“ถามจริงนะกุ้ง”
“อะไรอีก”
“เธอเกลียดอะไรฉันนักหนาเหรอ ทั้งที่ฉันก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เธอเลยนะ ต่อให้จะชอบกวนประสาทเธอบ่อยๆ ก็เถอะ แต่ฉันก็...”
“ฉันเกลียดคนเจ้าชู้ เหตุผลแค่นี้พอมั้ย”
“เฮ้ย! แล้วคนเจ้าชู้ไปทำอะไรให้เธอ แล้วต่อให้เธอจะโดนคนเจ้าชู้ทำร้ายมาจริงๆ เธอก็ไม่ควรเหมารวมว่าผู้ชายทุกคนจะต้องเหมือนกันหมดนะ อีกอย่าง...ฉันก็เป็นเพื่อนเธอ ต่อให้ฉันจะเจ้าชู้ยังไงฉันก็ไม่ทำร้ายเพื่อนหรอก”
“ฉันรู้”
“อ้าว แล้วทำไมเธอยัง...”
“ฉันแค่ไม่อยากไว้ใจนาย ผู้ชายเจ้าชู้น่ะ...อันตรายเกินไป”
“ทำไมเธอพูดเหมือนรู้จักผู้ชายเจ้าชู้ดีล่ะ”
“เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเค้า...”
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์มือถือของวฤทธิ์ดังขึ้น
“ไลน์แมนโทรมา” เขาบอกเธอเมื่อดูหน้าจอแล้ว
“ก็รับสายสิ เค้าคงมาส่งอาหารมั้ง”
“อืม”
แล้ววฤทธิ์ก็กดรับสายก่อนจะออกไปรับอาหารที่ชั้นล่างแล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับเดินหน้ามุ่ยเข้ามาแถมเสื้อยังชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงๆ อีกต่างหาก
“ไปทำอะไรมาน่ะ ทำไมสภาพเป็นแบบนั้น” เธอถามอย่างสงสัยขณะที่เขาวางถาดพิซซ่าลงบนโต๊ะ
“ก็เจอเด็กถือแก้วน้ำแดงวิ่งมาชนน่ะสิ เดี๋ยวขอไปล้างตัวก่อนนะ เหนียวไปหมดแล้วเนี่ย”
“อือ ตามสบาย” เธอตอบเสียงเรียบก่อนจะเอื้อมมือไปแกะกล่องพิซซ่าแล้วหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ส่วนเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้กัดคำแรก ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเสียก่อน เธอจึงได้เดินไปเปิดประตูแล้วก็พบกับบิดาที่ยืนอยู่หลังประตูนั้น
“พ่อ...ทำไมพ่อถึง...”
“มีคนบอกว่าแกพาผู้ชายขึ้นห้องกลางวันแสกๆ พ่อเลยแวะมาดูหน่อย”
คำตอบนั้นเล่นเอากัญญาดาถึงกับเหยียดยิ้มมุมปาก เธอคงเข้าข้างตัวเองมากไปที่คิดว่าท่านมาเพราะคิดถึงลูกสาว ที่แท้ท่านก็มาจับผิดเธอเท่านั้น
“แหม ไม่เจอกันมาเกือบปี อยู่ดีๆ ก็โผล่มาเพราะรู้ว่าหนูพาผู้ชายขึ้นห้อง พ่อเนี่ย...เป็นพ่อดีเด่นจังเลยนะคะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะนึกว่าพ่อมาเพราะเป็นห่วง ดีที่หนูไม่ใช่พวกโลกสวยเลยรู้ว่าพ่อก็แค่ไม่อยากให้หนูทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด้วยการพาผู้ชายมากกเท่านั้น”
“เลิกยียวนกวนประสาทพ่อซะทีเถอะยัยกุ้ง สรุปว่าแกพาผู้ชายขึ้นห้องจริงรึเปล่า”
“ค่ะ หนูพาผู้ชายมาที่ห้องจริงๆ นั่นแหละ พอใจยังคะ”
“นี่แก...”
“กุ้ง ขอผ้าเช็ดตัวหน่อยสิ ชุดของฤทธิ์มัน...เอ่อ...นี่ใครเหรอ”
วฤทธิ์มองชายวัยกลางคนอย่างสงสัย
กัญญาดานึกอยากประชดบิดา เธอจึงได้เดินเข้าไปหาคนที่เปลือยท่อนบนแล้วกอดแขนเขาไว้แน่นก่อนจะซบไหล่ของเขาอย่างสนิทสนม เล่นเอาวฤทธิ์ยิ่งงงไปกันใหญ่
“ผัวจ๋า...นี่พ่อกุ้งเองแหละ ไหว้พ่อตาสิจ๊ะ”
“หา? พ่อของกุ้งเหรอ เอ่อ...สวัสดีครับคุณพ่อ”
“ใครพ่อแก! ไสหัวออกไปจากห้องลูกสาวของฉันเลยนะ”
“เอ่อ...” วฤทธิ์ถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่คนที่อยู่ข้างๆ เขากลับพูดขึ้นเสียก่อน
“พ่อมีสิทธิ์อะไรมาไล่ผัวหนูคะ นี่ห้องหนูเพราะฉะนั้นคนที่ต้องออกไปก็คือพ่อ ไม่ใช่เค้า!”
“ยัยกุ้ง! นี่แกกล้าไล่พ่องั้นเหรอ” บิดาของเธอดูจะโกรธมาก ส่วนกัญญาดาก็ปล่อยมือที่เกาะแขนของวฤทธิ์แล้วเดินเข้าไปหาท่านอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ห่างท่านเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
“ค่ะ หนูกล้าไล่พ่อเหมือนตอนที่พ่อไล่แม่หนูไปไงคะ คงเพราะเลือดพ่อในตัวหนูมันแรงน่ะค่ะ เราก็เลย...เลวพอๆ กัน”
ฉาด!
ใบหน้าหวานหันไปตามแรงมือท่ามกลางความตกใจของคนที่พลั้งมือไปและคนที่ยืนมองอยู่ ก่อนที่วฤทธิ์จะเข้าโอบกัญญาดาเอาไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าที่ริมฝีปากของเธอมีเลือดซึมออกมา เขาก็ยิ่งโกรธคนที่ทำกับเธอแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้ให้กำเนิดเธอก็ตาม
“นี่คุณลุงทำเกินไปรึเปล่าครับ กุ้งเค้าเป็นลูกสาวคุณลุงไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำรุนแรงกับเธอด้วยล่ะ”
“คือฉัน...”
“ไม่เป็นไรหรอกฤทธิ์ พ่อตบแค่นี้กุ้งไม่เจ็บเท่ากับตอนที่พ่อพาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า โดยไม่คิดเลยว่าเตียงที่ยัยพวกนั้นใช้นอนเป็นเตียงที่แม่ของกุ้งเคยนอนเหมือนกัน”
“ยัยกุ้ง พ่อเคยบอกแล้วไงว่าแกเข้าใจพ่อผิด พ่อไม่เคยไล่แม่แกออกจากบ้าน แต่เป็นแม่แกต่างหากที่ทิ้งพวกเราไป มันหนีตามชู้ไป ทำไมแกไม่ยอมเชื่อพ่อเลย”
“เพราะหนูเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นไงคะ หนูเห็นพ่อไล่แม่ไปกับตา แล้วก็เห็นพ่อพาผู้หญิงเข้าบ้านไม่เว้นแต่ละวัน หรือพ่อจะบอกว่ายัยพวกนั้นไม่ใช่เมียน้อยพ่อ เป็นแค่ลูกค้าของอู่เท่านั้นงั้นเหรอ”
“เรื่องนั้นน่ะ...”
“พอเถอะค่ะ ไม่ต้องแก้ตัวอะไรอีก วันนี้พ่อได้ตีหนูสมใจแล้วก็เชิญกลับเถอะค่ะ หรืออยากจะตบหนูอีกทีก็เชิญตามสบาย ตบเสร็จก็รีบกลับนะคะ หนูจะได้มั่วผู้ชายต่อ พอดีเราเพิ่งจะเล้าโลมกันได้แป๊บเดียวน่ะค่ะ ยังไม่ได้เอากันจริงๆ เหมือนทุกทีเลย หรือถ้าพ่ออยากเห็นหนังสดของเราสองคนก็ได้นะคะ เพราะหนูก็เคยเห็นหนังสดที่พ่อแสดงกับคนอื่นบ่อยๆ เหมือนกัน”