ตอนที่ 12 ข่าวดีของใครกัน

1560 คำ
ธารมิกาที่เก็บตัวเงียบไม่ออกมาให้ข่าวหรือสัมภาษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับความร้าวฉานในครอบครัวยิ่งทำให้นักข่าวขุดคุ้ยเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งเรื่องไม่ดีของฝ่ายชายที่แต่งงานกันมาสามปีไม่เคยไปเที่ยวหรือเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนเลย ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอย่างไร มนชิดาที่เห็นว่าเพื่อนมีเรื่องเกี่ยวกับสามีไม่ว่างเว้น ไม่ว่าจะมาตามราวีที่บ้านบ้างอะไรบ้าง และเรื่องที่พาผู้หญิงมาเย้ยถึงบ้านสร้างความโกรธแค้นให้กับมนชิดาอย่างที่สุด “ยายธารแกจะเอาไงต่อ ฉันไม่ไหวแล้วนะ สองคนนั้นควงคู่กันไปดูชุดแต่งงานกันแล้วฝ่ายชายบอกชุดจดทะเบียนที่น่าจดจำ แกคิดจะทำยังไงต่อ” มนชิดาไม่อยากให้ฝ่ายโน้นมีความสุข “ท้องฉันเข้าเดือนที่สองเกือบเดือนที่สามแล้วนะ ฉันว่าไปเขย่าขวัญในงานแถลงข่าวของพวกเขาเรื่องการร่วมธุรกิจและข่าวดีของพวกเขาดีกว่าไหม” เหมือนผู้หญิงคนนั้นจะกำลังได้ใจและมีความสุขมากไปหน่อย “เขาจะไม่ทำร้ายแกใช่ไหม” มนชิดาแอบห่วง เพราะไม่รู้ไอ้ผู้ชายคนนั้นจะมาไม้ไหนเลย เดาอารมณ์และความร้ายกาจไม่ไหวจริง ๆ “เขากล้าก็ลองดู พี่ชายฉันกำลังจะมาเมืองไทย น่าจะถึงก่อนที่พวกเขาจะแถลงข่าว พวกเราเตรียมปิดเกมในเร็ว ๆ นี้กันเถอะ” ธารมิกาบอกเพื่อน และคิดว่าเรื่องนี้ควรจบเสียที “แกว่าแปลกไหม ที่คุณภูยังทำงานอยู่กับธงพานิชย์ ทั้ง ๆ ที่เปิดบริษัทใหม่แต่ใช้ชื่อของเพื่อนโดยตัวเองเป็นหุ้นส่วน เขามีแผนอะไรหรือเปล่า” มนชิดาอ่านข้อมูลในตอนนี้ที่สองคนนั้นกำลังทำ ทำให้ขัดอกขัดใจไปหมด เพราะหากมีเรื่องกันจริง ๆ บริษัทนั้นก็ยังรอด “ต่างอะไรจากการฟอกเงินล่ะ ไม่ใช้ชื่อตัวเองแต่ให้คนอื่นลงทุน เขาเป็นนักธุรกิจคงประเมินผลดีผลเสียแล้วละ” ธารมิกาออกความเห็น แม้ว่าไม่เก่งกาจตามเขาไม่ทัน แค่คิดว่าพี่ชายเธอเอาอยู่แน่นอน เพื่อแก้แค้นให้คุณพ่อและตระกูลธรรมวัฒน์ เขาต้องล่มจมไปพร้อม ๆ กัน “แล้วธงพานิชย์เงียบเลยนะ แม้แต่สกุลทิพย์ก็ไม่ออกงาน” “ออกหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ว่างานที่เขาจัดแถลงข่าวนี้สำคัญแน่ เพราะอัยยาโพสต์ข้อความเป็นนัย ๆ ว่ากำลังจะมีข่าวดี” มนชิดาเชื่อเลยว่าหญิงร้ายชายก็ชั่วจริง ๆ เรื่องที่เลิกรากับเพื่อนของเธอยังไม่ลงตัวคิดเปิดตัวแล้ว จะรีบไปไหนกลัวไม่ได้ขี่กันหรือไง “ไม่ต้องเครียดหรอกนะ เตรียมตัวรับพี่ชายฉัน กับหาชุด สวย ๆ ไปร่วมยินดีกับพวกเขาดีกว่า” ธารมิกาคิดว่าจะดีแค่ไหนนะ วันงานที่เขาประกาศข่าวดีจะเป็นวันที่เธอบอกว่าเธอท้องกับเขา แค่คิดก็สนุกแล้ว มนชิดากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อนึกถึงธนาธิป ความทรงจำครั้งนั้นเธอยังไม่เคยลืมเลือนเลย แม้ผ่านมาหลายปีแล้วก็เถอะ “เอ่อ...