี่จะมาขวางหูขวางตาฉันอีกนานมั๊ย หลีกทางไปสิ”
พลั่ก!
ว่าจบฉันก็ผลักตัวเดเนียลให้หลีกไปอีกทางเพื่อจะได้เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไปนอนสักที ก็มันเป็นบ้าอะไรไม่รู้ยืนนิ่งมองหน้าฉันอยู่ได้
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ ทำให้เธอตามหาฉันจนวุ่นวายไปหมด คือเมื่อกี้ฉันกำลัง...”
กึก!
ทันที่แก้วหูของฉันได้ยินสิ่งที่เดเนียลพูดออกมา เท้าทั้งสองข้างของฉันก็พร้อมใจกันหยุดทันที ก่อนจะยืนนิ่งนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เดเนียลกำลังจะอธิบายให้ฉันฟังด้วยหัวใจที่รู้สึกชาวาบไปทั้งดวง
เหตุการณ์ตอนนั้น...เอาจริงๆ ฉันไม่อยากนึกถึงมันอีกเลย เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกมืดมนจนแทบหาทางออกไม่เจอ ถึงแม้ว่าเดเนียลกำลังจะอธิบายว่าเป็นเพราะอะไร เขาถึงปิดเครื่อง มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว เพราะตอนนี้ฉันตามหาเขาเจอแล้ว ฉันพาเขามาตามที่ลูกเรียกร้องแล้ว ก็ถือว่าจบ
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงมันอีก”
“ฉันไม่ได้จะละเลยเรื่องของลูกนะมิล่า” เดเนียลว่าขึ้นน้ำเสียงแตกต่างจากตอนแรก แต่ฉันก็เงียบไม่ตอบโต้อะไรกลับไป สุดท้ายฉันก็ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเบาๆออกมา ก่อนจะพูดประโยคถัดมา
“เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ปิดเครื่องอีก ถึงแม้ว่ากำลังประชุมหรือทำอะไรอยู่ก็ตาม เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก โอเคมั้ย”
“...”
“ปะป๋า~ ฮึก ปะป๋ามาหาน้องแอลก่อน ฮึก” ฉันหันไปมองที่เตียงลูกทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของเธอดังขึ้นพร้อมกับเตรียมตัวก้าวเท้าจะไปหา แต่ยังไม่ทันได้ออกตัวก็ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ไวกว่าฉันนำหน้าไปก่อนซะแล้ว
ใช่ เดเนียลเขาเดินผ่านตัวฉันไปที่เตียงเอลล่าก่อนฉันซะอีก ฉันเลยได้แต่หยุดยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองภาพของพวกเขาสองคนกำลังนอนกอดปลอบกันแทน
“น้องแอลครับ ป๊าอยู่นี้ไงครับ ป๊าไม่ได้ทิ้งหนูไปไหนเลย ลืมตาขึ้นมาดูก่อนครับคนเก่ง” ใช่แล้ว น้องแอลร้องเหมือนตัวเองกำลังฝันร้ายอยู่ และในฝันนั้นคงเกี่ยวกับเดเนียลมั้งลูกถึงได้ร้องหาแต่เขา
“ฮึก น้องแอลเจ็บหัว ฮรื่อ~” น้องแอลลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับจับที่หัวของตัวเพื่อบ่งบอกว่าเธอกำลังปวดหัว
“โอเคๆ ไม่ร้องครับ”
“ปะป๋ากอดๆ น้องแอล ฮึก”
“ครับๆ”
ฟุบ!
ฉันได้แต่ยืนดูสองพ่อลูกที่กำลังตะลอมกอดกันอยู่บนเตียงโดยที่น้องแอลเอาแต่ซุกเข้าไปหาอกของเดเนียล ส่วนเดเนียลก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวลูกอีกข้างหนึ่งก็ตบก้นลูกไปด้วย ซึ่งมันเป็นภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกเป็นอากาศเสียในห้องนี้ชะมัดเลย เหมือนเป็นส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ
หึ น่าขำดีนะ
“มองตาไม่กะพริบแบบนั้น กำลังน้อยใจลูกอยู่รึไง”
“อยากขึ้นมานอนกอดลูก ก็ขึ้นมาดิ”
“เปล่า ฉันไม่ได้น้อยใจลูกสักหน่อย อีกอย่างเอลล่าต้องการนายไม่ใช่ฉัน” ฉันตอบกลับเดเนียลพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นแทนเพราะกำลังพยายามไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
ใช่ น้ำตามันกำลังคลอเบ้านะ ไม่ได้ร้องไห้นะ แค่เมื่อกี้เผลอจ้องนานไปหน่อย
“หึ ปากพูดว่าเปล่า แต่กำลังเช็ดน้ำตา คืออะไรวะมิล่า น้อยใจลูกขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ”
ขวับ!
“นายจะไปรู้อะไร” ฉันหันไปแหวใส่เดเนียลทันทีที่เขาพูดจบอย่างฉุนเฉียว จนหน้าหล่อๆนั้นที่กำลังยิ้มอยู่ถึงกับค่อยๆหุบยิ้มลงและเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งขรึมแทน
“ถ้าเธอไม่บอกฉันก็ไม่รู้หรอกนะ” เดเนียลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แอบดุฉันอยู่กลายๆ เขาคงไม่ชอบที่เห็นฉันอารมณ์เสียใส่เขา แต่ฉันไม่แคร์ไง
“งั้นก็ไม่ต้องรู้นั่นแหละดีแล้ว”
“ทำไม เธอน้อยใจลูกที่เอาแต่ต้องการฉัน ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นเธออย่างนั้นเหรอมิล่า”
“...”
“ที่เงียบกริบแบบนั้น ฉันพูดถูกสินะ”
“อยากกอดลูก ก็ขึ้นมา ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยนอนห่างลูก” เดเนียลพูดพร้อมกับขยับเอลล่าเข้าไปชิดกับตัวเองเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับฉัน
“เหอะ! อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย” ฉันว่าเขา ก่อนจะกอดอกแล้วหันหน้าไปทางอื่นแทน ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกไม่ชอบที่หมอนั่นทำเป็นรู้ดีแบบนั้น ทำเป็นรู้ว่าฉันกำลังรู้สึกยังไง
“แล้วฉันพูดถูกมั๊ยล่ะ? รีบ ๆ ขึ้นมา ถ้ากลัวว่าฉันจะปล้ำเธอ ฉันบอกเลยว่าคืนนี้ไม่มีอารมณ์มาพิศวาสเธอ” หน่อย! ตาบ้านี่! อยู่ในโรงพยาบาลแท้ ๆ สมองยังมีเรื่องน่าขยะแขยงพวกนั้นอีกเหรอ เขานี่มัน...
“จึ๊! นายนี่มัน...”
“มะมี้~”
“เห็นมั๊ยลูกก็ต้องการเธอเหมือนเดิม มัวแต่น้อยใจลูกอยู่ได้ รีบๆ ขึ้นมาเร็ว”
“เฮ้อ~”
“...”
“เร็วมิล่า” เสียงเดเนียลเรียกซ้ำอีกครั้งพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องมาที่ฉันอย่างกดดัน กดดันให้ฉันรีบเดินไปขึ้นเตียงที่เขากับเอลล่านอนรออยู่ ซึ่งการกดดันด้วยสายตาแบบนั้นก็ทำให้ฉันมีทางเลือกไม่มากซะด้วยสิ
“จึ๊!” และใช่ค่ะ สุดท้ายฉันก็ต้องเดินไปขึ้นเตียงที่มีเขากับลูกนอนรออยู่ให้มันจบๆ ไปจะได้ไม่ต้องมายืนเถียงและโดนจ้องให้น่ารำคาญ
พรึบ!
“หึ!” หลังจากที่ฉันตัดสินใจเดินขึ้นมานอน ฉันก็ได้ยินเดเนียลมันหัวเราะเบาๆ ในลำคอทันที แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะบ้าบอของเขาต่อไป เนื่องจากทันทีที่ฉันขึ้นมานอนบนเตียง เอลล่าก็หันมากอดฉันทันที ฉันจึงกอดลูกกลับพร้อมกับตบก้นลูกเบาๆ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับลูกในที่สุด
“ฝันดีครับสองสาวของปะป๋า”
จุ๊บ จุ๊บ