ตอนที่ 1
Poshe 718 Cayman สีขาวแล่นมาจอดที่หน้าสถานบันเทิงชื่อดังย่านทองหล่อ เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงกว่าสามนิ้วสีแดงสดก้าวลงมาจากรถก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เผยให้เห็นเรือนร่างระเหิดระหงกว่าร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีขาวมีลายหัวใจเล็กๆ น่ารัก เพียงแค่เธอย่างกรายเดินเข้ามาที่หน้าประตูก็ตกเป็นเป้าสายตาของบรรดานักเที่ยวที่ยืนอยู่บริเวณนั้นทันที ด้วยสัดส่วน 36-25-36 ซึ่งถือเป็นหุ่นในฝันของสาวๆ เพราะขนาดหน้าอกที่อวบอิ่มเอวคอดและสะโพกผายราวกับพระเจ้าบรรจงปั้นแต่ง ไม่ว่าจะสวมใส่ชุดไหนก็ดูสวยงามเซ็กซี่ แถมยังเป็นหุ่นที่ทำให้ชายหนุ่มหลายคนคลั่งไคล้อยากจะเป็นเจ้าของ
“สวัสดีครับ คุณลิลลี่ คุณเจกับเพื่อนๆ มาถึงได้สักพักแล้วครับ เดี๋ยวผมให้เด็กพาไปที่โต๊ะนะครับ” เพียงแค่ลลิตาเดินมาถึงหน้าประตูการ์ดที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ด้านหน้าก็รีบเข้ามาทักทาย เพระจำได้ว่าหญิงสาวเป็นเพื่อนสนิทกับลูกค้าวีไอพีและมักมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ลิลลี่ไม่ได้มากับเจ เพื่อนลิลลี่จองโต๊ะไว้แล้ว เดี๋ยวลิลลี่ไปหาเพื่อนเองค่ะ” ได้ยินดังนั้นการ์ดจึงโค้งศีรษะให้และถอยฉากไป
ลลิตาก้าวเข้ามาภายในผับแล้วสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนสนิทที่นัดเธอมาเที่ยว ไม่นานหญิงสาวก็เห็นปาลิตาและณิชารีย์โบกไม้โบกมือมาให้จากโต๊ะด้านหน้าเวที
“หูย แซ่บมาเชียว” ปาลิตาแซวเพื่อนทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ
“นั่นสิ บอกตรงๆ ฉันล่ะอิจฉาหุ่นเธอจริงๆ นะลิลลี่ อกเป็นอกเอวเป็นเอวขาเรียวสวย หุ่นโคตรน่าฟัด ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันจีบเธอเป็นแฟนแน่ๆ” ณิชารีย์ชมเพื่อนที่เธอรู้สึกอิจฉาหุ่นมาตลอด เนื่องจากเธอค่อนข้างอวบแม้พยายามจะลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็แพ้ให้กับความอร่อยของอาหารทุกที โดยเฉพาะตระกูลเธอเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่มีบ้านอยู่ย่านเยาวราชที่รายล้อมไปด้วยของกินอร่อยๆ มากมาย
“บางทีฉันอาจคิดผิดที่ชวนเธอมาดูสิ แค่เธอเดินเข้ามาสายตาหนุ่มๆ ก็จ้องเธอตาเป็นมันจนพวกฉันกลายเป็นอากาศธาตุไปเลย” ปาลิตาแกล้งบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“งั้นฉันกลับก็ได้นะ”
“แหมๆ ทำเป็นใจน้อยไปได้ รู้หรอกย่ะว่าสาวมั่นอย่างเธอไม่หวั่นไหวกับคำพูดแค่นี้หรอก” ปาลิตามองค้อนในขณะที่ลลิตาอมยิ้มและหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน
“ฉันว่าฉันเห็นเจนะ” ณิชารีย์บอกเพราะเห็นจิรายุเดินเข้ามากับแก๊งเพื่อนๆ แล้วเดินขึ้นชั้นสองไปยังห้องวีไอพี
“อืม การ์ดข้างหน้าบอกฉันแล้วล่ะ”
“แล้วเธอไม่ไปหาเจเหรอ ฉันเห็นมีชะนีนางหนึ่งมาด้วย เกาะติดหนึบเป็นปลิงเชียว” ปาลิตาว่าอย่างหมั่นไส้แทนเพื่อนเพราะรู้ดีว่าลลิตาและจิรายุมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าสถานะเพื่อนธรรมดา
“ไม่ล่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา วันนี้ฉันมาเที่ยวกับพวกเธอ ไม่ได้มากับเจสักหน่อย”
“ฉันล่ะนับถือใจเธอจริงๆ นะลิลลี่ ทำใจได้ยังไงกับการที่ต้องทนเห็นเจควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าทั้งที่มีเธออยู่”
“ฉันกับเจไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ เราตกลงกันดีแล้วก่อนที่จะอยู่ในสถานะนี้ และฉันก็รู้ว่าฉันไม่ใช่วีรสตรีที่จะหยุดคนเจ้าชู้แบบเจได้ด้วย”
“เฮ้อ คนเรานี่มันช่างซับซ้อน ถ้าเป็นฉันคงทำใจไม่ได้แน่ๆ ที่ผู้ชายที่นอนกับเรา ควงเราไปไหนมาไหน ในขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงคนอื่นเป็นขบวน” ปาลิตาบ่นอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ลลิตายักไหล่และยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“เฮ้อ พูดแล้วฉันก็ไม่เข้าใจเธอกับเจ ไอ้สถานะ Friend with benefit อะไรเนี่ยมันดีตรงไหน สวยๆ แบบเธอหาผู้ชายดีๆ ได้อีกตั้งเยอะ” ณิชารีย์ยังบ่นไม่จบเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียเวลากับผู้ชายเจ้าชู้อย่างจิรายุ ที่แม้จะโปรไฟล์ดีตามสูตรรูปหล่อพ่อรวย แถมตัวเขาเองยังมีบริษัทออกแบบบตกแต่งภายในที่ก่อตั้งร่วมกับเพื่อนๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอหยุดคิดลบต่อเขาได้และแอบเชียร์ให้เพื่อนหาผู้ชายคนใหม่อยู่ตลอด
“เคยหาแล้วเจอแต่เลวกว่าไงเลยหยุดหา” ลลิตาตอบยิ้มๆ เพราะมันคือเรื่องจริง ก่อนหน้าที่เธอกับจิรายุจะเลื่อนสถานะจากเพื่อนมาเป็น FWB เธอเคยคบหากับผู้ชายมาหลายคน แต่ผู้ชายเหล่านั้นล้วนทำให้เธอเสียใจเพราะความเจ้าชู้มักมาก จนกระทั่งครั้งสุดท้ายชายหนุ่มที่เธอคบมาสามปีจนถึงขั้นเริ่มคุยเรื่องแต่งงาน แต่เธอจับได้ว่าตลอดเวลาที่คบกันเขาแอบติดต่อและนอนกับแฟนเก่ามาตลอด นั่นทำให้เธอหมดศรัทธากับความรักและบอกตัวเองว่าจะไม่มอบหัวใจให้ผู้ชายคนไหนอีกต่อไป ในเมื่อหาผู้ชายดีๆ ที่คู่ควรกับความรักที่เธอมีให้ไม่ได้ ลลิตาก็บอกตัวเองว่าจะเก็บมันไว้ให้ตัวเองและไม่ไขว่คว้าหาใครเข้ามาในชีวิตอีกต่อไป ส่วนการก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนมาสู่อีกสถานะหนึ่งกับจิรายุนั้นก็เป็นความต้องการของเธอเอง ลลิตาหวนนึกถึงค่ำคืนนั้น คืนที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเธอกับจิรายุ
ในวันที่เธอรู้ความจริงว่าคนรักที่คบมาสามปีไม่เคยซื่อสัตย์ เธอถึงกับเสียสูญเพราะตั้งความหวังกับรักครั้งนี้มากและคิดว่าเธอโชคดีที่ได้เจอผู้ชายดีๆ กับเขาเสียที หลังจากผิดหวังมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเธอกลับกลายเป็นคนโง่โดนสวมเขามาหลายปี หลังจากบอกเลิกอดีตคนรักอย่างเด็ดขาด เธอก็ไปดื่มย้อมใจที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งจนเมาไม่ได้สติ เดชะบุญที่ไม่ถูกเดนสังคมลากไปทำมิดีมิร้าย ซึ่งเธอมารู้ทีหลังว่าร้านที่เธอไปดื่มนั้น เจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทกับจิรายุและโทรบอกเขา จิรายุจึงกำชับให้เพื่อนเขาคอยดูแลเธอเอาไว้ จนกระทั่งเธอเมาไม่ได้สติเจ้าของร้านจึงโทรแจ้งให้เขามารับเธอ
“ครายย” น้ำเสียงยานครางเอ่ยถามเมื่อถูกพยุงขึ้นจากโซฟาที่นอนฟุบอยู่
“ลิลลี่ นี่ผมเองเจ”
“เจ มาได้ยังงายย”
“ก็มารับคนขี้เมากลับบ้านน่ะสิ เป็นผู้หญิงทำไมกินเหล้าจนเมาขนาดนี้ฮึลิลลี่ มันอันตรายรู้ไหม”
“ฮื้ออ อย่าบ่นด้ายม้าย ลิลลี่…ม่ายด้าย…มาว…ซะหน่อย ครายมาวว”
“โอเค ไม่เมาก็ไม่เมา กลับบ้านกัน”
“ลิลลี่ยางง…ม่าย…อยากกลับ อยากกินเหล้าอีก”
“พอแล้ว รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นน่ะ”
“ม่าย…ม่ายรักแล้ว…ไอ้คนเฮงซวย”
“เออ รู้แบบนั้นก็อย่ากินเหล้าเมาเพราะมันเลย กลับบ้านกันเถอะ”
“ไหวไหมไอ้เจ” จิรายุหันไปมองเพื่อนที่เข้ามาถามหลังจากสังเกตการณ์อยู่สักพัก
“สบายมาก ตัวแค่นี้”
“สวยและเซ็กซี่ขนาดนี้ ไอ้หน้าไหนมันตาต่ำทิ้งไปได้ลงคอวะ” การันต์ถามอย่างสงสัย
“ลิลลี่ต่างหากที่ทิ้งมัน เพราะจับได้ว่าโดนมันสวมเขามาหลายปี”
“อ้อ สวยและใจเด็ดมาก ชอบว่ะ กูจีบได้มะ”
“อย่ายุ่ง”
“โอ๊ะโอ มีหวงด้วย มันยังไงครับคุณเจ”
“ลิลลี่เป็นคนดี ไม่เหมาะกับคนอย่างมึงหรอก ปล่อยให้เขาไปเจอคนดีๆ เถอะ”
“หึ อย่าบอกนะว่าคนดีๆ อย่างมึง”
“ไม่ใช่โว้ย กูกับลิลลี่เป็นเพื่อนกัน มึงอย่ามาพูดมั่วๆ”
“ใครจะไปรู้ เห็นทำท่าหวง”
“กูไม่ได้หวง แต่กูเป็นห่วงเขา อยากให้เขาเจอคนดีๆ ไม่ใช่เสือผู้หญิงอย่างมึง”
“แหม พูดอย่างกับมึงไม่ใช่ ถ้าอย่างกูเรียกเสือ มึงน่ะมันจ่าฝูงเลยล่ะ”
“พูดมาก มึงตามมาเปิดรถให้กูหน่อย แล้วก็ช่วยให้เด็กเอารถลิลลี่ไปส่งให้ด้วย เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นให้”
“ครับ เจ้านายครับ ยินดีให้บริการครับผม”
จิรายุพาลลิตามายังคอนโดของตัวเองเพราะอยู่ใกล้กว่า ชายหนุ่มอุ้มคนเมาแทบไม่ได้สติเข้ามานอนในห้องนอนแขกภายในเพ้นท์เฮาส์หรูหรา หลังจากจัดการถอดรองเท้าส้นสูงออกจากเท้าเรียวสวยแล้วก็จัดการดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้คนเมาที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
“ตัวก็สูงอยู่แล้ว ทำไมต้องใส่สูงขนาดนี้ด้วยนะ” จิรายุบ่นเบาๆ ขณะมองรองเท้าส้นสูงสีแดงสดขนาดไม่ต่ำกว่าสามนิ้วที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น หลังจากจัดการพาคนเมาเข้านอนเรียบร้อย ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะกลับไปยังห้องตัวเอง
“ฮึก…ฮือ…ไอ้คนเฮงซวย พวกผู้ชายมันก็เลวเหมือนกันหมด ฮือๆๆ” จิรายุชะงักเท้าเมื่อเสียงสะอื้นของคนบนเตียงดังขึ้น ชายหนุ่มเดินมายืนมองคนเมาที่ข้างเตียงก็พบว่าลลิตาพึมพำสะอึกสะอื้นพร้อมน้ำตาแก้ม ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนขอบเตียงแล้วเช็ดน้ำตาให้เบาๆ แต่เมื่อเจ้าหล่อนยังฟูมฟายไม่หยุด เขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาพร้อมกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปบนใบหน้าของลลิตาเบาๆ ดูเหมือนว่าความเย็นจากน้ำจะทำให้เจ้าตัวได้สติมากขึ้น
“เจ”
“ใช่ ผมเอง รู้สึกดีขึ้นไหม”
“ที่นี่ไม่ใช่คอนโดลิลลี่นี่” คนเมาเริ่มมีสติสะตังค์มากขึ้นจึงมองไปรอบๆ แล้วก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดของตัวเอง
“อือฮึ คอนโดผมเอง ลิลลี่เมามาก ผมเลยต้องพามาที่นี่ก่อน” ลลิตาพยักหน้ารับรู้แล้วนิ่งไปก่อนจะสบตากับเจ้าของห้องที่บังเอิญมองมาเช่นกัน
“เจ”
“หืม”
“ทำไมผู้ชายต้องเจ้าชู้ด้วย”
“เอ่อ…” จิรายุเหมือนโดนหมัดฮุคไปต่อไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ก็ถูกลลิตายิงคำถามเข้าเป้า ซึ่งคนที่จัดอยู่ในประเภทเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างเขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรเช่นกัน
“ว่าไงล่ะ ทำไมผู้ชายต้องเจ้าชู้ด้วย รักผู้หญิงแค่คนเดียวไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงตอนท้ายของลลิตาสั่นเครืออย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อนึกถึงความรักของตัวเองที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนคบยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำก็ออกลายเสียแล้ว
“มันก็…เอ่อ…มันอาจยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะหยุดมั้ง ยังสนุกกับการคบไปเรื่อยๆ สนุกๆ ยังไม่พร้อมจะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกกับใคร ตลอดชีวิตมันยาวนานมากเลยนะลิลลี่ สำหรับผู้ชายคนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ผมไม่เคยหลอกใคร ผมบอกกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตว่าผมให้ได้แค่ไหน ไม่เคยให้ความหวังหรือหลอกหลวงให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ”
“เจเคยคิดจะหยุดอยู่ที่ใครสักคนไหม คนที่เจรักจริงๆ”
“ก็อาจจะนะ แต่ตอนนี้ผมยังไม่เจอใครคนนั้น และผมก็พอใจกับชีวิตตอนนี้มากๆ ยังไม่คิดที่จะหยุดอยู่ที่ใครหรอก”
“เหรอ ถ้างั้นลิลลี่ก็คงไม่ดีพอที่จะทำให้ผู้ชายสักคนหยุดอยู่ที่ลิลลี่ได้ ลิลลี่ถึงผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกทรยศหักหลังอยู่ร่ำไป”
“อย่าพูดอย่างนั้น ไม่ใช่ลิลลี่ไม่ดี แต่เพราะลิลลี่ยังไม่เจอคนที่จะเป็นของลิลลี่จริงๆ ต่างหาก ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างลิลลี่ ผมเชื่อว่าสักวันต้องเจอใครคนนั้นแน่นอน”
“ลิลลี่จะไม่ไขว่คว้าหามันอีกแล้ว ลิลลี่จะไม่รักผู้ชายคนไหนอีก”
“ไม่เอาน่าลิลลี่ แค่ผู้ชายแย่ๆ ไม่กี่คน อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลย ผมเชื่อว่าลิลลี่จะต้องได้เจอคนดีๆ แน่” ลลิตานิ่งไป แต่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของจิรายุ
“เจ”
“หืม…”
“เจว่าลิลลี่สวยไหม”
“สวยสิ”
“เซ็กซี่ไหม”
“สุดๆ” จิรายุตอบตามความเป็นจริง
“สวยและเซ็กซี่พอที่จะเป็นคู่นอนของเจได้ไหม” จิรายุรู้สึกราวกับถูกหมัดน็อคกลางอากาศกับคำถามของลลิตา เขาใช้เวลาชั่วครู่กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“ลิลลี่ พูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า”
“รู้ ลิลลี่รู้ตัวดีทุกอย่าง”
“ไม่หรอก ลิลลี่กำลังเมา นอนซะ ผมจะถือซะว่าลิลลี่ไม่ได้พูดอะไร” จิรายุลุกขึ้นจากเตียงและกำลังจะก้าวออกไปจากห้อง แต่ถูกลลิตาที่ไม่รู้ว่าลุกขึ้นมาตอนไหนดึงแขนเอาไว้
“อย่าเพิ่งไป เจ… ลิลลี่รู้ตัวดีว่าพูดอะไรอยู่” จิรายุสบตาลลิตาที่เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเว้าวอน
“ลิลลี่อย่าคิดหรือทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียใจในภายหลังดีกว่า ผมเตือนด้วยความหวังดี”
“ลิลลี่บอกแล้วไงว่าลิลลี่รู้ตัวดีทุกอย่าง”
“เราเป็นเพื่อนกันนะลิลลี่”
“ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนไง ลิลลี่ถึงเลือกเจ เพราะการเป็นเพื่อนจะไม่มีความคาดหวัง ในเมื่อไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง และเพราะเป็นเพื่อนลิลลี่จึงรู้ว่าเจจะไม่ทำร้ายลิลลี่ อีกอย่างลิลลี่ไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไร ลิลลี่เหนื่อยไม่อยากไขว่คว้าหาความรักอีกแล้ว ลิลลี่อยากมีความสัมพันธ์แบบที่ไม่ผูกมัดไม่คาดหวังดูบ้าง และคนคนนั้นลิลลี่อยากให้เป็นเจ ได้หรือเปล่า”
“ลิลลี่ รู้ใช่ไหมว่าถ้ามันเกิดขึ้นระหว่างเรา มันจะไม่มีทางเป็นได้มากกว่านี้ แน่ใจเหรอในสิ่งที่ขอ”
“ลิลลี่แน่ใจ ลิลลี่จะไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เราจะเป็นเพื่อนกันต่อไป” ลลิตาเงยหน้าสบตาจิรายุอย่างเว้าวอนและชายหนุ่มก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน
“แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังนะลิลลี่” สิ้นคำพูดนั้นริมฝีปากอุ่นก็กดจูบลงบนกลีบปากนุ่มแล้วทั้งคู่ก็ก้าวข้ามความเป็นเพื่อนตั้งแต่วินาทีนั้น