ฉันไม่ต้องไปรับพี่ชายแกได้ป่ะ” “ทำไมล่ะ กลัวพี่ชายฉันเหรอ แม้ว่าจะดุไปหน่อย แต่ว่าที่จริงเป็นคนจิตใจดีนะ ทุกอย่างที่ดุเพราะเป็นห่วงทั้งนั้น” ธารมิกาบอกกับเพื่อนสาวให้สบายใจ ตอนแต่งงานกับภูธรเป็นเธอที่ดื้อตามใจพ่อเอง และแบ่งทรัพย์สินส่วนของตัวเองมาพยุงธงพานิชย์ จากนั้นหลังพ่อตายพี่ชายก็ตัดขาดจากเธอไปเลย แต่ที่จริงเธอรู้ว่าพี่ชายเฝ้าดูเธออยู่ห่าง ๆ แค่ตอนที่โดนภูธรบอกเลิกด้วยเหตุผล ห่วย ๆ เขากลับไม่ว่าเธอสักคำ “ใช่...ดุ...ดุมาก” ดุจนเสียวท้องไปหมด คำหลังได้แต่เก็บไว้ในใจไม่กล้าเอ่ยออกมา แล้วยิ้มเจื่อนส่งให้ธารมิกา ร้านแบรนด์ดังที่สั่งตัดชุดสำหรับการจดทะเบียนส่งแบบมาให้เลือกหลาย ๆ แบบเผื่อมีดินเนอร์กับครอบครัวทำให้อัยยาอารมณ์ดีจริง ๆ เธอนั่งคุยกับภูธรโดยที่เขายังไม่ละสายตาจากหน้าจอ “ภูคะ วันที่เราประกาศข่าวดี วันถัดมาเราก็จะจดทะเบียนกันเลยไหมคะ หรือว่าเอาฤกษ์ดีหลังจากนั้นอีกเก้าวันดีคะ” ภูธรที่สวมแว่นตาเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังอัยยาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดอย่างเอาใจ “อัยยาชอบวันไหนก็เอาวันนั้นได้เลยครับ” อัยยาขยับนั่งใกล้ ๆ แล้วจูบแก้มสากก่อนจะซบที่ไหล่แล้วใช้นิ้วเขี่ยที่เสื้อตรงหน้าท้องของเขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่ทว่ากลับโดนเขาฉวยมือขึ้นมาระดมจูบเสียก่อน “อย่าอ่อยสิครับ ไหนบอกว่าเมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็จะ...” “ใครบอกแค่ลูบเล่นเท่านั้น ภูทะลึ่งเอง” ภูธรครางหึ้มในลำคอ จากนั้นจับเธอกอดเอาไว้แล้วให้จ้องไปที่หน้าจอด้วยกัน “หุ้นของธงพานิชย์ในส่วนของผมมีสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนของสกุลทิพย์มียี่สิบเปอร์เซ็นต์ และของผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ แบ่งตามสัดส่วนกันไป” อัยยายิ้มอย่างดีใจ ในเมื่อหุ้นของเขาเยอะที่สุด ย่อมเป็นของเธอ และเธออยากนั่งแท่นผู้บริหารสูงสุด และนั่นไม่ยากเลย “หุ้นเยอะขนาดนี้คุณยังคิดจะขายอีกเหรอคะ” “ผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับบ้านนั้นอีก” ภูธรบอกเหตุผล เพราะที่ผ่านมาเขาเจ็บปวดและทรมานมากในการที่ต้องทำตามใจพวกเขา หากไม่สำเร็จตามที่เขาต้องการก็มักจะถูกจัดการอย่างร้ายกาจ เคยมีครั้งหนึ่งตอนเขาอยู่ป.1 สอบได้ที่สองโดนให้อดข้าวอยู่สองวันซึ่งเป็นสิ่งที่เขาแค้นใจมาก และแม่ก็โดนด้วยเหมือนกัน แต่คนเป็นพ่อกลับไม่ช่วยอะไรได้เลย เขาจึงเกลียดพ่อมากตอนที่เขาหายไปก็ภาวนาตลอดว่าอย่าได้มีชีวิตกลับมาอีกเลย เพราะไร้ประโยชน์สิ้นดี “ในเมื่อเขาร้ายกาจ ไม่สู้เราใช้โอกาสนี้สร้างความได้เปรียบเหรอคะ หุ้นตอนนี้พุ่งไม่หยุดรอให้นิ่งก่อนค่อยขายก็ไม่สาย แต่ทว่าตำแหน่งประธานบริษัทน่าเสียดายนะคะ อัยยังอยากเข้าไปลองบริหารสักครั้งแต่ไม่รู้ชาตินี้จะมีบุญไหม” อัยยาพูดด้วยความทดท้อ “เหนื่อยจะตายไป” เขาอยากทิ้งทุกวัน แต่ยังไม่มีใครรับช่วงต่อ “งั้นให้อัยช่วยไหมคะ” “แต่ว่าต้องได้รับความเห็นจากผู้ถือหุ้นนะครับ ที่จริงผมต้องการจะไปสร้างบริษัทใหม่และเติบโตด้วยตนเองมากกว่า ธาร มิกาจะได้ว่าผมไม่ได้ว่าปล้นเธอมาเสวยสุข” “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เอาอย่างนี้ไหมคะ หากว่าคุณอยากทำงานเกี่ยวกับบริษัทใหม่ ให้อัยยาถือหุ้นแทนแล้วเข้าไปบริหารคุณจะได้มีเวลาไงคะ รับรองว่าอัยจะไม่ทำให้เสียชื่อเด็ดขาด” ภูธรยิ้มก่อนจะโยกหัวอัยยาเบา ๆ แล้วกอดเอาไว้ แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งทีตีเข้ามาคือธารมิกา เขารู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก่อนจะสลัดศีรษะไปมา ‘บ้าเอ้ยคิดถึงทำไมนะ’ จนภูธรขอตัวกลับไปก่อนด้วยเหตุผลที่บอกว่าง่วงนอน เขาขับรถจนมาจอดที่หน้าบ้าน แต่ทว่าไม่ใช่หน้าบ้านเขาแต่เป็นหน้าบ้านของธารมิกา ดวงตาคมเข้มมองไปยังในตัวบ้านอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเห็นเป็นเงาผู้ชายอยู่ในนั้น พลันทำให้เขาเกิดความไม่พอใจ ‘ดึกดื่นป่านนี้แล้วนัดผู้ชายที่ไหนมาอีก’ ภูธรรู้สึกโกรธมาก เขาออกรถไปอย่างรวดเร็วและไม่คิดจะมาที่นี่อีก เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็จะตัดเธอให้ขาดไปเสียที ในที่สุดวันแถลงข่าวก็มาถึงภูธรเข้างานมาพร้อมกับอัยยาโดยมีนักข่าวทุกสำนักมาทำข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวบริษัทใหม่ที่เขาจะเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและช่วยบริหารงานทำให้เกิดความฮือฮาขึ้นว่าภูธรจะออกจากธงพานิชย์หรือเปล่า และยิ่งมีผู้หญิงที่ใบหน้าสะสวยที่เป็นนักธุรกิจสาวที่น่าจับตามองที่สุด ยิ่งทำให้นักข่าวอยากรู้ความสัมพันธ์ “นอกจากข่าวดีเรื่องบริษัทใหม่ ยังมีข่าวดีเรื่องอื่นด้วยใช่ไหมคะ” นักข่าวคนหนึ่งที่ถูกสั่งให้ถามเอ่ยขึ้น และทำให้ภูธรใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอายเล็กน้อยและหันไปกระชับมือกับอัยยา แต่เมื่อเขากำลังจะตอบกลับมีเสียงผู้หญิงด้านหลังพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ข่าวดีที่ว่าคือคุณภูธรกำลังจะเป็นพ่อคนค่ะ ตอนนี้ธารท้องได้สามเดือนแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม