ตอนอยู่หอในฉันก็หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะมีเสียงดังรบกวนตลอด พอย้ายมาอยู่หอนอก แทนที่จะได้หลับเต็มตา กลับกลายเป็นว่าฉันหวาดระแวงจนนอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิม
ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนที่นอนอยู่ข้างกันจะลุกขึ้นมาทำมิดีมิร้าย แต่เป็นเพราะฉันกังวลว่าตัวเองจะเผลอทำอะไรน่าเกลียด ๆ ลงไปในตอนที่ไม่รู้สึกตัว อย่างเช่นนอนน้ำลายยืดใส่ปลอกหมอนของเขา หรือพาดแขนขาไปทั่วเตียงอย่างไร้มารยาท
นั่นเลยทำให้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่มีเรียนตั้งสิบโมง แต่ฉันดันลุกขึ้นมาตั้งแต่เข็มสั้นของนาฬิกาปัดเข้าเลขหก
ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกันยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองว่าเขานอนน้ำลายยืดหรือเปล่า ทว่ากลับไม่เป็นดังที่คิด ฉันคาดหวังจะเจอภาพหลุดของผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ ทว่าดันพบเจอแต่ความหล่อ...
ขี้โกงชะมัดเลย ขนาดหลับปานตายยังหล่อได้ขนาดนี้ กินข้าวทิพย์เข้าไปหรือยังไงกัน ฉันได้แต่นึกชื่นชมอยู่ในใจ
“อื้ออ”
หมับ!
“...”
ดวงตากลมโตเบิกโพลงทันทีเมื่อถูกคนร่างใหญ่ละเมอเข้ามาสวมกอดเอวเอาไว้แน่น นาทีนี้ใจเต้นระส่ำเหมือนจะหลุดออกมาจากอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งนิ่ง ๆ จนมั่นใจว่าเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมา ฉันจึงค่อย ๆ แงะมือของเขาออกจากเอว จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงให้เบาที่สุด
ฟูววว
โชคดีที่เขายังคงนอนหลับต่ออย่างไม่รู้เรื่อง เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรวางตัวแบบไหน ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันอึดอัดไปหมด ฉันจึงต้องรีบเข้าไปอาบน้ำจะได้ออกไปจากห้องนี้เสียที
ฉันใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่ ๆ แต่ดันลืมเสื้อผ้าเอาไว้ด้านนอก ตอนอยู่หอในก็มีแต่ผู้หญิงด้วยกัน จึงไม่ได้เคอะเขินเวลาพันผ้าผืนเดียวออกมาจากห้อง หวังว่าตอนนี้เฮียคินน์จะยังไม่ตื่นนะ
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็ยกผ้าเช็ดตัวสีขาวขึ้นมาพันรอบอกไว้แน่น สายตาก็สำรวจไปทั่วห้องว่าพอจะมีผ้าคลุมไหล่อีกสักผืนไหม แต่กลับไม่มีเลย เอาวะ! เฮียน่าจะยังไม่ตื่นหรอก
ฉันเรียกความกล้าให้ตัวเองก่อนจะปลดล็อกประตูห้องน้ำ แล้วค่อย ๆ แง้มเปิดประตู จากนั้นก็ชะเง้อคอออกไปส่องดูว่าคนบนเตียงกำลังทำอะไรอยู่ ตื่นขึ้นมาหรือยัง
และแล้วสิ่งที่เจอก็ทำให้ฉันเบิกตาโพลง นิ่งอึ้งไปกับภาพตรงหน้าจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เพราะตอนนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงได้ลุกขึ้นมานั่งอย่างง่วงซึม ในขณะที่มือของเขา... กำลังรูดสาวแก่นเนื้อที่ผงาดในช่วงเช้าตรู่
ตุบ!
โทรศัพท์ที่ฉันถือเข้าไปเปิดเพลงตอนอาบน้ำร่วงตกลงสู่พื้น เป็นเหตุให้เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมามอง แต่แทนที่เขาจะตื่นตกใจที่เห็นฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ เขากลับเพ่งมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพับเก็บอาวุธเข้าที่เดิม
“โทษที ลืมตัวน่ะ นึกว่าอยู่คนเดียว”
พูดพร้อมกับลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ทั้งที่กระบอกไม้ไผ่สีเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงกำลังดันเป้าจนตุงออกมา
เฮียคินน์เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองแล้วเดินผ่านหน้าฉันไปราวกับอากาศ และทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงฉันก็งมหาสติของตัวเองเจอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!! เฮียคินน์ อีตาบ้า!! มาทำแบบนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันเล่า ฮือออ!! บ้าที่สุด
ฉันเริ่มลุกลี้ลุกลนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็วิ่งตัวปลิวไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว ใช้เวลาไม่นานก็หยิบกระเป๋าและชีตเรียนออกมาจากห้องได้ทันก่อนที่คนในห้องน้ำจะเดินออกมา
คิดไม่ถึงเลยว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ลืมตัวหรอก แต่เขาจงใจที่จะกลั่นแกล้งฉันชัด ๆ เลย
(อะไรนะ! ผู้ชายที่แกเผลอไปวันไนท์ คือรูมเมทคนใหม่ของแกเหรอ?)
ยัยออมสินตะโกนออกมาเสียงหลงผ่านโทรศัพท์ โชคดีที่ฉันเปิดเสียงเอาไว้แล้ววางไว้ไกลตัว ไม่เช่นนั้นคงได้หูแตกแน่
“อืม... โคตรซวย”
ฉันพึมพำเสียงเบาพร้อมกับยกแซนด์วิชขึ้นมากัด ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถเพื่อรอเข้าเรียนคาบเช้าในช่วงสิบโมง
(โห โคตรพรหมลิขิต)
“พรหมลิขิตอะไรล่ะ เวรกรรมชัด ๆ”
(แล้วเป็นไง แซ่บปะ)
ปลายสายเอ่ยถามเสียงเย้าแหย่ ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“ออมสิน!”
(หึ ๆ ล้อเล่นน่า เอาอย่างงี้ไหมล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันเข้าไปหา ไปช่วยเลือกหอด้วย)
“ไม่เป็นไร แกต้องซ้อมประกวดดาวมหาลัยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างนะ เราก็อยู่ไกลกันมากด้วย”
คนปลายสายถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างเซ็ง ๆ เหตุเพราะถูกคัดเลือกให้ลงประกวด ทั้งที่เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเล็ง ๆ ไว้ที่หนึ่ง เพื่อนฉันเพิ่งให้เบอร์มา เดี๋ยวลองโทรถามเขาก่อน”
(โอเค ได้ยังไงอย่าลืมบอกด้วยนะ)
ฉันรับคำเพื่อนรักแล้วกดวางสาย ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปยังเบอร์โทรของหอพักที่เพื่อนแนะนำมา จริง ๆ ฉันควรเข้าไปดูก่อน แต่ฉันขี้เกียจขับรถเข้าไปเลยกดดูในเว็บคร่าว ๆ เห็นว่าเป็นหอพักใหม่ดูดีเลยจึงตัดสินใจโทรไปถาม ถือสายรออยู่ไม่นาน ปลายสายก็กดรับ
(สวัสดีครับ)
“สวัสดีค่ะ สตาร์อพาร์ตเมนต์ใช่ไหมคะ”
ฉันกรอกเสียงลงอย่างตื่นตัว
(ครับผม)
“มีห้องพักว่างไหมคะ”
(ตอนนี้ว่างหนึ่งห้อง อยู่ที่ชั้นห้าครับ)
“งั้นจองค่ะ มัดจำเท่าไหร่คะ เดี๋ยวตอนเย็นขนของเข้าไป”
ฉันไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสทองไว้ ทำเอาคนปลายสายงงงวย
(อ๋อ ได้ครับ คุณลูกค้าไม่เข้ามาดูห้องก่อนเหรอครับ)
“ดูในเว็บแล้วค่ะ”
ฉันบอกพร้อมกับกดเข้าแอปธนาคารเตรียมโอนเงิน หลังจากที่มัดจำไปเรียบร้อยก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในคราเดียวกันก็รู้สึกใจหายแปลก ๆ
จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่ขี้เหงามาก ไม่ชอบการอยู่คนเดียว นี่เลยเป็นเหตุผลที่ฉันย้ายเข้าไปอยู่หอใน พ่อจะซื้อคอนโดให้ก็ไม่ยอมเอา พอมาอยู่กับเฮียคินน์ มันก็ยังรู้สึกคลายเหงาลงไปบ้าง ถึงจะรู้สึกเกร็งแปลก ๆ แต่หลังจากนี้ฉันจะต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ แล้ว จะรอดไหมนะ? ขอให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีด้วยเถอะ เพี่ยง!!