ยีนส์กลับมาถึงคอนโดสุดหรูของเขา ห้องพักที่มีขนาดใหญ่ สมกับฐานะลูกชายเจ้าของโรงแรมหรูชื่อดัง อันที่จริงคนเป็นแม่อยากให้เขาไปอยู่ที่โรงแรมมากกว่า แต่ทว่าเขาไม่ชอบให้ตัวเองอยู่ในสายตาครอบครัวมากเกินไป
หากไม่ได้ไปมหาลัย หรือเพื่อนสองคนชวนไปผับ เขาก็ไม่เคยออกไปไหน นิสัยจริง ๆ คือค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว นอกจากคีรินกับตะวัน เขาก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก
ยกเว้นเมื่อก่อน ที่เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดคือโซล เราสองคนคบกันตั้งแต่มัธยมต้น เรียนห้องเดียวกันมาตลอด เข้ามาเรียนมหาลัยก็ยังเรียนคณะเดียวกัน ถึงจะคนละสาขา แต่ก็ตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋ ไม่เคยมีความลับต่อกัน จนกระทั่งเกิดเรื่องเกือบสองปีก่อน ตอนเข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ ๆ
เขาชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เรียนคณะนิเทศศาสตร์ปีเดียวกัน ตามจีบอยู่สักพัก ยอมรับว่าเธอคือรักแรกของเขา เป็นผู้หญิงที่ตรงสเปกทุกอย่าง จนกระทั่งได้คบกันเป็นแฟน เพื่อนทุกคนต่างรู้จักเธอ เพราะเขาพาไปไหนมาไหนด้วยกัน ในมหาลัยก็นั่งกินข้าวด้วยกันตลอด
เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหลังจากตกลงเป็นแฟนกันทันที บางครั้งเธอก็มานอนกับเขาที่คอนโด แต่ไม่เคยให้เขาไปนอนที่คอนโดของเธอ เราคบกันได้ประมาณห้าเดือน ความสัมพันธ์ก็เริ่มระหองระแหง เป็นเธอที่มักปฏิเสธที่จะมาเจอเขา หรือให้เขาไปรับ จนเขาเก็บความสงสัยในอาการแปลกไปของเธอไม่ได้
เลยตัดสินใจตามแอบดูเธอ จนได้รู้ว่าเธอกำลังอยู่กับเพื่อนสนิทเขาอย่างโซล ตอนแรกที่รู้ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเรื่องคงแค่นั้น หรือเข้าใจผิดไปเอง แต่ทว่าเขากลับจับได้ว่าทั้งคู่เคยลึกซื้งกัน เพราะเห็นออกมาจากคอนโดด้วยกันในตอนเช้ามืด ตอนนั้นมันเหมือนถูกเพื่อนรักที่สุดหักหลัง เขากลายเป็นคนเสียสูญ เก็บตัว ไม่มาเรียนเป็นอาทิตย์ จนคีรินกับตะวันต้องมาตามที่คอนโด
เป็นเพราะคำพูดของเพื่อนสองคนที่ทำให้เขาได้สติ คิดว่าผู้หญิงแบบจูเน่ ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องเสียใจ เป็นแฟนกับเขาอยู่ดี ๆ เขาให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าโซลคือเพื่อนสนิทของเขา แต่ก็ยังไปแอบทำแบบนั้นลับหลังเขา
วันแรกที่เขากลับมาเรียน โซลก็มาขอเคลียร์ แต่ทว่าเขากลับสวนหมัดเข้าไปตรงหน้าโซลทันที ตอนนั้นเป็นใครก็คงไม่ใจเย็น ถึงแม้ว่าโซลจะพยายามอธิบายให้เขาฟัง แต่เขาก็ไม่ฟัง ต่อให้จะรักมากแค่ไหนทั้งเพื่อนทั้งแฟน แต่เขาก็ตัดทุกอย่างมาตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไม่เคยสนใจเรื่องของสองคนนั้นอีก ถึงคีรินจะบอกเขาว่า สองคนนั้นไม่ได้คบกัน และเลิกยุ่งกันตั้งแต่ตอนนั้น เห็นจูเน่ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แต่เขาก็ไม่อยากเข้าใจ และปล่อยผ่านแม้ในใจจะร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผา
มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหน้าเบอร์ที่โดนบันทึกชื่อไว้ว่ามิลลิ ผู้หญิงคนนี้เขาไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์แบบไหนกับอดีตเพื่อนรักของเขา แต่เพราะเธอทำเหมือนกับสนใจเขา ความคิดร้าย ๆ ก็เลยผุดมาตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่ที่ผ่านมาเขาจะไม่แค้นใจกับเรื่องที่ผ่านมาเลย เพียงแต่เขายังหาโอกาสแก้แค้นไม่ได้เท่านั้น
แต่ตอนนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว ไม่ว่าเธอกับมันจะมีสถานะอะไรกัน เขาจะทำให้เธอหลงเขาจนหัวปัก หัวปำ จะแย่งเธอมาเป็นของเขาให้ได้ เหมือนที่มันเคยทำกับเขาไว้
นิ้วเรียวกดปุ่มโทรออกทันที รอไม่นานเสียงหวานปลายสายก็ส่งมา
(ฮัลโหล)
"ฉันเอง...ยีนส์"
ปลายสายเงียบไป ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ
"จะคุยหรือเปล่า?"
(คะ คุยค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ)
"เธออยู่ไหน?"
(อยู่คอนโดค่ะ)
"อยู่กับใคร"
(อยู่คนเดียวสิคะ พี่ล่ะอยู่ไหน)
"อยู่คอนโดเหมือนกัน แต่เบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำ"
(โทรหาเพื่อนสิคะ พวกผู้ชายเขาไปไหนกันหลังเลิกเรียน)
คุยแค่นี้เขาก็รู้ทันที ว่าเธอเป็นคนคุยเก่ง ยิ่งหากสนิทกว่านี้ น่าจะเป็นคนที่สดใสร่าเริงพอสมควร ไม่น่าเชื่อว่าสเปกไอ้โซลจะเป็นแบบนี้
"ปกติก็ผับ แต่วันนี้ไม่ไป ฉันอยากคุยกับเธอ"
เสียงหวานเงียบไปอีกแล้ว ถ้าให้เขาเดาคงจะกำลังเขินเขาอยู่
"แล้วเธอล่ะ ไม่ไปไหนเหรอ"
(นัดกับเพื่อนไปร้านเหล้าเปิดใหม่ข้างมหาลัยค่ะ แต่ไปตอนสองทุ่ม)
"ฉันไปด้วยได้หรือเปล่า"
(หมายถึงไปนั่งกับพวกฉันเหรอคะ แบบนั้นจะดีเหรอ มิล เอ่อ ฉันคงต้องถามเพื่อนก่อน)
"แทนตัวเองว่ามิล ฉันชอบ"
(คะ...อ๋อค่ะ)
"ฉันแค่อยากไปนั่งมองหน้าเธอ ไม่ได้ไปนั่งโต๊ะเดียวกัน ได้หรือเปล่า"
(เอ่อ...แบบนั้นก็แล้วแต่พี่สิคะ ร้านนั้นไม่ใช่ของมิลสักหน่อย)
"ปกติแต่งตัวโป๊หรือเปล่า ไปร้านเหล้า"
(โป๊แบบไหนคะ แบบโชว์นะเหรอ มิลไม่ค่อยแต่งแบบนั้นคะ พี่ถามทำไมเหรอ)
"ก็ถ้าเธอเป็นคนแต่งตัวโป๊ ฉันก็อยากขอว่าต่อไปอย่าแต่งได้ไหม ฉันไม่อยากให้ใครมองเธอ)
(พี่หมายความว่ายังไง มิลอยากให้พี่พูดตรง ๆ เรื่องแบบนี้มิลไม่เข้าใจ และไม่อยากคิดไปเอง)
"ใครจะอยากให้ผู้ชายมองผู้หญิงที่เรากำลังจีบอยู่ เธอว่าหรือเปล่า"
มิลลิที่นั่งฟังสิ่งที่ยีนส์พูด ใจเธอก็เต้นรัวเร็วขึ้นมา นี่หากว่ามีเพื่อนสองคนอยู่ด้วย คงเห็นอาการเขินของเธอเป็นแน่ การที่ผู้ชายพูดแบบนี้ มันหมายความว่าเขาชอบเราเหมือนกันหรือเปล่า
"พี่สนใจมิลเหรอคะ"
หากไม่ใช่การคุยโทรศัพท์ ประโยคนี้มิลลิไม่กล้าถามออกไปแน่ แต่ตอนนี้เป็นโอกาสที่เธอจะได้รู้ว่าเธอมีสิทธิ์จะได้ไปต่อกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า
(ถ้าไม่สนใจ ฉันจะขอเบอร์เธอทำไม จะตามเธอไปที่ร้านคาเฟ่ทำไม)
"...."
(ได้ยินหรือเปล่า?)
"ดะ ได้ยินค่ะ"
(แล้วเธอล่ะ สนใจฉันไหม ยินดีให้ฉันจีบหรือเปล่า)
เขาถามมาแบบนี้ เธอควรตอบยังไง ตอบความจริงไปเลยดีไหม หรือว่าต้องกั๊กความรู้สึกเอาไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอตอนนี้มันเริงโลดดีใจกับคำพูดของเขาสุด ๆ
(ว่าไง หรือที่เธอมองฉัน ก็มองเหมือนผู้หญิงคนอื่น ไม่ได้พิเศษมากกว่าผู้หญิงพวกนั้น)
"ไม่ใช่ค่ะ มิลไม่ได้มองพี่แบบนั้น ที่มิลเดินผ่านลานเกียร์ทุกวันก็เพราะอยากเห็นหน้าพี่ค่ะ ที่วันนี้ไปกินข้าวคณะวิศวะ ก็อยากเห็นหน้าพี่เหมือนกัน"
นี่แหละข้อเสียของเธอ คือรู้สึกยังไง ไม่เคยปิดบังความรู้สึกหรือปฏิเสธใครได้เลย แบบนี้เขาจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีหรือเปล่า ที่เป็นฝ่ายชอบเขาก่อน
(งั้นแปลว่า ตอนนี้เราเป็นคนคุยกันนะ)
"ค่ะ"
หลังจากวางสาย ใบหน้าสวยก็ฟุบลงกับหมอน ก่อนจะส่งเสียงกรี๊ดออกมาอย่างอัดอั้น ตอนนี้เธอเขินจนแทบบ้า ไม่คิดว่าคนที่เธอชอบ จะมีความรู้สึกดี ๆ ให้เธอเหมือนกัน ถึงจะยังไม่ใช่ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอะไร แต่เธอก็มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เขาเริ่มสนใจเธอแล้วเหมือนกัน