วันต่อมาอรนลินตื่นแต่เช้าตรู่ หล่อนจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินออกจากอพาร์ทเมนต์ของหล่อนไป ช่วงเช้าในทุกวันหล่อนต้องไปทำงานที่ร้านขายของชำของอาซิ้มแก่ๆย่านไชน่าทาวน์ไม่ไกลจากที่พักหล่อนมากนัก ซึ่งเป็นงานที่หล่อนทำมาก่อนที่จะไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟของภัตตาคารหรูนั่นเสียอีก หญิงสาวทำงานทุกอย่างในร้านเล็กๆนั้นเนื่องจากทั้งร้านมีหล่อนเป็นลูกจ้างเพียงคนเดียวจนถึงเวลาบ่ายสองโมงซึ่งเป็นเวลาที่ร้านปิดหล่อนก็เดินมาถึงห้องพอดี เพราะช่วงเย็นหล่อนมีงานต้องทำซึ่งก็คือที่ภัตตาคารซันไชน์นั่นเอง จังหวะที่เปิดประตูเข้ามาเสียงโทรศัพท์ก็กรีดร้องขึ้น อรนลินรีบถลาเข้าไปรับ แล้วพบว่าทางโรงพยาบาลโทรมา
“สวัสดีค่ะมิสอรนลิน จารดีใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ”
“ดิฉันโทรมาจากโรงพยาบาลนะคะ คือคุณหมอให้ดิฉันโทรมาเชิญคุณเข้าไปพบพรุ่งนี้ ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหมคะ?”
“ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอให้เข้าพบตอนไหนคะ?” หญิงสาวถามกลับ คิ้วเรียวสีน้ำตาลเข้มขมวดมุ่น หรืออาการของแม่จะทรุดหนักลงแต่ก็ไม่น่า...ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงหมอควรให้หล่อนไปพบวันนี้มากกว่า หรือว่าพวกเขาจะทวงค่ารักษา ถึงแม้แม่จะอยู่ที่นี่มานานจนได้กรีนการ์ดแล้ว สวัสดิการด้านประกันสุขภาพก็พอจะช่วยได้บ้าง แต่ค่ารักษาที่นี่ยังไงก็แพงเกินกว่าหล่อนจะจ่ายไหวอยู่ดี แล้วยิ่งแม่มาเป็นโรคหัวใจ อรนลินยอมรับตรงๆว่าตอนนี้หล่อนมืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาช่วยรักษาแม่
“บ่ายโมงค่ะ”
พนักงานโรงพยาบาลบอกหล่อนเสียงหวาน ซึ่งอรนลินก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงติดจะหนักใจว่า
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
‘มิสจารดี หมอก็ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่ว่า อาการของแม่คุณจะแย่ลงกว่านี้นะครับ ถ้าไม่รีบรักษา’
หมอเกริ่นกับหล่อนเมื่อหญิงสาวนั่งอยู่ตรงหน้าเขาเรียบร้อย นายแพทย์เบนสันเป็นชายวัยกลางคนที่ยังเรียกได้ว่าดูดีมากหากเทียบกับคนวัยเดียวกัน แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาติดจะกังวลไม่ต่างจากหล่อนเท่าใดนัก
‘ดิฉันทราบค่ะหมอ...แต่ว่า’ อรนลินอึกอัก หล่อนคิดว่าหมอก็คงจะรู้ว่าหล่อนไม่มีเงินพอจ่ายค่ารักษาที่ต้องจ่ายก่อนเลยงวดแรกนี้ หลายคนบอกให้หล่อนพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ถูกกว่าที่นี่ แต่ อรนลินไม่อยากพาแม่ไปเพราะว่าหมอที่โรงพยาบาลนี้นั้นเห็นเขาบอกกันว่ามีชื่อเสียงในการรักษาทางด้านนี้โดยเฉพาะ หล่อนเป็นลูกก็หวังอยากจะให้แม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แม้ตอนนี้หล่อนจะไม่มีปัญญาเลยก็ตาม
หมอเบนสันมองหญิงสาวท่าทางมอซอ อายุคงรุ่นราวคราวลูกเขาด้วยสายตาเห็นใจ
‘หมอเข้าใจ แต่หมอก็จนใจไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน’
‘อาการของแม่จะอยู่ได้นานแค่ไหนคะ?’ อรนลินถามด้วยใจคอไม่ค่อยดีนัก หล่อนก็ไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับเรื่องโรคพวกนี้นัก รู้แต่ว่าแม่ควรจะได้รับการผ่าตัดด่วนก็ไม่ได้สนใจฟังอีกว่าหมอบอกว่าอะไรเพราะหล่อนฟังพวกศัพท์เทคนิคการแพทย์นั้นไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
เหมือนหมอจะเข้าใจจึงตอบหล่อนสั้นๆเพียงว่า
‘หมอก็ไม่แน่ใจนะ แต่ถ้าได้รับการผ่าตัดยิ่งเร็วก็ยิ่งดี’
‘ค่ะ’ อรนลินพยักหน้ารับ หล่อนมองสบตาสีเขียวของหมอเบนสันแล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ‘งั้นหมอรอดำเนินการได้เลยนะคะ รับรองว่าไม่เกินสามวันนี้ดิฉันจะหาเงินมาชำระกับทางโรงพยาบาลให้ได้เลยค่ะ’
“อร...อร!”
อรนลินกระพริบตาถี่ๆภวังค์ความคิดที่ลอยไปถึงบทสนทนาในยามบ่ายกับนายแพทย์เจ้าของไข้มารดาทำให้หญิงสาวกลุ้มใจ แล้วดูเหมือนหลังจากนั้นหล่อนจะเหม่อลอยบ่อยๆจนแซนดร้ารู้สึกหนักใจแทน ช่วงนี้อรนลินเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ ดูเหม่อๆชอบกล สงสัยจะเหนื่อยเพราะทำงานหนัก แถมอัมพาแม่ของหล่อนก็ไม่สบายด้วย
“อะไรแซนดร้า”
“เธอเหม่ออะไรน่ะอรนลิน เดี๋ยวมาดามก็มาเห็นหรอก”
แซนดร้าถามด้วยความสงสัย อรนลินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงเอ่ยกับแซนดร้าในที่สุดว่า
“เธอช่วยฉันคิดหน่อยสิแซนว่าจะทำยังไงดี...แต่ฉันไม่มีเงินเลย” หญิงสาวพูดราวกับปรับทุกข์ ทำเอาคนฟังกระพริบตาถี่ๆเพื่อคิดว่าหญิงสาวพูดเรื่องอะไร แต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อเห็นใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายดูกลุ้มๆก็รู้แน่ว่าคิดเรื่องเดียว ไอ้ที่ทำให้เงินไม่พอก็เห็นเพราะรักษาแม่นี่แหละ!
“มันแย่ขนาดนั้นเชียว”
หล่อนถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเป็นกังวลไปกับอรนลิน ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับ
“ใช่ ฉันกลุ้มไปหมดแล้ว ไม่รู้จะหาเงินที่ไหน”
พูดจบหล่อนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาแซนดร้าพลอยทำตามไปด้วย สองสาวเงียบกันไปพักใหญ่แล้วดวงตาของแซนดร้าก็เป็นประกายเมื่อหล่อนคิดออกแล้วว่าจะหาเงินที่ไหนให้อรนลินไปรักษาแม่!
“แต่ฉันรู้แล้วล่ะอร ว่าเธอจะหาเงินจากที่ไหนได้!” แซนดร้าพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาอรนลินถึงกับมองเพื่อนสนิทของตนเองด้วยสายตางุนงง คิดไม่ทัน
“หืม...?”
หากแซนดร้ากลับฉีกยิ้มกว้าง หล่อนมองเลยผ่านอรนลินไปยังประตูของซันไชน์ที่เปิดกว้างพร้อมกับการก้าวเข้ามาภายในร้านของบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง แซนดร้ายิ้มกว้างแล้วว่า
“นั่นไง พ่อเทพบุตรของเธอเดินมาโน่นแล้ว”
“มาร์คัส ฟาวเลอร์?” หญิงสาวพูดชื่อเขาด้วยความงุนงง คราวนี้แซนดร้าหุบยิ้ม หล่อนทำหน้าขรึมแล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า
“ใช่...รับข้อเสนอของเขาซะ”
“เธออยากให้ฉันขายตัวเหรอแซนดร้า!”
ได้ฟังอย่างนั้นหญิงสาวถึงกับโวยเสียงดัง ดีที่พวกหล่อนไม่ได้อยู่แถวหน้าร้านและแซนดร้าก็ตะครุบปากเพื่อนได้ทัน หญิงสาวขมวดคิ้วตีหน้าดุใส่อรนลินแล้วพูดเสียงเบาราวกับกระซิบแต่อรนลินได้ยินชัดทุกคำ
“เธอไม่อยากให้แม่เธอหายเหรออร...แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าใคร แซนดร้า บราวด์ นักวางแผนมือโปรเชียวนะ ฉันไม่ปล่อยให้พ่อเสือหนุ่มนั่นเขมือบเธอง่ายๆแน่ที่รัก”
หล่อนว่าแล้วปล่อยมือจากปากอรนลิน หากคนฟังส่ายหน้าช้าๆไม่อยากจะเชื่อกับความคิดของแม่นักวางแผนมือโปร
“เธอบ้าไปแล้วแซนดร้า”
“เอียงหูมานี่ ฉันจะบอกแผนการคร่าวๆที่คิดให้เธอฟังก่อน แล้วถ้าเห็นด้วย หลังเลิกงานมาวางแผนกันให้มันรัดกุมกว่านี้ แค่คิดก็สนุกแล้ว แม่สาวยาจกจะหักเหลี่ยมคาสโนว่า ฮ่าๆๆ”
หล่อนกวักมือให้อรนลินเอียงหูเข้ามาชิดพลางพูดด้วยท่าทีขบขัน หากคนฟังอยากจะบ้าตายเสียให้ได้แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจฟังแผนการสดๆร้อนๆของแซนดร้าแต่โดยดี ก่อนจะเบิกตาโพลงกับสิ่งที่ได้ยินแล้วมองแซนดร้าเหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน