ธารมิกาเดินออกมาขึ้นรถแล้วขับออกจากตระกูลที่น่าขยะแขยงนี้ พี่ภูธรที่เคยแสนดีของสายธารไปไหนแล้วล่ะ ทำไมมีแต่คนใจร้ายเต็มไปหมด คนที่เคยต้อนรับขับสู้เมื่อตอนที่เธอเข้ามาเป็นสะใภ้ กลับนั่งเงียบกริบไม่มีใครปกป้องเธอเลย มันใจร้ายเกินไปแล้ว แต่เธอจะยอมให้เขาสมหวังได้ยังไง ในเมื่อเธอจะไม่ยอมให้ในสิ่งที่เขาต้องการ
‘อยากเลิกนักก็ดี ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่างจะทำไม หากบังคับเธอจะแฉตระกูลเน่า ๆ พวกนี้ให้หมด’
หลังจากธารมิกาเดินออกไปแล้ว บนโต๊ะเหลือแต่ความเงียบจนภูธรเอ่ยขึ้น
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่หวังแล้ว ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ถึงเวลา ผมเอาสัญญานี้ส่งให้ทนายเรียบร้อยแล้ว หากพวกคุณคิดจะฟ้องร้องก็ลองดู นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะตอบแทนในฐานะธงพานิชย์คนหนึ่ง แต่หลังจากผมเดินออกจากบ้านหลังนี้พร้อมกับแม่ไปแล้ว ผมจะไม่ใช่เครื่องมือของใครอีก”
ภูธรลุกขึ้นไปจูงแม่แล้วกำลังจะพาไปเก็บของ แต่ทว่ากลับถูกเสียงของผู้หญิงสองคนที่ใช้เขาราวกับหุ่นยนต์มาหลายปีรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวตาภู...มาคุยกันก่อน” เป็นวาววิไลผู้เป็นย่าและสกุลทิพย์ผู้เป็นแม่ที่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของภูธรเรียก
“คงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก หากมีปัญหาผมจะคุยทุกอย่างผ่านสื่อและให้ทนายจัดการ หากไม่อยากอื้อฉาวก็จงเลิกระรานผมกับแม่ซะ จากนี้ก็จัดการทุกอย่างกันเองก็แล้วกัน”
“แกจะไม่ได้สมบัติใด ๆ เลยจากธงพานิชย์นะ” วาววิไลยื่นข้อต่อรอง
“ผมไม่เคยอยากได้อะไรนอกจากอิสระของผมกับแม่ ชัดเจนแล้วนะครับ”
ภูธรเดินจากไปพร้อมกับสุดาจากนั้นก็พากันเก็บของในห้องคนรับใช้แล้วออกจากบ้านไป โดยที่วาววิไลและสกุลทิพย์ไม่อาจขวางเพราะรถคันนี้ไม่ใช่ของธงพานิชย์ แต่ซื้อในชื่อของภูธร และหุ้นที่เป็นส่วนแบ่งโอนให้ภูธรหมดแล้วดังนั้นยิ่งบริษัทเจริญ เขาก็ยิ่งรวยขึ้น ไม่ใช่แค่ธงพานิชย์อย่างเดียวเท่านั้น
“ทำอย่างไรดีคะคุณแม่”
“ทำอย่างไรล่ะ ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมให้เลี้ยงสุดาเหมือนเจ้านายหนึ่งคนแล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้คนที่พึ่งได้ก็ไม่อยู่แล้วทีนี้บริษัทจะเป็นอย่างไรล่ะ”
สกุลทิพย์ไม่พอใจที่โดนแม่สามีตำหนิ เพราะตอนตัดสินใจก็มีคุณแม่พยักหน้า หากไม่อนุญาตเธอก็คงไม่อาจทำตามใจชอบได้ แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งตาภูจะทิ้งความสุขสบายไปเป็นคนที่ไม่มีชาติตระกูลเช่นนี้
ภายในรถของภูธรมีสุดาที่นั่งหน้าซีด เธอไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายจะตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ จึงเอ่ยขึ้น
“ตาภูทำอย่างนี้ดีแล้วเหรอลูก”
“ผมไม่อยากเห็นแม่เป็นขี้ข้าใครอีก” ภูธรพูดด้วยความเคียดแค้น เพราะตั้งแต่เด็กเห็นแม่โดนโขกสับทรมานให้ทำงานหนักไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่พอ ดึกดื่นยังเรียกให้ขึ้นไปปรนนิบัติจนคิดว่านี่มันยุคไหนกันแล้ว ยังไม่เลิกทาสอีกหรือไง เพียงเพราะแม่อยากให้เขาใช้นามสกุลเน่า ๆ นั้น ที่เขารังเกียจมาตลอดถึงยอมโขกสับ
“แต่หนูธารไม่เกี่ยวด้วยเลยนะ น่าสงสารออก” สุดาสงสารธารมิกาจริง ๆ อีกอย่างหนูธารก็เป็นสะใภ้ที่ดี เธอเคยอาสาไปส่งอาหารจากบ้านใหญ่ให้ที่บ้านของภูธร พบว่าบ้านจัดการเรียบร้อยไม่พอ ยังสะอาดสะอ้านน่าอยู่นักยังนึกชื่นชมอยู่เสมอ
“นั่นเป็นหมากที่คุณวาววิไลต้องการจับผมให้อยู่หมัด อาศัยความน่ารักน่าเอ็นดูของสายธาร” ภูธรบอกให้แม่ตาสว่างจะได้ไม่หลงกลพวกเขาอีก
“แล้วสามปีที่ผ่านมารักน้องบ้างหรือเปล่าล่ะ”
เมื่อโดนคำถามนี้ภูธรกลับตอบไม่ได้ รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากชอบกล ยิ่งแม่มองมาเช่นนี้เขายิ่งไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
“ภู...ถ้าเลิกไปแล้วจะกลับมาเหมือนเดิมยากแล้วนะลูก ครอบครัวที่แตกแยกก็เหมือนแก้วที่แตกร้าว เอามาติดกาวอย่างไรก็ยังมีรอย ไม่กลับไปเหมือนเดิมได้หรอกนะ”
ในเมื่อหนูธารยังรักตาภู เธอก็อยากให้ลูกชายลองเปิดตากว้าง ๆ และเปิดใจกับลูกสะใภ้คนนี้ดู เผื่อจะทำให้ตัวเองเห็นอะไรที่มันเคยมืดมัวได้ชัดเจน
“ผมคิดว่าผมไม่ได้รักครับแม่”
แค่คิดเหรอลูก ไม่ได้รู้สึกจริง ๆ ใช่ไหม แต่ไม่ต้องรีบตอบแม่ เก็บไปคิดแล้วค่อยไปคุยกับหนูธารเขา”
ภูธรไม่พูดอะไรอีกปล่อยให้ความเงียบปกคลุมจนไปถึงบ้านหลังขนาดกลางที่เขาซื้อเอาไว้นานแล้วในหมู่บ้านที่ปลอดภัย และเพื่อนบ้านอัธยาศัยดี ทั้งขนของลงจากรถให้หมดช่วยแม่จัดข้าวของ
ธารมิกาขับรถทั้งน้ำตาจนไปจอดในสวนสาธารณะเธอ ขบคิดอย่างเคียดแค้น อยากจัดการธงพานิชย์ทุกคน รวมทั้งสามีเธอด้วย นี่สินะเหตุผลที่เมื่อก่อนอยากมีลูกกับเธออยากเอาเป็นเอาตาย ก็เพื่อพันธะของเขาจะถูกปลดปล่อย แต่ทำร้ายความรู้สึกของเธอเหลือเกิน
“ดี...ธงพานิชย์ทำกับเธอขนาดนี้ เธอจะไม่ปล่อยให้พวกเขาสุขสบายเด็ดขาด!”
