ติอาโก้รับคำก็จริง แต่เสียงที่่ระรื่นจนเกินพอดีทำให้ฟาบิโอตวัดสายตาขุ่นๆ มองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วโบกมือไล่อีกฝ่ายออกไปให้พ้นหน้าพ้นตา
“นายจะไปไหนก็ไปเลยไป”
“ถ้างั้น...ผมไปห้องพักชั้นล่าง ห้องที่อยู่มุมในสุด ดีไหมครับ”
ดวงตาสีเทาอ่อนถึงกับวาวโรจน์ ใบหน้าหล่อเหลาดูตึงขึ้น จ้องหน้าบอดี้การ์ดคนสนิทคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าไม่ติดว่าเขามองว่าอีกฝ่ายเปรียบเสมือนพี่ชายแล้วละก็ ป่านนี้คงประเคนฝ่าเท้าหนักๆ ให้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะเดือดดาลอยู่มาก แต่ฟาบิโอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการข่มขู่
“ติอาโก้ นายอยากมีเรื่องกับฉันใช่ไหม”
“ผมไม่กล้าหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
ติอาโก้ว่าก่อนจะขยับเท้าออกจากห้องไป แต่ไม่วายหันมาทิ้งรอยยิ้มให้คนเป็นเจ้านายหัวเสียเล่นๆ ส่วนฟาบิโอก็มองตามแผ่นหลังของบอดี้การ์ดคนสนิทจนลับสายตา ดวงตาคู่คมยังคงวาววับ
นี่น่ะหรือที่เรียกว่าไม่กล้ามีเรื่องกับเขา
‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’
ใบหน้าของติอาโก้ยังคงมีรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่ตอนที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องทำงานของฟาบิโอ จนกระทั่งมาหยุดเท้าตรงบริเวณหน้ามุขของคฤหาสน์หลังงาม ใบหน้าของเขาจึงปรับเป็นราบเรียบมาดเข้มตามแบบฉบับบอดี้การ์ด ตรงบริเวณดังกล่าวมีบอดี้การ์ดในชุดสูทสากลสีดำสองคนเดินตรวจตราความเป็นระเบียบเรียบร้อยในยามดึกสงัด มีอีกสองคนที่เดินตรวจตราบริเวณสนามหญ้า ในส่วนของป้อมยามตรงบริเวณประตูอัลลอยด์ก็มีคนเฝ้าประจำอยู่แล้ว ในฐานะหัวหน้าบอดี้การ์ด ติอาโก้ไม่อาจวางใจได้ เขาจึงเดินตรวจตรารอบคฤหาสน์หลังงามอีกหนึ่งรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
บอดี้การ์ดหนุ่มเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกุกกักตรงบริเวณประตูเล็กที่อยู่ด้านข้างคฤหาสน์ มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อสูท กระชับปืนพกขนาดสั้นที่เหน็บเอาไว้กับซองปืนแบบสะพายไหล่เอาไว้มั่น ก่อนจะละมือออกจากกระบอกดังกล่าว เมื่อเห็นว่าผู้ต้องสงสัยเป็นใคร
‘ยายนี่อีกแล้ว’
ติอาโก้พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะขยับเท้าเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่กำลังใช้กุญแจพวงใหญ่ไขประตูอย่างเงียบเชียบ
“จะไปไหน”
เสียงทุ้มดุดันที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ร่างเล็กของวริษาสะดุ้งเฮือก พวงกุญแจที่อยู่ในมือร่วงลงสู่พื้นทั้งที่ยังไม่ทันได้จัดการไขประตูจนแล้วเสร็จ พร้อมเสียงกรีดร้องที่ดังพอประมาณ
“ว้ายยย”
“ฉันถามว่าจะไปไหน”
ติอาโก้ไม่สนใจอาการตื่นตระหนกจนเกินพอดีของอีกฝ่าย เขาออกปากถามทันทีตอนที่หญิงสาวค่อยๆ หันมามองเขาพร้อมส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้
“วุ้นจะออกไปร้านสะดวกซื้อน่ะค่ะ คุณติอาโก้อยากได้อะไรไหมคะ วุ้นจะได้ซื้อมาเผื่อ แฮะๆ”
วริษาแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ดูเหมือนว่าบอดี้การ์ดมาดเข้มอย่างติอาโก้จะไม่ได้คล้อยตามไปด้วย
“นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามแล้ว มันสมควรแล้วหรือที่เธอจะออกไปไหนมาไหนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมาหลายปี ติอาโก้จึงเชี่ยวชาญในภาษาไทยพอสมควร เรียกว่าพูดได้ราวกับเจ้าของภาษาเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการพูดประโยคยาวเหยียดด้วยภาษาไทยจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
“ก็วุ้นหิวนี่คะ แล้วอีกอย่างร้านสะดวกซื้อก็อยู่ตรงหัวมุมนี่เอง วุ้นเดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ”
ยามที่ตอบวริษายังคงฉีกยิ้มกว้าง แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของบอดี้การ์ดหนุ่มยังคงเป็นสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา หญิงสาวนึกหมั่นไส้มาดเข้มๆ ของ คุณมือขวา ซึ่งเป็นฉายาที่เธอแอบเรียกเขา แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือการฉีกยิ้มกลับไปเท่านั้น
“ถ้าเธอเป็นคนที่พอจะรู้จักกาลเทศะ เธอจะรู้ว่าดึกขนาดนี้ไม่ควรออกไปเดินเพ่นพ่านนอกคฤหาสน์แบบนั้น”
วริษาถึงกับสะอึกกับคำต่อว่าตรงๆ ของติอาโก้ หญิงสาวอยากจะโต้ตอบกลับไปบ้าง และตอนนี้เองที่ปากของเธอไวกว่าความคิด
“แหม คุณติอาโก้คะ วุ้นก็แค่หิวน่ะค่ะ และการที่วุ้นจะออกไปเดินเพ่นพ่นข้างนอกก็ไม่ได้เดือดร้อนใครนี่คะ วุ้นก็ไปของวุ้นแค่คนเดียว”
“นี่เธอ!”
ติอาโก้เอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาสีฟ้าวาววับ มองวริษาที่กล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณติอาโก้ไม่มีอะไรแล้ว วุ้นขอตัวก่อนนะคะ”
วริษาว่า คราวนี้หญิงสาวไม่สนใจคนตรงหน้าอีกแล้ว เท้าเล็กขยับหมุนตัว เตรียมใช้กุญแจไขประตู แต่ดูเหมือนว่าติอาโก้จะไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้น
“มานี่เลย”
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของวริษา ออกแรงฉุดรั้งจนร่างเล็กเซถลาเข้าปะทะกับเรือนกายกำยำ หญิงสาวพยายามขัดขืนดิ้นรน หากแต่อีกฝ่ายล็อกข้อมือเล็กของเธอเอาไว้แน่น จนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้
“ปล่อยวุ้นนะคะ”
วริษาร้องท้วง นอกจากติอาโก้จะไม่ยอมปล่อยเธอแล้ว ซ้ำยังหันมามองเธอด้วยสายตาดุดันอีกด้วย
“ไม่ปล่อย และตอนนี้เธอก็ควรจะกลับเข้าห้องไปได้แล้ว”
“วุ้นไม่กลับ”
วริษาพยายามขัดขืนดิ้นรน หากแต่หญิงสาวก็ทำได้เพียงพยายาม เพราะติอาโก้ไม่ทำแค่พูดเพียงอย่างเดียว เขาออกแรงฉุดรั้งจนเท้าเล็กต้องขยับเท้าตาม และเสียงโหวกเหวกของทั้งคู่ก็กลายเป็นจุดสนใจของบอดี้การ์ดสองคนที่กำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณดังกล่าว หนึ่งในนั้นรีบวิ่งเข้ามาหยุดเท้าตรงหน้าทั้งคู่ทันที
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณติอาโก้”
“ไม่มีอะไรหรอก นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เมื่อให้คำตอบติอาโก้ก็ลากวริษาที่พยายามขืนตัวให้ขยับเท้าตัว ปล่อยให้บอดี้การ์ดคนดังกล่าวมองตามด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังประหลาดใจไม่น้อย ไม่มีอะไร แล้วทำไมถึงได้ฉุดกระชากลากถูกันแบบนั้น แต่ไหนเมื่อคุณติอาโก้บอกว่าไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไร เมื่อคิดได้แบบนั้น บอดี้การ์ดคนดังกล่าวก็ขยับเท้ารัวเร็วกลับไปหาเพื่อนบอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนรออยู่
“ตกลงมีอะไรกันหรือเปล่า” บอดี้การ์ดอีกคนถาม
“คุณติอาโก้บอกว่าไม่มีอะไร”
“งั้นหรือ”
เมื่อได้ฟังคำตอบบอดี้การ์ดคนดังกล่าวก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ถามอะไรออกมาอีก เพราะคำพูดของติอาโก้ถือเป็นที่สิ้นสุด
“งั้นเราก็ไปเดินสำรวจรอบๆ ต่อเถอะ”
“ไปสิ”
“คุณติอาโก้ปล่อยวุ้นนะคะ”
แม้หนทางช่างดูเลือนราง แต่วริษายังคงไม่ยอมแพ้ หญิงสาวถูกติอาโก้กึ่งจูงกึ่งลากกลับมาที่ห้องพักของเธอซึ่งอยู่ชั้นล่างของคฤหาสน์หลังใหญ่ เหลือเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องพักของเธอ หญิงสาวจึงพยายามขืนตัวอย่างสุดกำลัง
ติอาโก้ไม่โต้ตอบ เขาไม่ได้หันมามองคนที่ขยับเท้าตามหลังมาติดๆ เพราะแรงบังคับเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของหญิงสาวเขาจึงได้ปล่อยมือแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน