ไห่มี่เฟิ่งกลับมาถึงบ้าน นางก็เข้าครัวเลย โดยให้เหม่ยเหรินเช็ดใบตองเตรียมไว้สำหรับห่อผัดหมี่พรุ่งนี้ ส่วนนางนั้นทำกับข้าวกับหุงข้าว ในโลกปัจจุบันเวลานางกลับจากทำงานหน้าที่หลักก็ทำอาหารเย็นอยู่แล้ว จึงไม่ได้ยากลำบากอะไรในเรื่องนี้นัก
หญิงสาวหยิบไข่มาตอกใส่ถ้วยสามฟองกับหั่นหงหลัวโปว(แครอท) หยางชง(หัวหอมใหญ่) ซีหงซื่อ (มะเขือเทศ) ชิ้นเล็ก แล้วตีรวมกับไข่ ตั้งน้ำมันให้ร้อนเทไข่สูง ๆ
ฉ่า!!!!
เสียงไข่กระทบกับน้ำมันร้อน ๆ ฟูเต็มกระทะส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบ้านทำให้ทั้งเหม่ยเหรินและยู่ถิงท้องร้อง
โครก!!!!
ยู่ถิงมองหน้าพี่เหม่ยเหรินแล้วก็หัวเราะคิกคิกน่ารัก ทำเอาเหม่ยเหรินหัวเราะตามนาง
“หิวข้าวแล้วใช่หรือไม่คุณหนู” เหม่ยเหรินหยอกเย้าเด็กน้อยวัยกำลังโตที่ยิ้มเขินอาย
“พี่เหม่ยเหรินก็หิวใช่หรือไม่ ยู่ถิงได้ยินน้า...” ต่างคนต่างหยอกล้อกันสร้างเสียงหัวเราะ และความครึกครื้นให้กับบ้านเป็นอย่างยิ่ง มี่เฟิ่งผัดคะน้ากับหมูกรอบอีกจานก็เป็นอันเสร็จมื้อเย็น นางยกกับข้าวมาจัดโต๊ะข้าวสวยร้อน ๆ ตักใส่ถ้วยพร้อมตะเกียบวางพร้อมแล้ว นางก็เรียกทั้งสองคนมากินด้วยกัน
“เหม่ยเหริน ยู่ถิงมากินข้าวได้แล้ว”
นี่เหมือนเสียงสวรรค์ ยู่ถิงแทบจำไม่ได้เลยว่ากินข้าวที่บ้านเฉินอิ่มอร่อยมื้อไหนกัน นางโตมาก็รู้จักความลำบากแล้ว เมื่อจากบ้านนั้นมานางกลับมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มเปื้อนหน้าเด็กน้อยทุกวัน ทำให้ไห่มี่เฟิงมีความสุข
สิ่งเดียวที่นางคิดว่าเป็นหน้าที่คือเลี้ยงลูกสาวคนนี้ให้เติบโต และหาสามีที่ดีให้นาง
“ต้านแม่ ต้านทำอาหารน่ากินอีกแล้ว ยู่ถิงเหมือนฝันไป” เด็กน้อยประจบเอาใจมารดาอย่างน่ารักทำเอาคนเป็นแม่อย่างนางฉีกยิ้มให้กับความไร้เดียงสานั้น
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ ลูกแม่ เจ้าก็ด้วยเหม่ยเหรินกินให้อิ่ม เติมข้าวเยอะ ๆ ก็ได้ข้าหุงไว้มาก”
“เจ้าค่ะนายหญิง” เหม่ยเหรินเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นางอดอยากอดมื้อกินมื้อ บางวันแทบไม่มีข้าวตกถึงท้อง เพราะบิดามารดาไม่ยอมให้นางกินของดี ๆ เก็บเอาไปบำรุงลูกชายหวังให้เป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว ลูกสาวทำงานหนักแทบเป็นลม บางวันก็กินแค่น้ำประทังความหิว
แต่เมื่อมารดาขายนางออกมา จากที่จะเป็นสตรีโดนบุรุษชั่วย่ำยี นายหญิงก็ช่วยนางไว้ได้ทัน นับว่าสวรรค์ยังเห็นใจนางให้นางได้รอดชีวิตมาได้
นางกินข้าวไปก็เช็ดน้ำตาไป เมื่อคิดถึงชะตาตัวเองที่ผ่านมา การอยู่แบบไร้ความหวังนางรู้ดีว่ามันทุกข์แค่ไหน อยู่อย่างหวาดกลัวว่ามารดาจะเอาไปขายเมื่อไหร่ มันเจ็บช้ำเพียงใด บางทีการเกิดเป็นหญิงก็สามารถมีประโยชน์ได้ไม่แพ้ชาย แต่ว่ามารดาและบิดานางไม่คิดเช่นนั้น
ไห่มี่เฟิงเห็นสาวใช้ตัวเองปาดน้ำตาปรอย ๆ ก็สงสาร ชีวิตนางคงไม่ต่างจากสองแม่ลูกนี้นัก บางทีอาจจะย่ำแย่กว่าเมื่อได้กินอาหารดี ๆ ถึงกับหลั่งน้ำตา
“กินข้าวใครเขาร้องไห้กัน เจ้ากินเยอะ ๆ กินให้อิ่ม” นางตักไข่เจียวชิ้นโตใส่ถ้วยข้าวของเหม่ยเหรินแล้วก็คีบหมูกรอบชิ้นใหญ่ ๆ ให้นาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะนายหญิง” เหม่ยเหรินอยากจะโขกศีรษะเป็นร้อยครั้งพันครั้งให้กับความใจดีของนายหญิงของตน แล้วก้มหน้ากินข้าวให้อิ่มอย่างที่นายหญิงบอก
หลังจากมื้อเย็นแสนอร่อยนางก็ล้างถ้วยล้างจานแล้วก็หั่นผักช่วยนายหญิงสำหรับทำผัดหมี่พรุ่งนี้
“นายหญิงหั่นหมดเลยหรือไม่”
ไห่มี่เฟิงกะขนาดระหว่างผักกับเส้น แต่ทว่าคนที่นี่น่าจะกินเส้นมากกว่าผัก เช่นนั้นก็หั่นสักครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน
“เท่านั้นก็พอแล้ว”
ไห่มี่เฟิงรับหน้าที่แกะเส้นเตรียมไว้พรุ่งนี้นางจะได้ลวกทีเดียวแล้วก็ผัดจะได้ไว
เมื่อดึกแล้วยู่ถิงเริ่มง่วงนางก็ให้เหม่ยเหรินเก็บของปิดบ้านให้ดีแล้วก็อาบน้ำนอน นางกล่อมลูกสาว ขณะที่นางกำลังจะปรือตาหลับระบบแมวผู้ช่วยก็แจ้งเตือน
เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!
[โย่ว...นี่คือเสียงของระบบแมวผู้ช่วย หากท่านได้รับคำชื่นชม คุณจะได้รับเงิน 1เหรียญทองแดง...ตอนนี้ท่านมีเงินในระบบเพิ่มขึ้น 10 เหรียญทองแดง] เมี้ยว!
ฮะ...แค่ได้รับคำชื่นชมนี่นะ...นี่มันระบบอะไรกันเนี่ย ชี้ช่องทางรวยเห็น ๆ
[จำนวนเงินในระบบของคุณเหลือ 40 ตำลึงทอง กับ 10 เหรียญทองแดง] เมี้ยว!
เมื่อดูเงินในกระเป๋าเงินแล้วยังเหลืออีกเยอะ แต่ว่าหากซื้อของทุกวันมันก็น้อยลง ดังนั้นนางต้องหาสิ่งของมาขายในระบบ
ไห่มี่เฟิ่งเหลือบไปเห็นแจกันลายครามน่าจะของโบราณ ที่วางประดับอยู่ในห้องนอน นางหยิบมันขึ้นมาแล้วก็เอาเข้าระบบแมวผู้ช่วย...
เมี้ยว! [แจกันสมัยราชวงศ์จงโจวมูลค่า 100 ตำลึงทอง ท่านต้องการขายหรือไม่]
OMG! แจกันเก่า ๆ ในสมัยนี้ขายได้ 100 ตำลึงทอง นางจะรอทำไมกดตกลงขายทันที โดยไม่ต้องคิดมาก
[ระบบแมวผู้ช่วยรับซื้อแจกันสมัยราชวงศ์จงโจวเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับเงินผ่านกระเป๋าเงิน โปรดตรวจสอบ หลังจากขายสินค้าแล้ว ระบบจะปิดคูลดาวน์ไม่สามารถขายของได้ 3 วัน...เมี้ยว!]
ไห่มี่เฟิงดูข้อจำกัดแล้วก็ปิดหน้าต่าง แค่นี้ก็ทำให้นางรวยไม่รู้เรื่องแล้ว ย้อนกลับมาอดีตนี่มันดีจริง ๆ นางสามารถทำเงินได้ราวกับเศรษฐีน้อยคนหนึ่ง
หึ...เจ้าสัวหรือจะรวยสู้ระบบแมวผู้ช่วยของนาง
ชีวิตในโลกปัจจุบันไม่เคยจับเงินมากมายเพียงนี้ เพียงแต่เดือนชนเดือนใช้แบบถูลู่ถูกังไปเรื่อย ๆ กลับมาโลกอดีตนางสามารถสุรุ่ยสุร่ายได้อย่างสบายนัก หรือว่านี่เป็นผลบุญที่อธิษฐานอยู่ทุกวันว่าขอให้รวยสักที
‘เป็นคนสวยนานแล้ว อยากเป็นคนรวยบ้าง’
หญิงสาวคิดเพ้อเจ้อเรื่องของตัวเองจนหลับไป และตื่นอีกครั้งตอนที่เหม่ยเหรินปลุก คงเป็นเพราะนางมีความสุขกับความร่ำรวยของตัวเองมากไปกระมังจึงตื่นสาย
เหม่ยเหรินจุดไฟให้นางเตรียมไว้แล้ว และต้มน้ำอย่างที่นัดแนะกันไว้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกโยนเข้าไปในกระทะที่มีน้ำเดือด เมื่อมันแยกตัวจากการเกาะกลุ่มเป็นก้อน นางก็ให้เหม่ยเหรินตักขึ้นกลัวมันจะอืดแล้วไม่อร่อย