ในที่สุดฉันก็ได้ย้ายมาอยู่หอพักใหม่ กับรูมเมทหน้าใหม่ เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อประธาน และสัตว์หน้าตาประหลาดสีเขียวที่เอาแต่คลานไปกินใบไม้ ไม่สนว่าฉันกำลังรู้สึกขนลุกขนพองกับท่าทางของมันแค่ไหน
โชคดีที่เฮียคินน์นึกเวทนาฉันอยู่บ้าง ถึงได้ยอมตัดใจเอาเจ้านุ่มนิ่มไปไว้ที่ระเบียง เพราะขืนฉันยังเอาแต่พะวงว่ามันจะหลุดจากกล่องมาไต่ตามเนื้อตัว คงไม่เป็นอันทำงานทำการพอดี
แกรก!
ในระหว่างที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานที่โต๊ะของเฮียคินน์ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก พร้อมกับคนด้านในที่เดินตัวเปียกชุ่มน้ำออกมา
ร่างสูงนี้ดึงดูดสายตาฉันได้ชะงัด ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักคล้ายกับปีกนกกำลังกางออก ลอนกล้ามเนื้อเรียงสวยถูกจับด้วยหยดน้ำเป็นเม็ด ท่อนล่างมีเพียงผ้าสีขาวผืนบางที่พันเอวเอาไว้หลวม ๆ จนเห็นไรขนด้านบน และที่ทำให้ฉันตาค้างคงเป็นผมที่เปียกชุ่ม มันช่างทำให้ใบหน้าหล่อคมนี้เซ็กซี่อย่างไร้ที่ติ
“หิวยัง”
เขาเอ่ยถามโดยไม่หันมามอง เพราะกำลังใช้ผ้าสีขาวผืนเล็กในมือเช็ดผมที่ชุ่มน้ำ
“ยะ ยังค่ะ”
ฉันแอบสะดุ้งเล็กน้อยเพราะหลุดออกมาจากภวังค์ จึงรีบก้มหน้าลงมองหนังสือ ทำทีว่ากำลังตั้งใจอ่านเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าฉันกำลังนึกชื่นชมเขาอยู่ในใจ
แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าฉันพยายามหลบหนี จึงวางแผนที่จะกลั่นแกล้ง เพราะจู่ ๆ เขาก็เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉันซึ่งใกล้กับตู้เสื้อผ้า พลันดึงผ้าผืนเล็กที่พันรอบเอวออกจากตัว ทำเอาสติสตังฉันแตกกระเจิง แต่กระนั้นก็ยังแกล้งไม่รู้ไม่เห็น ทำทีว่าอ่านหนังสือเสียงพึมพำ ทั้งที่จริงแล้วฉันนั้นกำลังสวดมนต์อยู่ในใจ
คนข้างกันเริ่มหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ จากนั้นก็ขยับมาค้ำแขนลงบนโต๊ะต่อหน้าฉัน
“จดอะไร ดูตั้งใจจังเลย”
“เอ่อ... ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารน่ะค่ะ วิชาเสรี”
ฉันเงยหน้าขึ้นตอบเพื่อสำรวจว่าเขาใส่เสื้อผ้ามิดชิดแล้วใช่ไหม และพบว่าเขาใส่เสื้อผ้าเข้าไปมิดชิดแล้ว เป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีเทาควันบุหรี่ธรรมดา กับกางเกงขายาวสีเทาเข้ม ทั้งที่การแต่งตัวก็แสนจะธรรมดา แต่ทำไม... เขาถึงได้หล่อนัก
“เสรีมีให้เลือกมากมาย แต่เธอเลือกลงภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“ค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับอย่างเกร็ง ๆ แล้วทำทีจะทำงานต่อ แต่เขากลับแย่งสมุดของฉันขึ้นไปถืออย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะไล่อ่านอย่างพิจารณา ในหน้านี้เป็นบทสนทนาเกี่ยวกับร้านอาหารที่เราต้องสมมุติบทขึ้นเองทั้งหมด
“ร้านพีซีเคเหรอ?”
“เฮียรู้จักด้วยเหรอคะ”
“อืม”
เขาตอบกลับเสียงพึมพำในลำคอ ก่อนจะวางสมุดลงให้ฉันตามเดิม
“ร้านนี้ข้าวหน้าหมูย่างอร่อยมากเลยนะคะ เสียดายที่ต่อคิวนานไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้กิน”
ฉันพยายามชวนคุยเผื่อว่าเขาจะให้ความสนใจกับอย่างอื่นนอกจากการนั่งจ้องหน้าฉันบ้าง แต่เปล่าเลย เขายังเอาแต่จ้องมองหน้าฉันนิ่งจนฉันเริ่มปั้นหน้าไม่ถูกอีกครั้ง เล่นจ้องกันไม่วางตาแบบนี้ ใครมันจะมีสมาธิทำงานกันเล่า!!
“เฮีย... มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ในที่สุดฉันก็ต้องยอมแพ้แล้วเอ่ยถามเขาให้มันรู้แล้วรู้รอด และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ฉันนิ่งงันไปด้วยความอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดคำนี้ออกมาตรง ๆ
“ฉันเ****น”
“...”
ไอ้เฮียบ้า!! เ****นแล้วมาบอกกันทำไมเล่า ต้องการจะให้ฉันทำอะไร ฉันไม่ใช่คู่นอนเขานะ
“ละ แล้วไงเหรอคะ?”
“เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินข้างนอกนะ”
“...”
พูดจบก็เดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงินเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฉันหน้าเหวออ้าปากค้างทำตัวไม่ถูก
เมื่อกี้เขาบอกฉันว่าเงี่ยน แล้วก็บอกว่าจะออกไปหากินข้างนอก ฉันไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม? อะไรที่เขาต้องการจะกินมันไม่ใช่ข้าว แต่เป็น...
“เฮียคินน์บ้า! เพิ่งเอากับเรามาหยก ๆ ยังกล้าออกไปเอาคนอื่นทั้งที่เรานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้อีก นิสัยเสีย!!”
อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งที่ปกติเป็นคนที่ใจเย็นมาก ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย หรือว่า... ฉันจะหวง
บ้าน่า... หวงอะไรกัน ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มันก็แค่วันไนท์ ไม่มีใครมานั่งยึดติดกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกันหรอก
ฉันสะบัดหัวไล่ความคิด แต่สะบัดยังไงมันก็ยังวนกลับเข้ามาจนฉันไม่มีสมาธิทำงานต่อ เลยต้องยอมพับเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า แล้วยกมือถือขึ้นมากดสั่งอาหาร ไม่นานเกินรอข้าวที่สั่งก็มาส่ง
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันรับข้าวกล่องมาถือและไม่ลืมให้ทิปไรเดอร์ด้วย ก่อนจะนำข้าวผัดต้มยำมาวางลงบนโต๊ะแล้วจัดการจ้วงตักอย่างหิวโหย กินจนเกือบจะอิ่ม ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา
ทำไมกลับมาไวจัง หรือว่า... เขาจะเอาแค่น้ำเดียว
“ทำอะไรของเธอ!”
ฉันหยุดเคี้ยวกะทันหันแล้วหันไปจ้องคนร่างสูงที่เดินคิ้วขมวดเข้ามาในห้องอย่างงงงวย เพราะในมือของเขามีข้าวกล่องติดมือมาด้วย
“กินข้าวค่ะ”
“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ฉันบอกว่าจะออกไปหาอะไรกิน”
อ๋ออ... ที่บอกจะออกไปหาอะไรกินนี่หมายถึงข้าวหรอกเหรอ ฉันก็นึกว่าเขาออกไปหาอะไรแก้เ****นเสียอีก
“งั้นเดี๋ยวหนูไปเอาจานมาใส่...”
พึ่บ!
พูดไม่ทันจบประโยค ถุงกล่องข้าวที่อยู่ในมือของเขาก็ถูกโยนลงไปในถังขยะ ก่อนที่คนหัวเสียจะเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นเดินผ่านหน้าฉันออกไปนั่งเก้าอี้ที่ระเบียงหลังห้อง ท่ามกลางความมึนงงของฉัน
“เป็นอะไรของเขาเนี่ย?”
อยู่ ๆ มาโมโหใส่ เอาแต่ใจชะมัด
เห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ฉันเลยไม่อยากกวน รีบเก็บกล่องข้าวให้เรียบร้อยเตรียมจะไปอาบน้ำ แต่ก็ต้องหยุดชะงักในจังหวะที่เตรียมจะทิ้งกล่องข้าวที่กินเสร็จลงถังขยะ เพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นโลโก้ร้านที่ติดอยู่บนกล่องข้าวที่เฮียคินน์ซื้อมา
‘พีซีเค’
นี่เขาลงทุนนั่งรถตั้งไกลไปซื้อข้าวกล่องให้ฉันเหรอ? ฉันชะเง้อคอมองไปด้านนอก เห็นว่าเฮียคินน์กำลังนั่งหันหลังให้อยู่ จึงค่อย ๆ ก้มลงไปแง้มเปิดกล่องข้าว และเป็นไปตามคาดจริง ๆ มันคือข้าวหน้าหมูย่าง…
อลิซเอ๊ยอลิซ แล้วต้องทำไงต่อล่ะเนี่ย จะหยิบขึ้นมากินให้เขาหายงอนก็กระไรอยู่ มันตกเข้าไปในถังขยะแล้วนี่ อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็อิ่มแปล้จนท้องแทบจะแตกแล้ว
ยืนตบตีกับความคิดของตัวเองอยู่นาน แต่ในที่สุดฉันก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น นอกจากเข้าไปอาบน้ำแล้วปีนขึ้นที่นอนเงียบ ๆ
นอนอยู่สักพักใหญ่ ๆ จนเกือบหลับก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินเข้ามานั่งที่เตียงจนที่นอนอ่อนยวบ น่าจะเป็นเฮียคินน์ที่กลับเข้ามาในห้อง
เขาไม่ได้เอ่ยถามอะไรฉันอีก ไม่รู้เพราะคิดว่าฉันหลับหรือยังหงุดหงิดฉันอยู่กันแน่ แต่คิดว่าน่าจะเป็นข้อสอง เพราะเขาไม่แม้แต่จะขยับเข้ามาชิดตัวอย่างที่ฉันคาดเดา
ก็ตัวเองไม่บอกให้เคลียร์ก่อนว่าจะไปซื้อข้าวมาให้กิน แล้วมางอนเราเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันเล่า! ไม่รู้แหละ ฉันไม่ได้ขอให้เขาไปซื้อสักหน่อย อยากงอนก็งอน แต่ฉันไม่ง้อหรอกนะ ชิ!