ตกเย็น...ภัตตาคารซันไชน์
อรนลินมาทำงานด้วยท่าทีเคร่งขรึมจนเพื่อนร่วมงานต่างรู้สึกได้ ตลอดเวลาในห้วงคำนึงของหล่อนมีแต่ความคิดว่าจะทำเช่นไรถึงจะหาเงินมารักษาแม่ได้จวบจนเลิกงานหญิงสาวก็แทบจะไม่สุงสิงกับใครสักคน ขนาดกับแซนดร้าเพื่อนสนิทแท้ๆอรนลินยังไม่พูดเล่นด้วยเหมือนทุกวัน
จวบจนเวลาเลิกงาน หญิงสาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยและกำลังจะกลับอพาร์ทเมนต์รูหนูของหล่อนพร้อมกับแซนดร้าที่กำลังเล่าเรื่องราวต่างๆเจื้อยแจ้ว
“นี่อรเธอรู้ไหมว่าตลอดสามวันมานี้มาร์คัสแวะมาที่ซันไชน์ทุกวันเลยนะ ฉันล่ะกระชุ่มกระชวยทุกครั้งเลยที่เห็นหน้าหล่อๆของเขาเนี่ย” หล่อนว่าแล้วทำท่าตาลอยฝันหวานในขณะที่อรนลินได้แต่พยักหน้าเนือยๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
“อือ”
“แต่ฉันว่านะอร เขาแอบมองเธอด้วยแหละ”
แซนดร้าว่าแล้วหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ หากคนฟังถึงกับหงุดหงิดหัวเสีย หยุดจากภวังค์ความคิดของตนเองทันที
“ไม่มีทางหรอกแซนดร้า” หญิงสาวปฏิเสธเสียงห้วน “เธอก็รู้ว่าเขากับฉันมันคนละระดับ ไม่มีทางที่คนอย่างมาร์คัสจะมาสนใจฉัน”
“แต่ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะอร ฉันไม่มีวันมองผ่านเธอเด็ดขาด เธอไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าตนเองสวยขนาดไหน”
แซนดร้าค้านอย่างไม่เห็นด้วย หากอรนลินส่ายหน้าดิก
“ความสวยมันกินไม่ได้ แล้วอีกอย่างฉันมันแค่เด็กเสิร์ฟ ส่วนเขาคือใคร? มหาเศรษฐีเชียวนะ คนระดับเขาหาผู้หญิงสวยมากกว่าฉันเป็นพันเท่าได้อยู่แล้ว ไม่เอาล่ะ...เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วนะแซนดร้า ฉันไม่อยากได้ยินอีก ตอนนี้ฉันกำลังกลุ้มเรื่องแม่อยู่นะรู้ไหม?”
หญิงสาวรัวใส่เพื่อนสนิทราวกับอยากจะระบายออกมา ทำให้แซนดร้าหุบปากที่จะเอ่ยหยอกล้อเพื่อนลง แล้วถามเรื่องอัมพาที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลแทน
“แล้วตอนนี้แม่เธอเป็นไงบ้าง”
“หมอบอกว่าแม่เป็นโรคหัวใจ ตอนนี้อาการทรุดหนักพอสมควรเลย ต้องรับการผ่าตัด”
“ตายจริง!”
“ใช่...ถ้าฉันหาเงินไม่ทันต้องตายแน่ๆ”
อรนลินว่าเสียงเศร้า ทำให้แซนดร้าหน้าเสียไปด้วย
สองสาวเดินคุยกันไปจนพ้นหัวมุมถนน กำลังจะเดินเลี้ยวไปทางขวามือก็มีร่างในชุดสูทสีดำสนิทมารอดักหน้า สองสาวชะงักเท้ากึก ต่างจับมือประสานกันแน่น หน้าเสียทันควันเมื่อคิดถึงภัยอันตรายที่จะกล้ำกลายตนเองในไม่ช้า
แต่แล้วสองสาวก็คิดผิด เมื่อชายร่างสูงคนนั้นหันมาทาง อรนลินแล้วพูดว่า
“เจ้านายของผมอยากพบคุณ” เขาว่า พลางผายมือไปยังรถ ลีมูซีนที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก สองสาวมองตามแล้วหันไปมองหน้าคนพูดขวับถามว่า
“ใคร?”
ทั้งอรนลินและแซนดร้าต่างพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน
“มาร์คัส ฟาวเลอร์ หวังว่าคุณจะเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน
มิสจารดี”
ชายในชุดสูทสีดำเอ่ยนามสกุลของอรนลินออกมา แต่นั่นก็สร้างความแปลกใจให้สองสาวที่ได้แต่หันไปมองหน้ากันขวับอย่างตื่นตระหนก
มาร์คัส ฟาวเลอร์เนี่ยนะมีธุระกับอรนลิน!
แม้จะแปลกใจหากสุดท้ายสองสาวก็ตกลง แม้ตอนแรก อรนลินดึงดันจะให้แซนดร้าไปด้วยกัน แต่ดูเหมือนลูกน้องของมาร์คัสไม่ยอม สุดท้ายทั้งคู่จึงพบกันครึ่งทางโดยที่แซนดร้าจะวนเวียนรออยู่ภายนอกรถ และให้อรนลินไปเจรจากับมาร์คัสสองคนในรถลีมูซีนคันนั้น
เมื่อมาหยุดต่อหน้ามาร์คัส อรนลินก็อดประหม่าไม่ได้ ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทหรูหราพอดีตัว ท่าทางของเขาเปล่งประกายอำนาจประหลาด มันทำให้อรนลินประหม่าที่จะเผชิญหน้ากับเขา ความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงในคราแรกที่สบตาสีอำพันคู่นั้นหวนกลับมา แล้วยิ่งมองชายตรงหน้าที่มีท่าทางดึงดูด ทรงอำนาจ และเสน่ห์อันร้ายกาจก็ทำให้อรนลินก้มลงมองตัวเอง
หล่อนอยู่ในชุดเสื้อสเวตเตอร์มือสองใช้งานมาหลายปีดีดักจนสีซีดจาง เสื้อผ้ารึก็เก่าปอน ไม่เหมาะสมที่จะมานั่งอยู่ในรถหรูหราราคาแพงกับผู้ชายที่รวยล้นฟ้าแบบนี้เลยสักนิด วงโคจรชีวิตของหล่อนและเขาไม่มีวันบรรจบกันได้แต่ก็ไม่รู้ทำไมว่า...มาร์คัส ฟาวเลอร์มีธุระอะไรถึงอยากจะคุยกับหล่อน
มาร์คัสมองใบหน้าหวานใกล้ๆแบบนี้แล้วค้นพบว่าหล่อนดูเด็กกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าเพราะหน้าเด็กหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้ร่องรอยการแต่งแต้ม ไม่เหมือนในทุกคราวที่ไปนั่งมองหล่อนทำให้เขารู้สึกแปลกตา มาร์คัสค่อยๆลอบระบายลมหายใจไล่ความปรารถนาร้อนรุ่มภายในกายออกไป แต่เมื่อมองใบหน้าเรียวเล็กที่ก้มต่ำและเรือนร่างบอบบางในชุดเก่าปอนก็รับรู้ว่ามันไม่สำเร็จ
ความเงียบคลี่คลุมภายในรถผ่านไปหลายนาที อรนลินรู้สึกอึดอัดที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มาร์คัสจะพูดธุระของเขามาเสียที สุดท้ายหญิงสาวจึงถอยไปชิดประตูแล้วเอื้อมมือหมายจะเปิดประตูรถพร้อมกับพูดว่า
“ถ้ามิสเตอร์ฟาวเลอร์ไม่มีอะไรจะพูด งั้นดิฉันขอตัว...”
หากอรนลินยังพูดไม่ทันจบ มาร์คัสก็คว้าข้อมือหญิงสาวรั้งไว้ทันที “เดี๋ยว!”
อรนลินหันขวับมองอย่างตกใจ แล้วรู้สึกว่าเขามาชิดใกล้กว่าที่เคย ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
มาร์คัสพูดออกมาในที่สุด มือหนายังคงกำรอบต้นแขนเล็กไว้แน่น ดวงตาสีอำพันของเขามีแววมุ่งมาดประหลาดจนทำให้อรนลินต้องหลบสายตา หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรขัดเขา ปล่อยให้เขาพูดในสิ่งที่เขาต้องการพูดกับหล่อนออกมา
“ฉันจะพูดตรงๆกับเธอเลยนะอรนลิน...ฉันต้องการเธอ ฉันถูกใจเธอมาก ถ้าฉันต้องการให้เธอไปอยู่กับฉัน ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่”
“...”
อรนลินได้ฟังถึงกับตัวแข็ง มองเขาตาค้าง หากมาร์คัสไม่สนใจชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย หน้าตาเฉยต่อไปว่า “ถึงแม้ฉันจะเป็นคนเบื่อง่าย แต่รับรองว่าถ้าอยู่กับฉันในช่วงเวลานั้น ฉันจะดูแลเธออย่างดี เธออยากได้เงินทองเท่าไหร่ อยากได้อะไร ขอแค่บอกฉันเท่านั้น แต่ในระหว่างที่อยู่กับฉัน ขอเพียงอย่างเดียวว่าในระหว่างนั้นห้ามไปคบกับผู้ชายที่ไหนก็ตาม แต่ถ้าฉันปล่อยเธอไปเมื่อไหร่นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเธอ”
“...”
“คุณ...อยากได้ฉันไปเป็น...นางบำเรออย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ถึงขึ้นนั้นหรอก ใช้แค่คำว่าคู่นอนก็พอ นางบำเรอมันให้ความรู้สึกยาวนานเกินไปหน่อย”
มาร์คัสบอกหน้าตาเฉย หากคนฟังใบหน้าซีดเผือดและแดงก่ำสลับกัน ไม่คิดมาก่อนว่าตนเองจะโดนดูถูกถึงเพียงนี้...
“ว่าไง...ตกลงหรือเปล่า พรุ่งนี้ฉันจะได้ส่งคนไปรับเธอ เอ้อ...ว่าแต่ฉันลืมถามไป ฉันมีกฏประจำตัวอยู่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกพรหมจรรย์ พวกนี้ยุ่งยากน่ารำคาญ คิดว่าอย่างเธอคงไม่ใช่ใช่ไหม?”
เพียะ!!!
สิ้นคำถามของเขา ฝ่ามือเรียวเล็กก็ฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาคมสันเต็มแรงทันที ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหน้าหัน ใบหน้าข้างที่โดนตบชายิบทันทีกับแรงที่หญิงสาวฟาดลงมาเต็มๆ
อรนลินมองใบหน้าหล่อเหลา แต่เจ้าของมันกลับจิตใจโสมมเหลือจะกล่าวด้วยดวงตาโกรธเคือง
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ อยากจะไปตายที่ไหนก็ไป!”
ตวาดใส่หน้าอีกฝ่ายเสร็จหญิงสาวก็ผลุนผลันลงจากรถทันที เห็นแซนดร้าเพื่อนสนิทยืนอยู่ใกล้ๆก็รีบลากเพื่อนให้ออกเดินไปด้วยกัน ทิ้งให้มาร์คัสมองตามหญิงสาวอย่างแค้นเคือง อารมณ์โกรธพวยพุ่ง พร้อมกับความอยากเอาชนะก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
“s**t! ยัยบ้า!” เขาบริภาษหล่อนพลางเอามือลูบแก้มข้างที่โดนตบแรงๆ “ฉันจะเอาชนะเธอให้ได้เลยคอยดู แล้วเธอจะต้องเป็นของฉัน...อรนลิน!”