บทที่ 5 พลาดรักนายวายร้าย

2475 คำ
บทที่ 5 @ตึกผู้ป่วยในVIP 02.13น. ค่ำคืนที่เงียบสนิทไร้เสียงรบกวนใดๆ จากภายนอก และเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของใครหลายๆ คนรวมถึงผู้ป่วยในตึกแห่งนี้ด้วย แต่กลับมีบุคคลที่ไม่สามารถนอนพักผ่อนได้เนื่องจากมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกำลังเตรียมอุปกรณ์เพื่อเข้าไปตรวจคนไข้ตามเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วอย่างตั้งใจอยู่ด้านหลังเคาวน์เตอร์... “เดี๋ยวฉันจะเข้าไปวัด vital sign ของผู้ป่วยเด็กที่ห้อง8009นะคะ” เสียงพยาบาลสาวที่สวมหน้ากากอนามัยเอ่ยบอกกับรุ่นพี่ในแผนก “โอเคๆ เธอระวังไม้ระวังมือหน่อยละกันนะ เห็นว่าพ่อของน้องเด็กเป็นลูกหลานคนมีอิทธิพล อย่าพลาดทำลูกเขามีรอยข่วนและตื่นมาซะก่อนละ เดี๋ยวเธอจะซวยเอา” เสียงพยาบาลรุ่นพี่เอ่ยบอกอย่างเป็นห่วงกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามารับช่วงเวรดึกต่อจากเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ “ได้ค่ะพี่ขิม ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนในห้องตื่นเลยละค่ะ^^” “อืม หน้าห้องและตามทางเดินจะมีคนชุดดำยืนกันให้ควั่กเลย เธออย่าเผลอตกใจละกัน” เสียงรุ่นพี่คนเดิมเอ่ยเตือนรุ่นน้องเพราะกลัวจะตกใจถ้าได้เห็นเหล่าบอดิการ์ดของคนไข้VIPที่ยืนรักษาความปลอดภัยให้เจ้านายราวกับยกกันมาทั้งดุ้น “โห่~ ขนาดนั้นเลย ก็นะคนเขารวยนี่เนอะพี่^^” “อืม รีบๆ ไปได้แล้ว” “จ้ะ” หลังจากที่พยาบาลสาวคุยกับรุ่นพี่ในแผนกเสร็จเธอก็หันหลังเดินไปเข็นรถเครื่องมือแพทย์ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและเปลี่ยนไปจากตอนแรกราวคนละคนทันทีเพื่อเดินไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายมา... ตามทางเดินไปยังห้องผู้ป่วยที่อยู่ข้างในสุดอย่างห้อง8009ค่อนข้างที่จะเงียบมาก แต่ก็ไม่ได้จนถึงขั้นวังเวงเพราะตามจุดต่างๆ ก็ยังมีเหล่าชายชุดดำคอยยืนรักษาความปลอดภัยตามที่รุ่นพี่คนเมื่อกี้ได้บอกไว้จริง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอมีอาการประหม่าแต่อย่างใด... @ห้อง8009 “เดี๋ยวก่อนครับ” เมื่อถึงหน้าห้องผู้ป่วย บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องยกมือขวางทางพยาบาลสาวที่กำลังจะเข้าไปข้างในห้องก่อน เธอจึงต้องหยุดรถที่เข็นไว้ แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คะ?” “เวลานี้คุณพยาบาลจะเข้าไปทำอะไรอีกครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยถามออกไปเพราะไม่เข้าใจว่าเวลาตีสองอย่างตอนนี้ เธอคนนี้จะเข้าไปทำอะไรอีก “อ๋อ...ฉันต้องเข้าไปวัดอุณหภูมิร่างกายคนไข้ทุกสี่ชั่วโมงค่ะ และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วด้วยค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวแล้วบอดี้การ์ดสองคนจึงหันหน้ามามองหน้ากัน ก่อนจะขออนุญาตเช็กรถก่อนเข้าไป “ขออนุญาตเช็กรถเครื่องมือของคุณก่อนเข้าไปก่อนนะครับ” “ได้สิคะ” หลังจากนั้นบอดี้การ์ดสองคนก็ลงมือเช็กรถเครื่องมือของพยาบาลสาวตามหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้านายทั้งสามที่นอนอยู่ในห้องทันที แต่ในเมื่อไม่มีสิ่งที่ผิดปกติจึงเปิดทางให้เข้าไปได้ “เรียบร้อยครับ เชิญครับ” “ค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตแล้วพยาบาลสาวที่ได้รับมอบหมายงานมาจึงเข็นรถเข้าไปในห้องกว้างทันที สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ ห้องที่มืดสลัวด้วยความรอบคอบ เพราะเกรงว่าจะมีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญนั่งซ้อนตัวอยู่ในนี้ด้วย แต่แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด กึก! เพราะขณะที่เธอกำลังมองรอบๆ ห้องอยู่สายตาของเธอก็ดันไปปะทะเข้ากับสายตาคมปลาบของใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาซึ่งเขากำลังมองมาที่เธออยู่ด้วยพอดี ซึ่งใบหน้าหล่อเหล่าและสายตาที่ดุดันเช่นนี้เมื่อเพ่งมองดี ๆ แล้วเขากลับไม่ใช่บุคคลตามในรูปที่เธอได้เห็นตอนรับงาน เธอจึงต้องรีบปรับอารมณ์แล้วกลับเข้าสู่บทบาทของพยาบาลสาวอีกครั้ง “เอ๋อ... ฉันมาวัดไข้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกขณะที่กำลังก้มหน้าพูดด้วยท่าทางเกรงใจ แต่คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟากลับไม่ได้สนใจท่าทางนั่นของเธอเท่าไหร่นัก นอกจากออกคำสั่งเสียงเรียบแต่น่าเกรงขามออกไป “เปิดหน้า” พรึบ! ใบหน้าสวยภายใต้หน้ากากอนามัยเงยหน้าขึ้นไปมองคนสั่งทันทีที่ได้ยินคำสั่งเหนือการคาดการณ์จากคนตรงหน้าเข้า เพราะเธอไม่ได้เตรียมความพร้อมตรงนี้ไว้ แต่ในขณะที่สมองของเธอกำลังใช้ความคิดอยู่ เธอก็ต้องสะดุ้งตกใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนออกคำสั่งขยับตัวมายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว “ผมบอกให้คุณเปิดหน้ากากอนามัยออกครับคุณพยาบาล” แซค ลูกน้องคนสนิทของเดเนียลเอ่ยสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกดต่ำพร้อมกับจ้องตากดดันไปในที “เอ๋อ...ได้ค่ะ” พยาบาลสาวที่ไม่สามารถเลี่ยงคำสั่งได้ เธอจึงต้องเปิดหน้ากากปิดหน้าออกอย่างจำยอม เพราะถ้าไม่ยอมเปิดออกเธออาจจะโดนสงสัยและเพ่งเล็งจากคนตรงหน้าได้ “ไม่ใช่คนเดิม?” เสียงคำถามเชิงสงสัยของแซคเอ่ยออกมาทันทีที่เห็นหน้าตาของพยาบาลสาวตรงหน้า ซึ่งเป็นคนละคนกับที่เข้ามาก่อนหน้านี้ “อ้อ...ฉันเพิ่งรับเวรดึกมาจากพยาบาลก่อนหน้านี้อะค่ะ” “…” แซคเงียบ แต่กลับใช้สายตาจับผิดคนตรงหน้าอย่างตั้งใจแทน จนพยาบาลสาวที่เห็นแบบนั้นต้องรีบหลุบตาหนีพร้อมกับสวมหน้ากากอนามัยกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อนนะคะ” พยาบาลสาวเอ่ยจบก็รีบเข็นรถที่หมายถึงหน้าที่ของตนเองเข้าไปในอีกห้องหนึ่งที่มีคนไข้นอนพักอยู่เพื่อจะได้ไปให้พ้นบอดิการ์ดหน้าหล่อแต่น่ากลัวตรงหน้าทันที... หลังจากที่เธอเข้ามาในห้องผู้ป่วยที่เป็นเป้าหมายของเธอแล้ว รอยยิ้มอันตรายก็เผยขึ้นภายใต้หน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ทันที เพราะเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเธอจนอดยิ้มไม่ได้ ห้องที่มืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากหน้าต่างที่ส่องเข้ามาให้พอเห็นว่าข้างในห้องนี้ไม่ได้มีสามคนอย่างที่เธอคิด เพราะตอนนี้บนเตียงมีแค่สองแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันแต่ไร้ซึ่งผู้ชายที่น่ากลัวอย่างเดเนียลอยู่ด้วย เธอจึงรีบทิ้งรถที่เข็นเข้ามาด้วยไว้ข้างๆ ประตูห้องน้ำ แล้วเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนผู้ป่วยทันที ก่อนจะหันไปที่เสาน้ำเกลือที่มีสายน้ำเกลือต่อกับมือเด็กน้อยที่เป็นลูกสาวของศัตรูกับผู้ว่าจ้างของเธอ เธอมองไปที่ขวดน้ำเกลือด้วยสายตาราบเรียบแต่กลับซ้อนความร้ายกาจไว้ในนั้นอย่างไม่ปิดบัง ถึงแม้ว่าเป้าหมายที่เธอได้รับมาให้ถูกกำจัดไปของเธอจะเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ตาม มือเล็กเริ่มหยิบหลอดเข็มฉีดยาขนาดเล็กที่เป็นยาชนิดร้ายแรงพอที่สามารถจะทำให้หัวใจล้มเหลวได้โดยที่ไม่ทิ้งหลักฐานขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อเตรียมจะฉีดเข้าไปในขวดน้ำเกลืออย่างชำนาญ... แต่ยังไม่ทันได้ฉีดเข้าไป.... กริ๊ก! จู่ ๆ เสียงกดนกลงมาจากกระบอกปืน9มม.สีดำแววที่กำลังจ่ออยู่ที่ขมับด้านขวาของเธอก็ดังขึ้นซะก่อน ส่งผลทำให้มือที่กำลังยกขึ้นเตรียมจะฉีดยาเข้าไปในขวดน้ำเกลือเมื่อกี้ต้องชะงักลงทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียงทุ้มของเจ้าของปืนเอ่ยถามในเวลาต่อมา... “เธอคิดจะทำอะไร ใครส่งเธอมา” เดเนียลที่ออกมาจากห้องน้ำเมื่อสักครู่ทันเห็นทุกอย่างที่พยาบาลสาวคนนี้กำลังจะทำจึงเอ่ยถามอย่างกดดัน และเริ่มจะโมโหขึ้นมาที่หญิงสาวเอาแต่เงียบไม่ตอบ “...” “คิดดีแล้วใช่มั้ยที่ใช้ความเงียบตอบฉัน” เมื่อถามออกไปแล้วแต่หญิงสาวกลับเงียบ เดเนียลจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่กลับมีอำนาจจนทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นขึ้นมา เพราะการกระทำของเขาที่กำลังจ่อปืนใส่ขมับเธออยู่ตอนนี้ มันสามารถทำให้เธอหายไปจากโลกนี้ได้ทันที ถ้าความอดทนของเขาขาดสะบั่นลง “ถ้าไม่อยากให้ฉันจองล้างจองผลาญไปถึงโคตรเหง้าของเธอก็บอกฉันมาว่าใครส่งเธอมาให้ทำเรื่องชั่วๆแบบนี้” “...” “หึ กล้าท้าทายฉันดีนะ งั้นลองออกไปท้าทายกับลูกน้องของฉันข้างนอกดีมั๊ย รับรองมันทำให้เธอจุกแน่นอน” พูดจบเดเนียลก็จับตัวเธอลากออกไปจากห้องของลูกสาวทันที เพื่อส่งตัวหญิงสาวให้ลูกน้องของเขาที่นั่งอยู่ข้างนอกจัดการ... “นาย...” แซคที่เห็นเจ้านายตัวเองเดินออกมาพร้อมกับปืนที่กำลังจ่อหัวพยาบาลคนเมื่อกี้รีบลุกขึ้นไปหาทันที... “ผู้หญิงคนนี้กำลังจะฆ่าลูกกู มึงปล่อยให้เข้ามาได้ยังไงไอ้แซค!!!” เดเนียลตะคอกเสียงลั่นห้องด้วยความโมโหเดือดทันทีที่ลูกน้องคนสนิทบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไม่น่าให้อภัย ปล่อยให้คนร้ายเข้าไปในห้องได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ครืดดด (เสียงเลื่อนบานประตูออก) “เดเนียล! เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมนายถึงจ่อปืนพยาบาลแบบนั้นล่ะ” มิล่าที่ได้ยินเสียงเดเนียลตะคอกเสียงดังลั่นห้องจากข้างนอกรีบลุกจากเตียงออกมาดูด้วยความตกใจทันที แต่พอออกมาแล้วกลับได้เห็นภาพพ่อของลูกกำลังยืนจ่อปืนใส่ขมับพยาบาลสาว ดวงตาสวยก็เบิกโตทันที “เข้าไปอยู่ข้างในห้องกับลูกมิล่า” “แต่...” “ฉันสั่ง” เดเนียลหันขวับไปมองมิล่าด้วยสายตาแข็งกร้าวและแดงเถือกอย่างน่ากลัว จนมิล่าที่ได้เห็นสายตาคู่นั้นของเดเนียลถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะสีหน้าของเดเนียลตอนนี้จริงจังจนเธอไม่กล้าต่อกรเลยละ เป็นโหมดความน่ากลัวที่เธอเองก็เพิ่งจะได้เห็นเหมือนกัน เธอเลยต้องรีบหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องตามที่เดเนียลสั่งไว้... สักพักบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ตรงหน้าห้องก็เดินเข้ามาสมทบพอดี เพราะได้ยินเสียงตวาดดังลั่นมาจากข้างใน ก่อนที่จะพบเห็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและได้แต่ก้มหน้าอย่างเดียว เพราะรับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองได้ทำพลาดอย่างมหันต์แล้วที่ปล่อยให้คนร้ายหลุดลอดเข้ามาได้... “ไอ้แซค มึงเอานังนี้ไปทรมานและเค้นถามมาให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งมา ถ้าหมดประโยชน์แล้วก็ฆ่าทิ้งซะ” พรึบ! ตุบ! พูดจบเดเนียลก็ผลักหญิงสาวไปปะทะกับอกแกร่งของแซคอย่างจังทันทีจนเธอเกือบทรงตัวไม่อยู่ แต่ดีที่แซครับเธอไว้ทัน ทั้งคู่จึงเผลอจ้องตากันอยู่สักพักก่อนที่แซคจะหมุนตัวเธอมาด้านหน้าแล้วดึงแขนเธอมาจับไว้ด้านหลังแทน... “ส่วนมึงสองคนเตรียมรับบทลงโทษจากกูได้เลย” “ครับ/ครับนาย” บอดี้การ์ดหนุ่มสองคนรีบรับคำเจ้านายหนุ่มทันทีก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินออกไปตามสภาพ ตามด้วยแซคที่พาหญิงสาวคนดังกล่าวออกไปด้วย... “เฮ้อ~” หลังจากที่ลูกน้องเดินออกไปจนหมดแล้ว เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นทันที ใบหน้าหล่อเหลาของเดเนียลเงยหน้าขึ้นพร้อมหลับตาคิดถึงภาพก่อนหน้านี้อย่างข่มอารมณ์ ร่างสูงสะกดกลั้นอารมณ์ที่ยังเดือดพล่านด้วยความยากลำบาก เพราะความรู้สึกของเขาก่อนหน้านี้มันเหมือนมีกองไฟมหึมาสุ่มเต็มไปหมด มือที่จ่อปืนใส่ผู้หญิงคนนั้นอยากจะเหนียวไกใจจะขาด แต่เพราะเขารู้ว่ามันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ เขาจึงจำเป็นต้องคุมสติไว้แล้วรีบส่งให้ลูกน้องจัดการแทน แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันก็ทำให้เขายอมรับยากจริงๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาออกมาไม่ทันเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกสาวของเขาได้ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตามที่พ่อของเขาเคยเตือนไว้... Daniel part “เดเนียล” ผมหันไปข้างหลังตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงมิล่าเอ่ยเรียกอยู่ด้านหลัง “มันเกิดอะไรขึ้น นายช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้มั๊ย” “เธอไม่ควรต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้มิล่า” “แต่...” “เธอเข้าไปนอนพักกับลูกดีกว่า เดี๋ยวฉันนอนข้างนอกเอง” ผมสั่งให้มิล่าเข้าไปนอนกับลูกเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเธอ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูด เพราะเธอเอาแต่ยืนจ้องหน้าผมอยู่ที่เดิม “ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะเดเนียล” “แต่ฉันว่าเธออย่ามาเซ้าซี้ฉันในเวลาที่ฉันยังมีอารมณ์โกรธแบบนี้ดีกว่านะมิล่า ฉันรู้ว่าเธอรู้จักฉันดีและรู้ว่าไม่ควรเข้าหาฉันในเวลาไหน” ใช่ มิล่าเธอรู้จักกับปีศาจร้ายในตัวผมดี และรู้ดีว่าไม่ควรเข้าใกล้ผมตอนที่ผมกำลังโกรธแบบนี้ด้วย เพราะตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน มันชอบออกมาให้เธอเห็นยามที่เธอทำให้ผมโมโหกับพวกสวะที่ชอบมายุ่งกับเธอ “เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำให้ฉันต้องมาลงอารมณ์ของตัวเองที่เธอ เพราะฉันไม่ต้องการจะทำแบบนั้น” พูดจบผมก็เดินไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวีทันที เพราะไม่อยากยืนจ้องหน้าของมิล่านานๆ ใช่ ผมกลัว กลัวว่าจะเผยเรื่องบางอย่างออกมาให้เธอรู้ ซึ่งผมไม่ต้องการจะทำแบบนั้น ผมไม่อยากให้มิล่าต้องมารับรู้เกี่ยวกับปัญหาของผม เพราะฉะนั้นผมจึงต้องเป็นฝ่ายเดินหนีออกมานั่งให้ไกลจากเธอไง ไม่งั้นผมคงได้แพ้ต่อสายตาคมกริบของเธอที่จ้องมาที่ผมแน่นอน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม