เสียงนกขันเมื่อตอนเช้าตรู่

1222 คำ
ตอนอยู่หอในฉันก็หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะมีเสียงดังรบกวนตลอด พอย้ายมาอยู่หอนอก แทนที่จะได้หลับเต็มตา กลับกลายเป็นว่าฉันหวาดระแวงจนนอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนที่นอนอยู่ข้างกันจะลุกขึ้นมาทำมิดีมิร้าย แต่เป็นเพราะฉันกังวลว่าตัวเองจะเผลอทำอะไรน่าเกลียด ๆ ลงไปในตอนที่ไม่รู้สึกตัว อย่างเช่นนอนน้ำลายยืดใส่ปลอกหมอนของเขา หรือพาดแขนขาไปทั่วเตียงอย่างไร้มารยาท นั่นเลยทำให้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่มีเรียนตั้งสิบโมง แต่ฉันดันลุกขึ้นมาตั้งแต่เข็มสั้นของนาฬิกาปัดเข้าเลขหก ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกันยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองว่าเขานอนน้ำลายยืดหรือเปล่า ทว่ากลับไม่เป็นดังที่คิด ฉันคาดหวังจะเจอภาพหลุดของผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ ทว่าดันพบเจอแต่ความหล่อ... ขี้โกงชะมัดเลย ขนาดหลับปานตายยังหล่อได้ขนาดนี้ กินข้าวทิพย์เข้าไปหรือยังไงกัน ฉันได้แต่นึกชื่นชมอยู่ในใจ “อื้ออ” หมับ! “...” ดวงตากลมโตเบิกโพลงทันทีเมื่อถูกคนร่างใหญ่ละเมอเข้ามาสวมกอดเอวเอาไว้แน่น นาทีนี้ใจเต้นระส่ำเหมือนจะหลุดออกมาจากอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งนิ่ง ๆ จนมั่นใจว่าเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมา ฉันจึงค่อย ๆ แงะมือของเขาออกจากเอว จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงให้เบาที่สุด ฟูววว โชคดีที่เขายังคงนอนหลับต่ออย่างไม่รู้เรื่อง เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรวางตัวแบบไหน ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันอึดอัดไปหมด ฉันจึงต้องรีบเข้าไปอาบน้ำจะได้ออกไปจากห้องนี้เสียที ฉันใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่ ๆ แต่ดันลืมเสื้อผ้าเอาไว้ด้านนอก ตอนอยู่หอในก็มีแต่ผู้หญิงด้วยกัน จึงไม่ได้เคอะเขินเวลาพันผ้าผืนเดียวออกมาจากห้อง หวังว่าตอนนี้เฮียคินน์จะยังไม่ตื่นนะ หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็ยกผ้าเช็ดตัวสีขาวขึ้นมาพันรอบอกไว้แน่น สายตาก็สำรวจไปทั่วห้องว่าพอจะมีผ้าคลุมไหล่อีกสักผืนไหม แต่กลับไม่มีเลย เอาวะ! เฮียน่าจะยังไม่ตื่นหรอก ฉันเรียกความกล้าให้ตัวเองก่อนจะปลดล็อกประตูห้องน้ำ แล้วค่อย ๆ แง้มเปิดประตู จากนั้นก็ชะเง้อคอออกไปส่องดูว่าคนบนเตียงกำลังทำอะไรอยู่ ตื่นขึ้นมาหรือยัง และแล้วสิ่งที่เจอก็ทำให้ฉันเบิกตาโพลง นิ่งอึ้งไปกับภาพตรงหน้าจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เพราะตอนนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงได้ลุกขึ้นมานั่งอย่างง่วงซึม ในขณะที่มือของเขา... กำลังรูดสาวแก่นเนื้อที่ผงาดในช่วงเช้าตรู่ ตุบ! โทรศัพท์ที่ฉันถือเข้าไปเปิดเพลงตอนอาบน้ำร่วงตกลงสู่พื้น เป็นเหตุให้เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมามอง แต่แทนที่เขาจะตื่นตกใจที่เห็นฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ เขากลับเพ่งมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพับเก็บอาวุธเข้าที่เดิม “โทษที ลืมตัวน่ะ นึกว่าอยู่คนเดียว” พูดพร้อมกับลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ทั้งที่กระบอกไม้ไผ่สีเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงกำลังดันเป้าจนตุงออกมา เฮียคินน์เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองแล้วเดินผ่านหน้าฉันไปราวกับอากาศ และทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงฉันก็งมหาสติของตัวเองเจอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!! เฮียคินน์ อีตาบ้า!! มาทำแบบนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันเล่า ฮือออ!! บ้าที่สุด ฉันเริ่มลุกลี้ลุกลนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็วิ่งตัวปลิวไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว ใช้เวลาไม่นานก็หยิบกระเป๋าและชีตเรียนออกมาจากห้องได้ทันก่อนที่คนในห้องน้ำจะเดินออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ลืมตัวหรอก แต่เขาจงใจที่จะกลั่นแกล้งฉันชัด ๆ เลย (อะไรนะ! ผู้ชายที่แกเผลอไปวันไนท์ คือรูมเมทคนใหม่ของแกเหรอ?) ยัยออมสินตะโกนออกมาเสียงหลงผ่านโทรศัพท์ โชคดีที่ฉันเปิดเสียงเอาไว้แล้ววางไว้ไกลตัว ไม่เช่นนั้นคงได้หูแตกแน่ “อืม... โคตรซวย” ฉันพึมพำเสียงเบาพร้อมกับยกแซนด์วิชขึ้นมากัด ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถเพื่อรอเข้าเรียนคาบเช้าในช่วงสิบโมง (โห โคตรพรหมลิขิต) “พรหมลิขิตอะไรล่ะ เวรกรรมชัด ๆ” (แล้วเป็นไง แซ่บปะ) ปลายสายเอ่ยถามเสียงเย้าแหย่ ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา “ออมสิน!” (หึ ๆ ล้อเล่นน่า เอาอย่างงี้ไหมล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันเข้าไปหา ไปช่วยเลือกหอด้วย) “ไม่เป็นไร แกต้องซ้อมประกวดดาวมหาลัยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างนะ เราก็อยู่ไกลกันมากด้วย” คนปลายสายถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างเซ็ง ๆ เหตุเพราะถูกคัดเลือกให้ลงประกวด ทั้งที่เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยสักนิด “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเล็ง ๆ ไว้ที่หนึ่ง เพื่อนฉันเพิ่งให้เบอร์มา เดี๋ยวลองโทรถามเขาก่อน” (โอเค ได้ยังไงอย่าลืมบอกด้วยนะ) ฉันรับคำเพื่อนรักแล้วกดวางสาย ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปยังเบอร์โทรของหอพักที่เพื่อนแนะนำมา จริง ๆ ฉันควรเข้าไปดูก่อน แต่ฉันขี้เกียจขับรถเข้าไปเลยกดดูในเว็บคร่าว ๆ เห็นว่าเป็นหอพักใหม่ดูดีเลยจึงตัดสินใจโทรไปถาม ถือสายรออยู่ไม่นาน ปลายสายก็กดรับ (สวัสดีครับ) “สวัสดีค่ะ สตาร์อพาร์ตเมนต์ใช่ไหมคะ” ฉันกรอกเสียงลงอย่างตื่นตัว (ครับผม) “มีห้องพักว่างไหมคะ” (ตอนนี้ว่างหนึ่งห้อง อยู่ที่ชั้นห้าครับ) “งั้นจองค่ะ มัดจำเท่าไหร่คะ เดี๋ยวตอนเย็นขนของเข้าไป” ฉันไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสทองไว้ ทำเอาคนปลายสายงงงวย (อ๋อ ได้ครับ คุณลูกค้าไม่เข้ามาดูห้องก่อนเหรอครับ) “ดูในเว็บแล้วค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับกดเข้าแอปธนาคารเตรียมโอนเงิน หลังจากที่มัดจำไปเรียบร้อยก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในคราเดียวกันก็รู้สึกใจหายแปลก ๆ จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่ขี้เหงามาก ไม่ชอบการอยู่คนเดียว นี่เลยเป็นเหตุผลที่ฉันย้ายเข้าไปอยู่หอใน พ่อจะซื้อคอนโดให้ก็ไม่ยอมเอา พอมาอยู่กับเฮียคินน์ มันก็ยังรู้สึกคลายเหงาลงไปบ้าง ถึงจะรู้สึกเกร็งแปลก ๆ แต่หลังจากนี้ฉันจะต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ แล้ว จะรอดไหมนะ? ขอให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีด้วยเถอะ เพี่ยง!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม