“ก็หวังว่าจะได้ทุกตัวครับคุณแม่”
“ดีเลยจ้ะ ยังไงก็ฝากติวให้ฤทธิ์เค้าด้วยนะจ๊ะ เห็นว่าตั้งแต่โดมคอยติวให้ผลการเรียนลูกชายแม่ดีขึ้นเยอะเลย”
“ครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ รับรองว่าไอ้ฤทธิ์มันต้องจบด้วยเกรดสามบวกแน่นอนครับ”
เมธาวินบอกยิ้มๆ
“ดีเลยจ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่ไปบอกในครัวให้เค้าตั้งโต๊ะเลยนะจ๊ะ แล้วนี่จะค้างสักคืนมั้ยลูก”
“คงไม่ค้างครับแม่ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า แล้วผมก็ต้องไปส่งไอ้โดมกลับบ้านด้วย เอาไว้ปิดเทอมเมื่อไหร่ผมจะมาค้างยาวๆ เลยนะครับ”
เพราะคิดข้ออ้างมาแล้ว หนุ่มกะล่อนจึงได้พูดอย่างคล่องปาก
“เอางั้นก็ได้จ้ะ เสียดายพ่อกับพี่รุตเค้าไปฮ่องกงกัน เลยไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลย”
“เค้าไปฮ่องกงทำไมครับ”
“เห็นว่าไปงานประกาศรางวัลอะไรสักอย่างน่ะ พาศิลปินในค่ายไปด้วยหลายคนเลย”
“อ๋อครับ งั้นผมขึ้นไปหยิบกีตาร์ก่อนนะครับ เดี๋ยวลงมากินข้าวด้วย”
“จ้ะ”
แล้ววฤทธิ์ก็พาเพื่อนรักของเขาเดินขึ้นไปชั้นบน ก่อนที่พวกเขาจะนั่งเล่นกีตาร์กันครู่หนึ่งจึงได้ลงมากินข้าวเย็นกับมารดา จนเวลาผ่านไปถึงสองทุ่มเขาก็พาเมธาวินไปส่งที่บ้าน
ส่วนตัวเองก็ไปซ้อมมือโดยการรับหน้าที่มือกีตาร์บนเวทีที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้มาเล่นบ่อยนักเพราะไม่ได้คิดจะทำเป็นอาชีพเสริมจริงจัง แค่อยากเล่นสนุกเท่านั้นเอง
อีกทั้งการมาที่นี่ก็ทำให้คนที่รักสนุกและไม่ชอบการผูกมัดได้ ‘ของหวาน’ กลับไปกินที่ห้องอยู่หลายครั้งโดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เพราะรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาประกอบกับคารมที่ทำให้สาวๆ หลายคนแทบจะคลานขึ้นเตียงของเขาอย่างง่ายดาย
แต่การมาครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งก็ตรงที่เขาได้พบกับนักร้องสาวคนใหม่ของร้านแต่กลับเป็นคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
กัญญาดาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อก้าวขึ้นเวทีแล้วเจอกับมือกีตาร์หนุ่มหล่อที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ จนร้านแทบแตก แต่กลับเป็นคนที่เธอเหม็นขี้หน้ามากที่สุด
ทั้งสองคนไม่มีเวลาได้ทักทายกัน หรือเธออาจจะไม่ได้อยากทักกันแต่แรก เมื่อนักร้องสาวแนะนำตัวเองได้ครู่หนึ่ง เพลงแรกก็ถูกนักดนตรีบรรเลงแล้วเสียงอันทรงพลังของนักร้องสาวก็ดังขึ้นสะกดหัวใจคนฟังราวกับต้องมนต์
และแม้เพลงที่ร้องจะเป็นเพลงเก่าในยุคเก้าศูนย์ แต่เหมือนลูกค้าในร้านจะร้องตามกันได้หมดเพราะเป็นผับที่ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานกันแล้ว
ไม่อยากให้เธอต้องเจ็บ...ไม่อยากให้เธอร้องไห้อีก
เพราะฉันเอง ไม่ได้รักเธอ...อย่างที่เธอนั้นเข้าใจ
แค่อยากให้เธอเข้าใจสักหน่อย...กับสิ่งที่เธอทุ่มเททุกอย่างให้กับฉัน
ไม่มีค่าอันใด...ไม่มีทางจะทำให้ฉันนั้นรักเธอ
ได้โปรดเดินไปจากฉัน...จงทิ้งฝันที่มี...ไม่รักดี...คนคนนี้
โปรดอย่ามองกลับหลัง อย่าฝังฉันไว้ในหัวใจ
และคงไม่นานเท่าไหร่ เธอจะเจอคนที่ดี...
(เพลง ไม่รักดี โดย เปเปอร์ แจม)
หลังจากเพลงนี้ก็ยังมีอีกหลายเพลงที่ถูกขับร้องโดยนักร้องน้องใหม่ของร้าน แต่เหมือนว่าเธอจะเก็บทิปจากแขกได้มากกว่านักร้องคนอื่นเสียอีก เพราะไม่ใช่แค่เสียงอันทรงพลังสะกดใจ แต่เธอยังมีใบหน้าสวยเปรี้ยว เซ็กซี่ ขี้เล่นแบบไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่าเวลาหันไปมองทางไหนก็มีแต่คนมองตามคอแทบเคล็ด
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วฤทธิ์ได้รู้จักมุมใหม่ๆ ของเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนนี้
กัญญาดาตั้งใจจะเดินผ่านมือกีตาร์หนุ่มออกไปทางหลังร้านเพราะเธอเสร็จงานวันนี้แล้ว แต่พอก้าวออกมาจากประตู เธอก็เจอคนที่อยากจะเลี่ยงยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นพอดี
“จะกลับแล้วเหรอกุ้ง”
วฤทธิ์โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าขยี้จนมันดับสนิท จากนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางกวนๆ เหมือนทุกครั้ง
“อืม” ตอบสั้นๆ แค่นั้นเธอก็มุ่งหน้าไปยังรถของตนที่จอดอยู่ แต่อีกฝ่ายกลับเดินตามมาติดๆ
“อย่าเพิ่งกลับดิ ไปกินข้าวต้มกันมั้ย ฉันเลี้ยงเอง”
“ไม่อะ ง่วงแล้วอยากนอนมากกว่า”
“อ้อ...เพิ่งรู้ว่าเป็นเด็กอนามัยนี่เอง งั้นก็ฝันดีนะหนูน้อย”
กัญญาดาหยุดเดินก่อนจะมองเขาตาขวาง
“ใครเป็นหนูน้อย ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแล้ว พูดอะไรก็หัดใช้สมองคิดบ้างเถอะนะ อย่าให้ใครเค้ามาด่าเอาได้ว่าหล่อแต่รูปจูบไม่หอม”
“เคยจูบเหรอถึงรู้ว่าไม่หอมน่ะ” เขายังคงกวนประสาทเธอต่อไปอย่างอารมณ์ดี
“ถึงไม่เคยก็รู้ ปากหมาๆ อย่างนายก็คงมีแต่พวกผู้หญิงสิ้นคิดเท่านั้นแหละที่อยากจูบ หลีกไปวันนี้ฉันไม่อยากมีเรื่องกับใคร”
“แต่ฉันอยากมี”
“นี่นาย!”
“ใจเย็นๆ สิครับคุณกัญญาดา ที่กระผมบอกว่าอยากมีเนี่ย หมายถึงอยากมีคนนั่งกินข้าวต้มเป็นเพื่อนหรอก เอาน่า ไหนๆ วันนี้ก็บังเอิญมาขึ้นเวทีเดียวกันแล้ว ก็ถือซะว่ามีเจ้ามือเลี้ยงข้าวฟรีไง อย่าหยิ่งนักเลย ฉันรู้ว่าเธอหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“ฉันไม่หิว”
โอ้กกกก...
เสียงท้องร้องของเธอเล่นเอาวฤทธิ์ถึงกับขำพรืด ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะคว้ามือเธอไว้แล้วพาไปที่รถของเธอเอง
“นี่ปล่อยนะ บอกว่าไม่หิวไง”
“ท้องร้องซะดังลั่นยังจะบอกว่าไม่หิวอีกนะครับเจ๊ เอาน่า บอกแล้วไงว่าวันนี้เฮียเลี้ยงเอง”
“ใครอยากให้นายเลี้ยงกันล่ะ”
“ไม่มีใครอยากให้เลี้ยง แต่ฉันอยากเลี้ยงเอง โอเค๊ เอากุญแจรถมาเดี๋ยวขับเอง”