รอยยิ้มไม่คล้ายจะแย้มหุบลงฉับพลัน เมื่อสิ่งที่เขาคิดนั้นมันตรงข้ามจากที่เธอคิด
เขาเห็นหน้าเธอ ภาพในวันที่นอนด้วยกัน มีความสุขด้วยกันในห้องนอน พร้อมกับภาพที่ใส่ชุดนอนเซ็กซี่จนปลุกให้ผู้ชายที่ไม่เคยคิดเรื่องบนเตียงเร่าร้อนขึ้นมาได้
‘เมียเขาจอมยั่ว’
ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของเขานั้นอ่านออกได้ยากว่าเขาคิดอะไร เขากลายเป็นคนแสดงอารมณ์ทางสีหน้าไม่เป็น รักก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง คิดถึงก็ไม่รู้จะพูดยังไง จนสุดท้ายเขาก็ได้อยู่คนเดียวจริง ๆ
“รีบนอนซะเก็บแรงเอาไว้” เขาสั่งเสียงเข้ม และมันก็ได้ยินไปถึงหูชวกร เพื่อนของเขาแล้วเมื่อหันมามันก็ยิ้มล้อจนอยากจะยันด้วยบาทา
“นายด้วย นายก็ด้วย” เขาแสร้งทำเป็นสั่งทีมของตัวเองเหมือนกันทุกคน จะได้ไม่รู้สึกว่าห่วงเพียงแต่เธอ
เมริษาไม่อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วด้วย เธอจึงเอาหน้ากากขึ้นปิดตากันแสงมาปิดบังไว้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นสายตาที่เธอยังคงมองว่าแสนเซ็กซี่ของเขา แล้วพาลให้หัวใจสั่นไหวอีกครั้ง
เวลาผ่านไปจนเครื่องบินลงจอดที่สนามบินใกล้กับสถานที่เกิดแผ่นดินไหว เป็นเวลา 15:00 น. ซึ่งเป็นเวลาท้องถิ่น ของตุรกี
“เดี๋ยวพวกเราต้องนั่งรถเข้าไปที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินอีกสามชั่วโมง” เขาบอกแล้วก็ฉวยเอากระเป๋าของเธอไปอีกแล้ว หญิงสาวอ้าปากจะค้านแต่ร่างที่แบกกระเป๋าสองใบไม่อยู่ให้เธอพูดอะไร
“อ๊ะ...ช่างมันเถอะ” เธอว่าพลางตามลงไป ก็ดีจะได้สบายตัวไม่ต้องแบกให้หนัก
ทีมแพทย์และพยาบาลที่มาจากเมืองไทยได้รับเรียกให้ขึ้นรวมกันโดยเป็นรถของทาง UN ร่างที่เล็กของเมริษาโดนชนทั้งเบียดอัดเป็นปลากระป๋องเพราะทีมแพทย์นานาชาติก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ยิ่งจากฝั่งยุโรปที่มีแต่คนตัวใหญ่ ๆ
มาวินสังเกตอาการของเมริษา ตอนนี้ใบหน้าเธอยู่เหมือนตอนเวลาพูดอะไรไม่ออกแต่ต้องฝืนใจทำ ตอนนั้นเขาจำได้ดีว่าบังคับให้เธอเล่นไวกิ้งทั้ง ๆ ที่เธอกลัวความสูง ก็ทำให้นึกขำ
ร่างใหญ่นึกขึ้นแล้วก็เดินมาด้านหน้าของเธอ
“ไปนั่งข้างไอ้กร ฉันจะดูวิว” เขาสั่งเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความห่วงใย จนคนที่ได้ฟังอยากเอาไม้มาแคะขี้หู ไม่รู้เธอฝันไปหรือเปล่า
“อ่อ...ค่ะ” เธอรับคำแล้วแลกที่นั่งกับเขา ซึ่งข้าง
ชวกรนั้นนั่งสบายกว่า เมื่อหันมาสบตาเพื่อนของอดีตสามี ก็พบรอยยิ้มล้อเลียนที่แสนเจ้าเล่ห์นั่นอีก
“อย่าคิดมากน่า แค่เขาอยากชมวิว”
“หรา!!!” เสียงชวกรสูงเสียดฟ้าจนเมริษากรอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
“ไม่ต้องชงมาก...เขามีพี่เขมจิราอยู่แล้ว”
“เธอตกข่าวหรือเปล่า เขมนะแต่งงานไปแล้วนะ” คำพูดของชวกรทำให้เธอสะอึก จำได้ว่าตอนนั้นที่เธอจะไปเก็บของที่เหลือ แต่ทว่าเธอเปิดประตูเข้าไปเห็นเขายืนกอดกับเขมจิรา
“แต่งเมื่อไหร่” คำถามถัดมากลายเป็นกระซิบไปทันที เพราะเธอนั้นเริ่มไปยุ่งเรื่องอดีตสามีเข้าเสียแล้ว
“หลังพวกเธอหย่ากันได้ไม่กี่วัน น่าจะสักเดือนหนึ่งได้นะ” ชวกรพยายามคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาห้าปีแล้ว แต่ก็มันก็หลงลืมช่วงเวลาไปบ้างตามประสาคุณหมอที่มีเคสเยอะ
“หลังหย่า...เหรอ” เธอพลาดอะไรหรือเปล่านะ หญิงสาวครุ่นคิด
“ตอนนี้เขาก็คงคบใครแล้วล่ะ”
“เหอะ ๆ เธอคิดดูเอาแล้วกันว่าผู้ชายไร้หัวใจ ที่ถือมีดผ่าตัดตลอดทั้งวันจะมีเวลาไปคบใคร ขนาดมีคนมาจีบยังไม่ทันสานสัมพันธ์ เขาก็รีบตัดบทว่า สถานะของผมหย่าร้าง และไม่คิดว่าคุณจะสามารถอยู่ร่วมกับผมได้”
“ทำไมเขาตัดเยื่อใยแบบนั้นล่ะ ไม่ลองเปิดใจ” เธอมองเสี้ยวหน้าที่หันออกไปนอกหน้าต่างของเขา พาให้ถอนหายใจ ไม่รู้จะปักใจรักอะไรกับพี่เขมนักหนา ขนาดกับเธอเขายังไม่เคยดีใจ เสียใจ ปรับทุกข์ด้วยเลย
ต่างกับเขมจิราที่เขาสามารถแชร์ทุกเรื่องราวในชีวิตได้
“รอเธอมั้ง”
“อย่ามามั่ว” เธอยกมือตีแขนชวกรไปหนึ่งที
ผ่านไปจวบจนหกโมงเย็น ก็มาถึงหน่วยแพทย์ของ UN เธอต้องเดินตามเขาไปเพราะสัมภาระถูกเขาแบกให้มาตั้งแต่ไทย จนถึงตุรกี ไม่คิดจะเก็บแรงไว้รักษาคนไข้เลยหรือไง
“ทุกคนจะแบ่งกันนอนเป็นคู่ ตอนนี้ไม่แยกหญิงชายเพราะว่าที่ห้องพักไม่พอ” มาวินพูดพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ แต่ไม่ทำให้คนอื่นสังเกตได้ แต่ชวกรที่อยู่กับเพื่อนมานานทำไมจะไม่รู้
“ฉันนอนกับเมย์ละกัน” ชวกรอยากแกล้งเพื่อนรักสักหน่อย
“นี่ของนายกับคณิณ ส่วนเธอนอนกับฉัน”
“เอ้า...ไอ้วินมึงนี่กูเลือกก่อน”
มาวินเดินไปกระซิบข้างใบหูด้วยเสียงอันเยือกเย็น
“นี่อดีตเมียกู!” แล้วก็ผลักทั้งคู่เข้าไปยังเต็นท์นอน
ส่วนคนที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินสำรวจรอบ ๆ ทั้งที่อาบน้ำ ห้องน้ำเผื่อฉุกเฉินจะได้รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน
เธอเห็นเขายืนสะพายเป้ของเธอในมือ แล้วก็รีบวิ่งไปน่าจะรู้แล้วว่าได้นอนตรงไหน
“ฉันนอนที่ไหนคะ”
“นอนกับผม”
เขาไม่ตอบทันทีโน้มใบหน้ามาใกล้แล้วกระซิบแผ่วเบาแต่ทำไมมันชัดเจนเสียจนเหมือนเขาพูดใส่ไมโครโฟนที่มีลำโพงเสียงดีทำให้ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูอย่างนั้นล่ะ
หัวใจของเมริษาเต้นรัวเร็วจนแทบหลุดออกมา ถึงขนาดต้องเอามือกุมให้มันกลับมาเต้นเป็นปกติ