ธารมิกาโทรหาธนาธิปผู้เป็นพี่ชายทันที พร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง โดยที่ธนาธิปอยากบินมาเมืองไทยเสียตั้งแต่พรุ่งนี้ แต่เธอห้ามเอาไว้ก่อน
“พี่ธนายังไม่ต้องมาค่ะ ขอธารจัดการบางอย่างก่อน แล้วจะให้พี่มารับธารเอง”
อีกอย่างที่เธอต้องการคือสืบให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วที่เขาไม่รักเธอเป็นเพราะสัญญานั้นฉบับเดียวหรือว่าเพราะเหตุผลอื่นอีก เธอต้องรู้ให้ได้ ก่อนที่จะจัดการเอาคืนให้สาสมกับที่หลอกเอาสมบัติและชื่อเสียงของธรรมวัฒน์ไปหากินและเสวยสุขกันมานานหลายปี
‘เมื่อทำให้เธอเสียใจ เขาย่อมต้องเสียใจกว่าเธอสิบเท่า’
ภูธรนั่งคิดนอนคิดถึงเรื่องที่แม่พูด เขาไม่คิดว่าตัวเองรักเธอ เพราะที่ผ่านมาเขาชัดเจนในความรู้สึก มีช่วงหลังที่บางทีเผลอไผลไปเอ็นดูเธอบ้างแต่ก็มั่นใจว่าคิดกับเธอแค่น้องสาวจริง ๆ และยิ่งความรู้สึกรักยิ่งไม่มีมาให้เห็น แตกต่างจากอดีตคนรักที่ตนเองต้องพลัดพรากเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วยอย่าง อัยยา อันจิตรา
อัยเป็นผู้หญิงในสเปคของเขาที่สุด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงเอยกัน ทั้งเธอยังไปทำงานที่ต่างประเทศอีกด้วยดังนั้นระยะทางระหว่างเราจึงห่างจากกัน และเขามั่นใจว่าคนที่อยากจดทะเบียนด้วยมีเพียงคนเดียวคือ อัยยา ไม่ใช่ ธารมิกา
ธารมิกากลับมาบ้านเพื่อตั้งหลัก ค้นหาบางสิ่งที่อาจหลงเหลืออยู่ว่าเขามีคนอื่นอยู่ในใจหรือเปล่า จนกระทั่งในลิ้นชักห้องทำงานเธอเห็นเป็นรูปสมัยเรียนกับผู้หญิงคนหนึ่งจึงส่งไปให้ มนชิดาสืบ เพราะมนชิดากว้างขวางและพ่อเป็นผู้มีอิทธิพล
“มนสืบเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้ธารหน่อย ธารอยากรู้ว่าเป็นอะไรกับพี่ภู”
“ธาร...สรุปว่าแกกับพี่ภูคือเลิกกันจริง ๆ ใช่ไหม”
“เขาเลิกแต่ฉันยังไม่เลิก หากเขาบังคับฉันมากฉันจะเอาเรื่องที่เขาทำกับฉันและพ่อของฉันออกมาแฉรวมถึงเรื่องที่ฉันเพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้วเขาไม่ใช่ลูกของคุณสกุลทิพย์อย่างที่ประกาศต่อสังคม”
“จริงดิ”
“จริง...แกไปตามหาผู้หญิงในรูปนี้ให้ฉันก่อน แล้วแกมาบ้านฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเองไม่ขาดตกสักคำเดียว แล้วแกจะอึ้งว่าเขาใจร้ายกับฉันแค่ไหน”
หมดเวลาแล้วที่จะเป็นผู้หญิงโลกสวย ในเมื่อโลกแท้จริงมันร้ายขนาดนี้ แล้วเธอจะเป็นคนดีไปทำไมกันล่ะ
ภูธรตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความของคนที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาหลายปี กลับมาเคลื่อนไหวในตอนนี้ ตอนที่เขากำลังจะเป็นอิสระในอีกไม่นาน
“คิดถึงกันไหมคะ”
ภูธรขยี้ตาหลายหน กลัวว่านี่คือภาพลวงตาหรือเขาละเมอออกไปคิดว่าคนที่ส่งมาเป็นภรรยาที่กำลังจะเป็นอดีต หรืออดีตคนรักเก่ากันแน่