10

2352 คำ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหินอ่อนดังเป็นจังหวะร้อนรน ทำให้คนที่ถูกเสียงนั้นรบกวนความสงบภายในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก อดนึกในใจไม่ได้ว่าถ้าเจ้าของเสียงนั้นโผล่เข้ามาล่ะก็ เขาจะต้องตำหนิคนที่บังอาจทำลายความสงบนี้แน่ๆ ไม่นานประตูห้องทำงานของท่านประธานสูงสุดแห่งจูเชว่ก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรงรุนแรง คิ้วสีเทาของเฟิงกุ้ยขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ดวงตาฝ้าฟางทว่ายังคงความคมกริบของชายสูงวัยฉายออกมาถึงความไม่พอใจที่ถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวอย่างไร้มารยาท แม้จะเดาได้ว่าผู้ที่กล้าทำเช่นนี้คือใคร ไม่นานสาวสวยคนนั้นก็เดินตรงมายังโต๊ะทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว ‘เฟิงลี่เซียน’ บุตรสาวของเขา เจ้าของดวงหน้าสวยหวานประกอบไปด้วยดวงตาคมซึ้งล้อมกรอบด้วยแพขนตาดกหนา จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อ โครงหน้าเรียวเล็กรูปหัวใจขับให้ลี่เซียนดูหวานละมุนละไม เรือนร่างเล็กๆ ทว่าอรชรอ้อนแอ้น ดูทั้งบอบบางและน่าทะนุถนอม ซึ่งทั้งรูปร่างหน้าตานั้นต่างคล้ายกับภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วของเขาทุกๆ อย่าง ส่งผลให้เชิงกุ้ยตำหนิอะไรบุตรสาวของตนเองไม่ลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเขาจะหายโกรธ “อาป๊า...หนูต้องการคำอธิบาย!” คุณหนูตระกูลเฟิงขบริมฝีปากแน่นหลังพูดจบ สีหน้าแววตาของเธอเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดตอนที่จ้องเขม็งไปยังผู้เป็นบิดา ดวงตาของเฟิงกุ้ยวาววับ ชายสูงวัยเม้มริมฝีปากแน่นแสดงออกถึง ความไม่พอใจและออกปากตำหนิบุตรสาวคนเดียวของตน “อะไรกันลี่เซียน เอะอะโวยวายแต่เช้า” เฟิงลี่เซียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เธอพยายามระงับความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านลง เมื่อเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนเองกำลังแสดงกริยา ‘ไม่งาม’ ต่อหน้าผู้เป็นบิดา เธอรู้...เขาต้องการให้เธองามพร้อมทั้งต่อหน้าและลับหลัง เธอคือสัญลักษณ์อันงดงามของจูเชว่เนื่องจากเป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียวของตระกูลเฟิง บิดาจึงคาดหวังให้เธอเป็นศูนย์กลางความรักและเคารพของคนในจูเชว่ ให้พวกเขา เชื่อฟังและเคารพเธอประดุจดั่งเทพธิดา แต่ท่านก็มองว่าเธออ่อนแอเกินกว่า จะปกครองจูเชว่ได้เพียงลำพัง เพราะภาพลักษณ์ของเธอคือผู้หญิงอ่อนแอ บอบบางและน่าทะนุถนอม พอนานวันเข้า...แม้แต่บิดาของเธอเชื่อไปแล้วว่าเธอมีท่าทีเช่นนั้นจริงๆ ทำให้เมื่อใดก็ตามที่เธอหลุดกริยาไม่ดีงามแม้เพียงนิดเดียว ก็จะถูกตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าดังเช่นครั้งนี้ เหอะ! “อาป๊าต้องอธิบายให้หนูฟังเรื่องข่าวการแต่งงานอะไรนี่นะคะ” หญิงสาวเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมยื่นหนังสือพิมพ์ในมือส่งให้บิดา พาดหัวข่าวนั้นเกี่ยวกับการเกี่ยวดองของสองตระกูลใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง แม้ไม่ใช่ข่าวใหญ่ทว่ากลับสร้างความหงุดหงิดให้แก่เธอยิ่งนัก ข่าวการแต่งงานระหว่างเธอกับหัวหน้าตระกูลหลงน่ะสิ! “ข่าว?” เฟิงกุ้ยทวนคำเพียงนิดเดียว เมื่อเห็นข่าวนั้นก็เข้าใจทุกอย่างในทันที “อ๋อ…” ผู้เฒ่าครางเสียงยาวในลำคอเป็นเชิงรับรู้ สายตาที่ทอดมองลูกสาวอย่างตำหนิเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นพึงพอใจกับพาดหัวข่าวในวันนี้ แต่นั่นไม่ได้สร้างความพอใจให้แก่นางฟ้าของจูเชว่เลยแม้แต่น้อย! “ไม่ต้องร้องอ๋อเลยค่ะอาป๊า” เสียงของเธอแข็งขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ “ข่าวนี้มันมาได้ยังไงกัน ฝีมืออาป๊าใช่ไหมคะ” หญิงสาวคาดคั้น เธอเองพอจะรู้ระแคะระคายอยู่บ้างในสิ่งที่บิดาองการ แต่ไม่คิดว่าท่านจะทำอะไรรวดเร็วถึงเพียงนี้ หญิงสาวรู้สึกทั้งขุ่นเคืองและไม่พอใจ บิดาไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าท่านกำลังล้อเล่นกับอะไร คิดว่าตัวเองจะควบคุม ‘มังกร’ ได้อย่างนั้นหรือถึงได้เสนอวิธีเชื่อมไมตรีนี้ให้แก่ตระกูลหลง! ต่อให้การเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อจูเชว่มากแค่ไหน แต่สุดท้ายท่านคงหลงลืมไปว่า เศียรมังกรไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ! พ่อของเธอทำอย่างนี้เหมือนกับไม่เคยสนใจความรู้สึกของเธอเลย! “ข่าวมันว่ายังไงบ้างล่ะ” คนเป็นพ่อถามไปอย่างนั้นแม้จะรู้เนื้อหาข่าวที่ลงไปเป็นอย่างดี พลางมองลูกสาวด้วยสายตาตำหนิอีกครั้งเมื่อเจ้าหล่อนยังคงคาดคั้นถามเขาอย่างหน้าดำหน้าแดงแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ก็…ข่าวการหมั้นหมายและการแต่งงานระหว่างหนูกับหัวหน้าตระกูลหลงยังไงล่ะคะ” หญิงสาวบอกด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและไม่พอใจจนไม่อยากจะเอ่ยถึงชื่อของคนที่ถูกจับเป็นคู่หมาย คนเป็นพ่อที่รู้ทันจึงเอ่ยชื่อนั้นออกมาเสียเอง “หลงเทียนหลง” “ค่ะ” หญิงสาวยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง “หลงเทียนหลงนั่นแหละ” “ข่าวถูกต้องนี่” “อาป๊า!” เธอร้องเสียงดัง อย่างไรก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ยิ่งได้ยินจากปากของผู้เป็นบิดาก็ยิ่งไม่ชอบใจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาบังคับกะเกณฑ์ให้เธอทำโน่นนี่ทุกสิ่งอย่าง ครอบงำทุกความคิดและการตัดสินใจของเธอทั้งหมด และเขาก็ยังเป็นผู้ชายสมัยเก่าที่คิดว่าผู้หญิงไร้ความสามารถ อ่อนแอ ไม่อาจดูแลตัวเองหรือทำงานได้ เท่าเทียมกับผู้ชาย ยิ่งการที่เขาแต่งเข้าตระกูลเฟิง เปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฟิงและขึ้นบริหารปกครองจูเชว่แทนมารดาผู้อ่อนแอก็ยิ่งทำให้เขาเชื่อฝังหัวเช่นนั้น เสียดายก็แต่เฟิงกุ้ยไม่มีบุตรชายเป็นทายาทสืบสกุล กลับมีเธอเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวและบิดาก็รักมารดาของเธอมากเกินกว่าจะมีใครใหม่ในตอนที่มารดาของเธอสิ้น สุดท้ายบิดาก็เจริญรอยตามผู้เป็นตาของเธอในการหาคนมาปกครองและดูแลจูเชว่ เสียแต่คราวนี้เขาทำยิ่งกว่าผู้เป็นตา เพราะตายังเลือกลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเป็นคนหนุ่มมีความสามารถ แต่บิดาของเธอทำยิ่งกว่านั้น...เขาหมายจะเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศัตรูอันยาวนานของตระกูลด้วยการแต่งงานของเธอกับ หลงเทียนหลง นานมาแล้วที่สี่ตระกูลใหญ่ในฮ่องกงต่างตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ไม่เกี่ยวข้องกันมาอย่างช้านาน...ทว่าบิดาเธอกำลังแหกกฏ หวังทำลายสมดุลที่มีมาอย่างยาวนานลง และเขาก็ตัดสินใจเลือกข้างพันธมิตรไปเรียบร้อยแล้ว เธอเองเห็นอย่างนี้ก็เริ่มระแคะระคายอยู่บ้างว่าอะไรเป็นอะไรในช่วงนี้ ยุคสมัยใหม่ของโลกมาเฟียกำลังจะก้าวเปลี่ยนไปอีกขั้น ความตึงเครียดและการปะทะกันจากเล็กๆ น้อยๆ เริ่มดุเดือดมากขึ้นทุกที ชนวนระเบิดกำลังถูกจุดแล้ว สงครามมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์กำลังจะเริ่มขึ้น และมันจะโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ อย่างแน่นอน เพราะอำนาจเงินตราไม่สำคัญเท่ากับที่ว่าสองว่าที่ตัวเก็งที่ถูกจับตามองนั้นเป็นบุคคลเช่นไร! โหดเหี้ยม...อำมหิต เป็นวลีที่บรรยายได้ถึงลักษณะของสองบุรุษผู้โดดเด่นที่สุดในโลกมืดของฮ่องกง! บุรุษที่กำลังถูกจับตามองว่าใครคือคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่บนโลกใบนี้! “ฉันเลือกคนที่ดีที่สุดให้แกนะลี่เซียน” ผู้เป็นบิดาเอ่ยเสียงเย็นขัดภวังค์ความคิดอันกระเจิดกระเจิงของผู้เป็นบุตรสาว “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะแข็งแกร่งและปกป้องแกได้เหมือนหลงเทียนหลง” เขาเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ เฟิงกุ้ยมั่นใจมากพอว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาวางเอาไว้มันจะเป็นไปตามนั้น แผนการของเขาอาจต้องใช้เวลา...แต่ไม่นานท้ายสุด ผู้ชนะเหนือใครจะไม่ใช่ทั้งชิงหลง ไป๋หู่หรือเสวียนอู่! แต่จะเป็นจูเชว่ต่างหากที่จะอยู่รอดในสงครามครั้งนี้! “อาป๊า…” หญิงสาวมองท่านด้วยสายตาประท้วง เธอเกลียดรูปลักษณ์ตลอดจนภาพลักษณ์อ่อนแอของตน เธออยากบอกให้ท่านรู้ว่าเธอมีความสามารถมากพอจะดูแลจูเชว่ได้ และการดำเนินนโยบายเลือกข้างของเขานั้นผิดสิ้นดี! บิดารู้ดีว่าเธอรู้จักสนิทสนมกันดีกับ ‘หัวหน้าพยัคฆ์’ คนปัจจุบัน! แล้วมีหรือที่หลงเทียนหลงจะไม่รู้ การที่เขาตอบรับความต้องการของเฟิงกุ้ยกลับยิ่งทำให้เธออดระแวงไม่ได้ “หรือแกชอบลั่วหมิงซี?” บิดาถามพลางจ้องเธอเขม็งด้วยสีหน้าเยาะหยัน “ไม่ค่ะ” ลี่เซียนตอบพลางส่ายหน้าระรัว เธอไม่ได้ชอบหมิงซีในแง่ชู้สาวและรู้ดีว่าบิดาเกลียดชังไป๋หู่มากเพียงใด แน่นอนว่ามันมากพอที่ทำให้เขายอมยื่นมือไปเป็นพันธมิตรกับชิงหลงทั้งๆ ที่ในใจเขาเองก็ชิงชังชิงหลงไม่ต่างกันนั่นแหละ! สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนกระมังว่าไม่ชอบใจกับการทำอะไรโดยพละการและไม่ปรึกษาถามความสมัครใจของท่าน เฟิงกุ้ยจึงคลายท่าทีแข็งกระด้างลงบ้างเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงนิดๆ แต่คนเป็นลูกก็ยังจับสังเกตได้ “ทำเพื่อส่วนรวมบ้างเถอะลี่เซียน ทำให้สมกับที่แกเกิดมาเป็นลูกสาวของฉัน เป็นทายาทของตระกูลเฟิง ทำเพื่อจูเชว่ซะ” เขากล่อมเธอเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะต้องการให้เธอทำอะไร เฟิงกุ้ยมักจะบอกว่าเพื่อจูเชว่ ทั้งๆ ที่เธอก็ทำทุกอย่างเพื่อจูเชว่มาตลอด ทุกความคิด ทุกหยาดเหงื่อแรงกายเธอล้วนแต่ทุ่มเทให้จูเชว่ทั้งสิ้น แต่กลับเป็นสิ่งที่จูเชว่ไม่ต้องการ ไม่สิ...เป็นสิ่งที่บิดาเธอไม่ต้องการต่างหาก! “แต่จริงๆ อาป๊าก็รู้ว่าหนูดูแลตระกูลเฟิง ดูแลจูเชว่ได้” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่วเบาน้อยคนนัก...น้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันสมองของจูเชว่ในปัจจุบันนี้คือใคร หลายต่อหลายปีที่แผนการทางธุรกิจทั้งบนดินและใต้ดินมาจากมันสมองของหญิงสาวที่ถูกสร้างให้เป็นสัญลักษณ์ของความรักจูเชว่ เธอผู้มีท่าทีอ่อนแอบอบบางน่าทะนุถนอมผู้นี้...คือคนที่ดูแลจูเชว่ร่วมกับผู้เป็นบิดามาโดยตลอด ไม่เคยมีใครรู้นอกจากคนระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น คนที่เหลือล้วนถูกภาพลักษณ์อ่อนแอของเธอบดบังสายตาไปจนหมด บางครั้งภาพลักษณ์นั้นก็คงหลอกตาบิดาเธอด้วยเป็นแน่แท้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่รู้ความสามารถของเธอดีกว่าใคร! “แต่ยังไงแกก็เป็นผู้หญิงนะลี่เซียน” “อาป๊า!” หญิงสาวมองผู้พูดด้วยสายตาเจ็บช้ำ นี่ใช่ไหมที่ทำให้อาป๊าของเธอไม่เคยยอมรับในตัวเธอเลย เพราะเธอเกิดมาเป็นผู้หญิงใช่ไหม อาป๊าถึงทำกับเธอแบบนี้! “แกไม่แข็งแกร่งพอในศึกนี้หรอก” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงห้วน มองเมินใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นบุตรสาว “พ่อเองก็แก่ลงทุกวัน แถมพวกไป๋หู่ ชิงหลง กับเสวียนอู่ก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน” ...แม้ยามนี้เสวียนอู่จะเก็บตัวเงียบเพราะกำลังเผชิญกับศึกภายใน แต่กับอีกสองแก๊งใหญ่ก็ไม่อาจประมาทได้ น่าเสียดายที่จูเชว่มีเพียง ลี่เซียนเป็นทายาท ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หนักใจถึงเพียงนี้ “แต่ว่าหนูไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักหัวหน้าชิงหลงมาก่อนเลยนะคะ” หญิงสาวประท้วง เพราะหลงเทียนหลงไม่ค่อยปรากฏตัวออกสื่อ แถมเขายังไปศึกษาต่อที่อเมริกาตั้งแต่จบมัธยมปลาย ผิดกับลั่วหมิงซีและเธอที่อยู่ฮ่องกงเป็นหลัก แม้จะมีช่วงที่เธอกับหมิงซีห่างกันเพราะอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่อเมริกาก็ตามที ส่งผลให้คนที่มีวัยใกล้เคียงกัน อยู่ในสถานะเดียวกันสนิทสนมกันอย่างง่ายดาย เธอกับเขาจึงเป็นกึ่งมิตรกึ่งศัตรูที่ไม่อาจไว้ใจกันได้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะทับเส้นกัน “เขาชื่อหลงเทียนหลง” คนเป็นบิดาย้ำอีกครั้งคล้ายกับจะให้บุตรสาวจำได้ขึ้นใจว่าว่าที่สามีของตัวเองคือใคร “นั่นแหละค่ะ” เฟิงลี่เซียนตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เมื่อเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าอาป๊าของเธอเอาจริงแน่ ไม่คิดเปลี่ยนใจหรือล้มเลิกที่จะให้เธอแต่งงานกับหลงเทียนหลงแน่นอน ทั้งที่นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่พวกชิงหลงจะกลืนกินจูเชว่! เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบิดาถึงมองเรื่องพวกนี้ไม่ออก “แกไม่ต้องใจร้อนลี่เซียน เดี๋ยวแกก็จะได้เจอ” ผู้เป็นบิดาคาดเดาไป คนละทางกับความคิดของคนเป็นลูก ส่งผลให้นางฟ้าของจูเชว่มีสีหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “อาป๊า!” “จะไปไหนก็ไป พ่อจะทำงานต่อแล้ว” เฟิงกุ้ยไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับลูกสาวหัวดื้ออีกต่อไป ชายชราโบกมือไล่คนเป็นลูกพลางเอ่ยสำทับให้ลี่เซียนได้แอบจิกเล็บลงบนฝ่ามือนุ่มนิ่มเพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตกไปเสียก่อน “และไม่ต้องพยศล่ะ เพราะยังไงแกก็มีหน้าที่ที่จะต้องรักษาตระกูลเฟิงและจูเชว่ เข้าใจไหม?” รักษาตระกูลเฟิงและจูเชว่... ได้! เธอจะทำมันอย่างสุดความสามารถ! เธอจะพิสูจน์ให้บิดาเห็นว่าเธอทำมันได้ และบิดาควรได้รู้ว่าการปกครองคนไม่จำเป็นต้องเป็นเพศชายเท่านั้น แต่ลูกผู้หญิงอย่างเธอก็สามารถปกครองคนนับพันนับหมื่นได้เช่นเดียวกัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม