รอยยิ้มที่หายไป

1092 คำ
ตอน 4 วายุยืนกั้นกลางอย่างไม่ลังเล ดวงตาคู่นั้นแน่วแน่ ไม่หลบสายตาพี่ชายแม้แต่น้อย “เธอเป็นแฟนผมเองครับเฮีย” วายุตอบเสียสั่นนิดๆติดตกใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุการก่อนหน้านี้ มันเกิดอะไรขึ้น แต่วายุรู้ดีว่าเฮียวาคินคงไม่ปล่อยเธอแน่ ถ้าหากเหตุผลไม่ดีพอ... ทันทีที่คำว่า "แฟน" หลุดจากปากวายุ มือของวาคินก็ชะงักไปเล็กน้อย แววตาวาคินพี่หรี่ลง เขาจ้องหน้าน้องชายเหมือนไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่ได้ยินคือเรื่องจริงหรือเพียงคำแก้ต่าง แล้วในที่สุดวาคิน เขาก็ค่อยๆ คลายมือออกจากลำคอของหญิงสาวช้าๆ “แฟนเหรอ?” เขาถามเสียงเรียบ เย็น แต่แฝงความระแวง "คราวหน้าแก่ดูแฟนแก่ให้ดีๆหน่อย อย่างให้เธอมาเดินหลงทางในบ้านแบบนี้" ยูจินยืนตัวสั่น ลมหายใจยังขาดเป็นห้วงจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาใคร แม้แต่วายุ วายุรีบคว้ามือเธอไว้แน่น "ยูจินทำไม่เธอมาไม่บอกเรา ว่าจะมาส่งเค้กเอง" วายุแกล้งพูดเหมือนรู้ว่าวาคินกำลังจับตามองพิรุตอยู่ จากนั้นวายุเขาก็พาเธอไป ยังโซฟาอีกมุมของห้องรับแขก เขาค่อยๆ พาเธอนั่งลงเบาๆ วาคินหันมองตามวายุ กับยูจินที่เดินผ่านหน้าเขาไป ด้วยสายตาที่ดุ เขายืนเงียบครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงของว่าคินจะหมุนตัวจากไป เขาเดินตรงเข้าไปในห้องลับของตัวเอง โดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงความเย็นชากับน้ำเสียงดุต่ำ และความดิบเถื่อนของเขา ยูจินเธอน้ำตาคลอเบ้า เงยหน้ามองวายุช้าๆ ก่อนเอ่ยถาม "วายุ... เฮียที่เธอพูดถึงคือเขาใช่ไม" วายุพยักหน้าเบาๆ แล้วตอบอยู่จินอย่างระเอียด "นี่แหละพี่ชายคนเดียวของเรา เฮียวาคิน" อ๊ะ! วายุหันขวับ มองหน้ายูจินทันที "เจ็บตรงไหนยูจิน..." ยูจินเธอยกข้อศอกขึ้นมาดู เธอรู้สึกแสบๆ ที่ข้อศอกมันแตกเป็นรอยแผลนิดๆ วายุเขารีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที "เดียวเราทำแผลให้นะ ข้อศอกเธอแตกแล้ว" ยูจินรีบส่ายหน้าทันที รั้งมือวายุไว้เบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก วายุ…” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่มั่นคงพอจะปิดบังความรู้สึกข้างใน “เราต้องรีบกลับบ้านแล้วล่ะ คุณแม่รอที่ร้านวันนี้พี่เนอาร์ เพิ่งกลับจากอิตาลีมาถึงเมื่อบ่ายนี้เอง” เธอฝืนยิ้มจางๆ ดวงตายังเต็มไปด้วยความกังวล “ขอบคุณนะ… ที่ช่วยเราไว้” วายุชะงักเล็กน้อย... แต่เพียงคิดในใจ~ เฮียวาคินก็เพิ่งกลับจากอิตาลี~ มันเรื่องบังเอิญแหละเนอะ ก่อนจะยิ้มตอบกลับเบาๆ แล้วนั่งลงข้างเธออีกครั้ง “เราก็ต้องขอโทษเหมือนกัน…” เขาพูดช้าๆ ดวงตาหลบไปทางอื่นเล็กน้อย “ที่พูดออกไปแบบนั้น… ว่าเราเป็นแฟนกัน…” ยูจินนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่เป็นไรหรอก” ยูจินหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง “ถ้าไม่มีเธอช่วยไว้… เราคงแย่ไปแล้วจริงๆ” วายุหันมามองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยูจิน?” ยูจินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหลบ ส่ายมือเบาๆ คล้ายปัดๆ "ไม่มีอะไรหรอก..." เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ ราวกับท่องบท “เราก็แค่เอาเค้กไปวางไว้ที่ห้องจัดอาหาร แล้วตอนเดินออกมาก็ไปชนแจกันเข้า… เสียงดังนิดหน่อย เราตกใจเลยรีบเดินออกมา…” ยูจินหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนที่เสียงของเธอจะเบาลง “…แล้วก็มาเจอคนใจร้ายนั่นเข้าพอดี” วายุฟังจบ แล้วพยักหน้าเบาๆ แม้ในใจจะรู้สึกว่าเรื่องคงไม่ใช่แค่นั้น “เรื่องแค่นี้เอง…” จากนั้นวายุเขาลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือมาหาเธอ พลางยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน “ปะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งที่รถ” อีกมุมหนึ่งในห้องวาคิน... ในห้องที่เงียบสงัด มีเพียงแสงจากจอภาพส่องสว่างหน้าชายผู้หนึ่ง วาคินนั่งไขว่ห้างอย่างนิ่งสงบ ดวงตาคมจับจ้องภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฉายบนจอ เขาเฝ้าดูตั้งแต่จังหวะ ที่ยูจินก้าวเข้ามาหน้าประตูบ้าน ทุกกิริยา ทุกสีหน้า ทุกย่างก้าวไม่มีอะไรหลุดพ้นสายตาเขาไปได้ ภาพจากกล้องตัดไป ยังช่วงที่เธอเดินมาหยุดหน้าห้องของเขา จากนั้นเธอก็ถอยหลังไปจนชนแจกันล้มแตก หญิงสาวตกใจสุดขีด รีบวิ่งหนีจนชายกระโปรงแทบปลิวตามแรงฝีเท้า วาคินเผลอยิ้มขึ้นมุมปากโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ที่ไม่เคยมีใครเห็นจากเขา… ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียว เขาพูดเบาๆในใจ ~ซุ่มซ่ามชะมัด~ ราเชนทร์บอดีการ์ดมือขวา ที่ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ เหลือบมองสีหน้าเจ้านาย แล้วยกคิ้วอย่างประหลาดใจ เขาหันไปมองเพื่อน ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง สบตากันเงียบๆ ราวกับถามว่า “เห็นเหมือนกันไหม?” ภิรมย์บอดี้การ์ดมือซ้าย ก้มหน้าลง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเสียงเบาอย่างระวังคำ “เอายังไงต่อดีครับเจ้านาย… กับเธอคนนั้น” แต่ชายตรงหน้า… ไม่ตอบ สายตาของเขายังคงแน่วแน่ จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ที่ตอนนี้แสดงภาพวายุ ลุกขึ้นจากโซฟา แล้วยื่นมือไปหายูจิน พร้อมรอยยิ้มบางๆ เสียงในกล้องดังแผ่ว ๆ: “ปะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งที่รถ” เพียงแค่นั้น รอยยิ้มที่มุมปากของวาคินก็หายไปทันที ใบหน้าเย็นชากลับคืนดังเดิม ดวงตาคมเปลี่ยนเป็นเงียบเย็น ราวกับมีบางสิ่งในใจที่กดทับมากกว่าความไม่พอใจ ราเชนทร์มองเห็นท่าทีของเจ้านาย ถึงกับงง อึงไปเสี้ยววิ ไม่ต่างอะไรกับภิรมย์ ที่เงยหน้าสบตาราเชนทร์เบาๆ ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะทุกคนรู้… เมื่อเจ้านายเงียบแบบนี้ นั่นไม่ใช่แค่ “กำลังคิด” แต่อาจกำลัง “ตัดสินใจบางอย่าง” อยู่ก็ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม