12

2672 คำ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ!” “…” “ขอโทษอีกครั้งนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวละล่ำละลักออกมาอย่างตกใจพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเองเช็ดคราบกาแฟบนสูทราคาแพงของผู้ชายตรงหน้า เมื่อกี้นี้เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขาแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าลง เมื่อไม่อาจสู้สายตาคมปลาบที่จ้องมองเธอเขม็ง ถ้าเป็นในสถานการณ์อื่นเธออาจจะตื่นเต้นที่ได้เจอผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่เธอทำสูทราคาแพงของเขาเลอะคราบกาแฟอุ่นๆ แบบนี้ หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกขายหน้าและรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจเพียงใดในตอนที่เธอเงยหน้ามองเขา ไม่กี่วินาทีต่อมา ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็เข้ามาดึงมือเธอให้หยุดเช็ด หญิงสาวหันไปมองเจ้าของมือที่จับมือเธอเอาไว้ ทันเห็นเพียงแค่เขาเป็นหนุ่มตี๋ใส่แว่นเลนส์บางเพราะวินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องอุทานประท้วงในลำคอ เพราะหนุ่มตี๋ถือวิสาสะดึงเธอให้ห่างจากผู้ชายคนนั้นด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ไม่มีเบามือกับเธอสักนิด “รีบไปซะ” เขาเอ่ยไล่เธออย่างไม่ไว้หน้า หลังจากดึงเธอออกห่างจากหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย “ก่อนที่ท่านหลงจะโมโหไปมากกว่านี้” เสียงดุๆ นั้นทำให้หญิงสาวนึกอยากตอบโต้ เธอเหลือบมองคนที่ถูกเรียกว่า ‘ท่านหลง’ แวบหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าที่ฉาบไปด้วยโทสะของอีกฝ่ายก็ได้แต่หุบปากลงเพราะเธอผิดจริง และพอจะคาดเดาได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคงมีฐานะสูง ดูได้จากการที่เขามีลูกน้องหลายคนห้อมล้อมกาย หวา…หวังว่าเธอจะไม่เดินชนตอเข้านะ! หญิงสาวโอดครวญในใจ ดวงหน้าเล็กๆ ซีดเผือดลงอีกหน ขณะที่กำลังจะพูดเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอสำนึกผิดจริงๆ เสียงคุ้นหูของลูกพี่ลูกน้องที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็เรียกเธอเสียงดังอย่างตื่นตระหนก “ยายหนูเล็ก!” หญิงสาวหันขวับไปทางเยว่ซิน อีกฝ่ายคงตกใจที่ตอนนี้เธออยู่ในวงล้อมของผู้ชายในชุดสูทสามสี่คน แต่ละคนก็ไม่ได้มีสีหน้าที่เป็นมิตรเลย “ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาไปทางคนที่โดนเธอชนแถมทำกาแฟในมือหกใส่ด้วยสายตาสำนึกผิดจากใจจริง ยิ่งเหลือบไปเห็นรถคันหรูที่จอดรอเขาอยู่เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ไม่แปลกสักนิดที่คนระดับเขาจะโกรธยายเฟอะฟะอย่างเธอ และนั่นทำให้เธอไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้เขา ได้แต่ยืนห่างๆ โดยมีหนุ่มตี๋ที่ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องคั่นกลางระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ ในมือของหญิงสาวกำผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชื้นและกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟเอาไว้แน่นด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี “คุณไปซะเถอะ” เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายคนนั้นเอ่ยกับเธอ ดวงตาคมปลาบของเขาที่องมองมาทำให้เธอยังคงรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวด้วยความหวาดหวั่น หญิงสาวเม้ม ริมฝีปากแน่นก่อนจะกดศีรษะลงเป็นเชิงยอมรับคำสั่งนั้นเมื่อเห็นว่าเยว่ซินมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตระหนกปานใดในขณะที่พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ รวิสราก้าวเข้าไปหาเยว่ซิน และเห็นจากหางตาว่ากลุ่มชายเหล่านั้นได้ตรงปขึ้นรถลิโมฯ และจากไปอย่างรวดเร็ว เธอกับเยว่ซินเดินออกจากโรงแรมจนกระทั่งถึงทางเลี้ยวเยว่ซินจึงเอ่ยถามเธอ “นี่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมผู้ชายหน้าโหดคนนั้นถึงได้ทำท่าทางใส่เธออย่างนั้นล่ะ” พี่สาวของเธอมีสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก รวิสราเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วพลางเม้มริมฝีปากแน่นราวกับไม่ชอบใจจึงตอบกลับไปว่า “พอดีฉันซุ่มซ่ามน่ะเยว่ซิน เดินไปชนเขาเต็มๆ เลย แถมกาแฟ...” เธอหยุดและแบมือออกพลางยักไหล่จนอีกฝ่ายขมวดคิ้วสงสัย หญิงสาวเฉลยไปด้วยการทำปากพะงาบๆ ว่า ‘หกใส่เขาทั้งแก้วเลย’ นั่นแหละ...เยว่ซินถึงกับเบิกตาโตเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งเครียดด้วยความห่วงใยในตัวเธอ เป็นมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อปนระอาแทน “โอ๊ย ยายซุ่มซ่าม สมควรแล้วล่ะที่เขาจะโกรธ” รวิสราได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ก็นะ...เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่อยากให้เยว่ซินเข้าไปร่วมวงแต่แรก แถมตอนนั้นสถานการณ์ของเธอมันชวนเข้าใจผิดเสียด้วย เกิดพี่สาวไม่ฟังอีร้าค่าอีรม โผเข้ามาช่วยเธอจากเงื้อมมือผู้ชายที่ดึงเธอให้ห่างจากคนที่เธอเอากาแฟไปราดรดเขาด้วยความเข้าใจผิดนี่เรื่องใหญ่เลย เพราะเห็นอย่างนี้ เยว่ซินก็อารมณ์ร้อนไม่แพ้ใครเหมือนกัน เป็นประเภทลุยก่อน เหตุผลเอาไว้ ทีหลัง “อือ…รู้สึกผิดจัง” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อยๆ “แต่งตัวแบบนั้น เกิดเขากำลังไปทำธุระสำคัญต่ออีกล่ะ” เธอไม่อยากจะคาดเดาเลย ดูจากหน้าตาท่าทาง รถ สูทที่ใส่และบุคคลที่ห้อมล้อมเขาอย่างนอบน้อมอีกล่ะ นั่นไม่นับรวมว่าผู้ชายคนนี้เดินออกมาจากฝั่งของห้องอาหารอิตาเลียนสุดหรูในโรงแรมนั้น ขณะที่พวกเธอมาจากทางฝั่งอาหารจีนที่กำลังจัดชุดโปรโมชั่นติ่มซำรสเลิศของโรงแรมหรูระดับห้าดาวถึงได้มีโอกาสมาเดินเตร่จนชนกับเขาเข้าได้นั่นแหละ “เอาล่ะๆ” เยว่ซินแม้จะมีสีหน้ากลั้นยิ้มหลังจากฟังเธอบ่นยาวยืดก็เอ่ยปลอบใจ คงเพราะเห็นเธอทำหน้าวิตกกังวลจนมากเกินไปนั่นแหละ “อย่าคิดมากเลย ยังไงเธอกับเขาก็คนแปลกหน้ากันไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ” คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้คนรู้สึกผิดสบายใจขึ้นอยู่ดี “เฮ้อ…” รวิสราถอนหายใจยาว เมื่อเห็นว่าพี่สาวให้กำลังใจและโบกมือไปมาคล้ายกับจะบอกว่าลืมๆ ไปซะ หญิงสาวก็ได้แต่จำยอม “ก็ได้ๆ ฉันจะเลิกคิด ว่าแต่เธอนั่นแหละ ไหนว่านัดเพื่อนเอาไว้ไง ทำไมยังไม่เห็นโผล่มาเลย” เธอเอ่ยเมื่อตอนนี้พวกตนเดินมาถึงสถานที่นัดหมายแล้ว เธอมาฮ่องกงวันนี้เป็นวันที่สาม เยว่ซินบอกว่าจะเลี้ยงบุฟเฟต์เพราะ มีคนให้บัตรกำนัลกินฟรีในโรงแรมหรูมา ก่อนจะบอกว่าได้นัดเจ้าของบัตรมาแถวไทม์สแควร์ สาวลูกครึ่งยังบอกต่ออีกว่าคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของตนเอง เขาอายุมากกว่าเยว่ซินสามปี มีอาชีพเป็นแพทย์ “นั่นสิ” เยว่ซินเองก็บ่นเช่นเดียว “นี่มันก็ถึงเวลานัดแล้วด้วย” สาวลูกครึ่งเพิ่งจะบ่นไม่ทันขาดปาก ก็เห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเจ้าของผิวขาวจัดจนแทบจะเรืองแสงเดินตรงมายังพวกเธอพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเป็นเอกลักษณ์ “นั่นไง…ตายยากจริงๆ พูดถึงก็มาพอดี เฮ้! ทางนี้ ลั่วหมิงเฉิน วู้… หมิงเฉิน!” หญิงสาวตะโกนเสียงดังพลางยกมือขึ้นโบกไปมาจนสุดแขนเรียกคนที่อยู่ห่างไปราวๆ ห้าสิบเมตร รวิสราเห็นท่าทางไม่แคร์คนรอบข้างของเยว่ซินแล้วอดที่จะกระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเตือนไม่ได้ “เยว่ซิน เบาๆ ก็ได้ ฉันว่าเพื่อนเธอเห็นแล้วล่ะ” เยว่ซินไม่อายแต่เธออายนะ! ดูสิ! คนเริ่มมองกันเต็มเลยว่ายายบ้าสองตัวนี่มายืนตะโกนโหวกเหวกอะไรกลางไทม์สแคว์ ทว่าคนเรียกร้องความสนใจกลับไม่ยอมรามือสักนิด หญิงสาวหันมาตอบรวิสราเพียงแค่ “หมอนี่มันสายตาสั้นจะตาย มองไม่เห็นหรอก” ก่อนจะหันไปร้องตะโกนเรียกคนที่เห็นเด่นมาแต่ไกล คนมาด้วยได้แต่ถอนหายใจ บางทีญาติเธอก็สุดกู่ตามประสาสาวติสต์ อย่างนี้แหละ เธอคงต้องทำใจ “แล้วนี่ทำไมเธอถึงนัดเขามาล่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องถาม อันที่จริงจำได้ว่า อีกฝ่ายบอกว่าเพื่อนคนนี้อยู่ห้องข้างกัน ทำไมไม่นัดเจอที่แมนชั่นไปเลย ถ่อออกมาถึงไทม์สแคว์ทำไมให้ยุ่งยาก “ก็ให้เธอรู้จักกับหมิงเฉินเอาไว้ไง” เยว่ซินบอกอีกครั้ง หลังจากที่บอกญาติผู้น้องไปตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้เธอนัดเพื่อนตนเองเอาไว้ และอยากให้รวิสรารู้จักเพื่อนคนนี้ “เขาเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง อีกอย่างเผื่อบางทีฉันไม่ว่างแต่เขาว่าง เขาจะได้พาเธอไปเที่ยวได้ไงหนูเล็ก” หญิงสาวตอบตามตรง ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดนั้นเธอสนิทกับลั่วหมิงเฉินที่สุดแล้ว รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะอยู่แมนชั่นเดียวกันห้องข้างกัน แถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกัน แม้จะอยู่ต่างชั้นกันก็ตาม เธอเลือกเรียนแฟชั่นดีไซน์ ส่วนหมิงเฉินไปเรียนแพทย์ แม้จะห่างๆ กันไปเพราะภาระแต่ละฝ่าย แต่ก็ยังถือว่าสนิทกันดีไม่เปลี่ยนแปลง “ฉันไปเองก็ได้” รวิสราเอ่ยอย่างเกรงใจ เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนของเยว่ซินเท่าไหร่ “ภาษาฉันก็พอพูดได้ ไม่หลงทางหรอกน่า อีกอย่างฉันมาฮ่องกงตั้งหลายครั้งแล้วนะ” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก เธอไม่อยากเป็นภาระของใคร อีกอย่างเธอเคยมาตั้งหลายครั้งแล้วไม่หลงทางหรอก เพียงแค่ครั้งนี้มาอยู่นานที่สุดก็แค่นั้นแหละ “เอาน่าครั้งนี้เธอมาอยู่นานนี่นา รู้จักเพื่อนฉันเอาไว้ก็ไม่เสียหาย อีกอย่างหมิงเฉินเอง จะว่าไปก็หน้าตาดีจะตาย แถมบ้านรวยมากด้วยนะ แล้วนิสัยก็ดีมากๆ ด้วย ถ้าเธอชอบเขาก็ โอเคนะ ฉันสนับสนุนเลย” เจ้าหล่อนพูดจบก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ สีหน้าแววตาแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่ากำลังหวังเล่นเป็นแม่สื่อแม่ชัก ทำให้คนที่กำลังจะเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด อดไม่พอใจกับความคิดแผลงๆ ของญาติผู้พี่ไม่ได้ “เยว่ซิน!” “เขินล่ะซี่...” เยว่ซินยังแซวไม่เลิก รวิสราได้แต่ทำหน้าเมื่อย ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่ายิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เยว่ซินหาเรื่องแซวได้ตลอด “เลิกล้อได้แล้ว โน่น เพื่อนเธอมาแล้ว” เธอเสเปลี่ยนเรื่อง เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่เยว่ซินตะโกนเรียกอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งเมตร ญาติผู้พี่ของเธอจึงได้แต่ค้อนควักเพราะหมดโอกาสแซวเธอ เยว่ซินหันไปยังผู้มาใหม่ “เยว่ซิน” ชาหนุ่เจ้าของดวงหน้าเรียว สวมแว่นสายตากรอบหน้าสีดำกึ่งแฟชั่นทำให้คนสวมดูดีมากกว่าจะดูเนิร์ดตามอาชีพ ผิวขาวจัดราวกับเรืองแสงได้ของเขาทำให้สาวๆ ที่มั่นใจว่าตัวเองขาวใสนี่หมองไปเลย “เธอนัดฉันมาอย่างนี้มีธุระอะไร ก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างนะ” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ ตอนนี้เองที่รวิสราสังเกตเห็นว่าเขามีสีหน้าเหนื่อยล้าจางๆคงเพราะเพิ่งออกเวร หญิงสาวคิดเพราะจำได้ว่าเยว่ซินบอกว่าอีกฝ่ายเป็นหมอที่โรงพยาบาล ดูก็รู้ว่าเขาคงจะทำงานหนัก แต่เอาเข้าจริงถึงเขาจะบ่นแต่เธอไม่เห็นร่องรอยความไม่พอใจสักนิด “ก็นัดให้เธอโผล่หัวออกมาดูโลกบ้างน่ะสิคุณหมอ!” เยว่ซินเท้าเอวตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ รวิสรายังได้ยินญาติเธอบ่นแกมจิกกัดอีกฝ่ายอีกหลายคำก่อนจะเข้าจุดประสงค์ของการนัดหมายครั้งนี้ “อีกอย่างฉันจะแนะนำญาติของฉันให้รู้จักด้วย” ไม่พูดเปล่า ว่าที่ดีไซเนอร์สาวก็ดึงร่างเล็กๆ ของเธอให้เข้ามาร่วงวง ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มขยับแว่นแล้วเพ่งมองหญิงสาวใบหน้าหวาน และตัวเล็กกว่าเยว่ซินอย่างสนใจ “หืม?” “ญาติฉันไง” เยว่ซินตอบง่ายๆ ไขความสงสัยในดวงตาสีน้ำตาลของ คุณหมอ “ที่เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ น่ะ” “อ้อ…” ลั่วหมิงเฉินพยักหน้าพลางร้องครางในลำคอเมื่อนึกขึ้นมาได้ เยว่ซินเคยเล่าให้ฟังว่ามีญาติอายุไล่เลี่ยกันอยู่หนึ่งคน เป็นน้องสาวอยู่เมืองไทย เขาไม่เคยเจอมาก่อนเพราะคลาดกันตลอด ในที่สุดก็ได้เจอเสียที ลั่วหมิงเฉินพิจารณาสองสาว เจ้าหล่อนไม่มีอะไรคล้ายกันเลยเพราะสาวไทยแท้นี่ตัวเล็กหน้าหวาน ท่าทางดูเรียบร้อย แต่ไม่ได้ดูอ่อนแอบอบบางนะ คือเธอให้ความรู้สึกคล้ายกับพวกใสๆ มองโลกในแง่ดี แต่ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้อะไร คล้ายกับพวก Think Positive อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด ขณะที่เยว่ซินนั้นมีบุคลิกของสาวเปรี้ยวอมหวาน คล่องแคล่วว่องไว ขณะเดียวกันก็มีความเป็นผู้หญิงสูง ช่างโวยวายเรียกร้องและออกจะร้ายนิดๆ เวลาที่ไม่พอใจอะไรสักอย่าง “นั่นแหละ” เสียงของสาวฮ่องกงเพื่อนสนิทของเขาดังขึ้น ขัดภวังค์ความคิดของหมิงเฉินให้กลับมาสนใจสองสาวอีกครั้ง “นี่หนูเล็ก รวิสรา เรียกหนูเล็กเหมือนฉันก็ได้ หนูเล็ก นี่ลั่วหมิงเฉิน เพื่อนสนิทของฉันเอง จริงๆ เขาก็อายุมากกว่าฉันสองสามปีนะ แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้นี่นาเพราะห้องของเขาอยู่ข้างห้องฉันน่ะ อีกอย่างเห็นอย่างนี้หมิงเฉินเรียนหมอเชียวน้า” เยว่ซินแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน หมิงเฉินที่ฟังเพื่อนสนิทร่ายประวัติตนเองออกมาเสียจนเกินความจำเป็นอดที่จะขำไม่ได้ชายหนุ่มหันไปยิ้มสดใสให้รวิสราพลางแนะนำตัวเองอีกครั้ง “ผมลั่วหมิงเฉิน ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูเล็ก” “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะคุณลั่ว” เธอตอบเขากลับพร้อมรอยยิ้มหวานบนริมฝีปากอิ่มเต็มสีสดทำให้คนมองใจกระตุก หมิงเฉินส่งยิ้มกว้างให้มากกว่าเดิม “เรียกผมว่าหมิงเฉินดีกว่าครับ ยังไงพวกเราก็คนกันเองอยู่แล้ว” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างง่ายดาย ท่าทางเป็นมิตรของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาที่มองอย่างพึงพอใจของเยว่ซิน เจ้าหล่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคว้ามืญาติสาวและเพื่อนสนิทหนุ่มให้เริ่มออกเดิน โดยมีตัวเองอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่ “ดี รู้จักกันไว้ เอาล่ะ” เยว่ซินเริ่มเปลี่ยนเรื่อง “เราไปจากที่นี่กันเถอะ ตอนนี้คนขับรถของเราก็มาถึงแล้ว นายคงว่างพาเราไปเที่ยวใช่ไหมหมิงเฉิน อ๊ะๆ” สาวฮ่องกงส่ายนิ้วไปมาใส่หน้าผู้ชายคนเดียวในกลุ่มที่ทำท่าจะเอ่ยค้าน “อย่ามาโกหกนะ ฉันเช็กมาเรียบร้อยแล้วว่านายว่าง ไม่ต้องขึ้นวอร์ด” เจ้าหล่อนเอ่ยด้วยท่าทีเป็นต่อ ส่งผลให้คนที่เพิ่งจะได้พักและคิดแค่มาตามนัดแล้วจะได้กลับไปพักผ่อนสบายๆ ทำหน้าเมื่อยและยอมแพ้ประกาศิตของเจ้าแม่ข้างห้องอย่าง จำยอม แต่เอาเถอะ ยังไงครั้งนี้ก็ดีกว่าคราวที่แล้วที่ถูกเรียกออกมาอย่างไม่มีเหตุผลล่ะนะ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เห็นหน้าญาติสนิทของเยว่ซิน แถมยังเป็นสาวไทยที่สวยหวานมากเสียด้วย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม