เวลาใกล้เที่ยงคืน ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้อง ท้องฟ้ามืดครึ้มที่สว่างวาบด้วยปรากฏการณ์จากฟ้าแลบ มองเห็นเมฆฝนที่กำลังขับเคลื่อนผ่านสายลมที่กำลังพัดไปมาอย่างไร้ทิศทาง สายฝนโปรยปรายแม้จะยังไม่ตกหนักแต่ถ้าหากไม่เร่งรีบ ก็อาจไม่ทันพายุฝนที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามา
มือหนาที่บีบกำรอบมือบาง บีบแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน จับจูงร่างบอบบางให้เดินตามขาของเขาที่ก้าวยาว จนแทบจะกลายเป็นฉุดรั้ง ลากเดิน เมื่อหญิงสาวนั้นเดินตามได้ไม่ทันใจ หากเธอก็ไม่ได้ปริปากบ่น นอกจากริมฝีปากบางนั้นที่ขบกัด ข่มความเจ็บปวดของตนเองไว้ มองแผ่นหลังหนาที่ก้าวเดินนำโดยไม่คิดหันมามองเธอเลยด้วยซ้ำ จวบจนถึงลานจอดรถและเขามั่นใจว่าคงไกลสายตาของใคร จึงปล่อยมือหญิงสาวเหวี่ยงจนสุดแรงจนเซถลาแทบจะล้มตามแรงของอีกฝ่าย
“เฟย์ทำแบบนี้ทำไม มาที่นี่ทำไม” เสียงเข้มเค้นออกมาแม้จะไม่ดังมากแต่ก็บอกอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างดี
“ว่าไงนะคะพี่วิน!” หญิงสาวหันกลับมาถาม แทบไม่เชื่อประโยคที่เปล่งออกมาจากปากของนายแพทย์หนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนรักของเธอกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขาแม้จะไม่ดังมากนัก เพราะเขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกักเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไม่ให้กราดเกรี้ยวมากไปกว่านี้
“เธอมาที่นี่ทำไม”
“มาเพราะอยากมาเห็นให้เต็มตาไง ว่าลับหลังเฟย์พี่ทำสารเลวอะไรกับเฟย์บ้าง”
“เธอว่ายังไงนะ สารเลวอย่างนั้นหรอ เห็นด้วยตาอย่างนั้นหรอ งั้นเธอก็รู้ว่าด้วย ว่าจริงๆ แล้วฉันเบื่อ ฉันรำคาญเธอมากขนาดไหน ผู้หญิงบ้าอะไรทำตัวหนอมแน้มน่ารำคาญ ทำตัวไร้เดียงสา แต่งตัวก็โคตรเชยกลับบ้านก็ต้องรีบกลับให้ตรงเวลา ทำตัวเป็นลูกแหง จะจับตัวทีก็สะดิ้งทำเป็นอายเป็นเขินท่ามากน่ารำคาญเล่นตัวอยู่นั่น รู้ไหมมันไม่ได้น่าพิศวาสหรอกนะ อยู่ด้วยแล้วมันอึดอัดโว้ย รู้ตัวไว้ด้วย” เขาตะคอกกลับด้วยเสียงที่เริ่มดังเพราะโทสะ เป็นถ้อยคำและน้ำเสียงที่อีกฝ่ายพ่นออกมาทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งงันไป ด้วยไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากปากคนรักของเธอ หญิงสาวขบเม้มริมฝีปาก กัดจนเจ็บ อารมณ์ที่กักเก็บไว้ ทั้งเสียใจ น้อยใจ หลั่งไหลเป็นน้ำตา เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าของเธอไม่ใช่คนรักคนเดิมของเธออีกแล้ว หากแต่เขาเป็นใครสักคน ใครที่เธอไม่เคยรู้จักตัวเขาเลยด้วยซ้ำ
“นี่ใช่ไหมคะ พี่ถึงไม่อยากให้ใครรู้ว่าคบกับเฟย์ พี่ถึงปิดบังเพื่อนพี่ ปิดบังทุกคน ไม่ให้เฟย์โพสรูปคู่ ไม่ให้เดินจับมือเวลามาหาที่โรงบาล ไม่ให้ตั้งสถานะ ไม่เคยแคร์ ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยคิดถึงกันเลยด้วยซ้ำ” หล่อนว่าด้วยเสียงสะอื้นไห้ เนื้อตัวสั่นเทา
“ใช่ เพราะพี่เบื่อ พี่รำคาญเธอไง แรกๆ ก็สนุกที่เธอมาคอยวิ่งตามหรอก แต่หลังๆ มันมากไปนาฬิริณท์”
“หมายความว่าไงคะ พี่วินหมายความว่ายังไง” หล่อนเสียงดังใส่ ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนั้นจากเขา หล่อนก็ยิ่งโมโห ยิ่งเสียใจ
“ก็น่ารำคาญแบบนี้ไง ฉันถึงเบื่อเธอ บอกตรงๆ เลยนะ พี่ไม่ได้อยากคบเธอเลยสักนิด แต่เธอมันตื้อ ทั้งตื้อทั้งน่ารำคาญ ดูแต่งตัวสิอย่างกับยายชี หน้าตาก็สวยหรอก แต่คิดจะคบกับนายแพทย์แบบฉันแต่แต่งเนื้อแต่งตัวแบบนี้ นี่คิดว่าวันนี้สวยที่สุดแล้วใช่ไหมนาฬิริณทร์” หล่อนนิ่งค้างไปทันที ตกตะลึงกับคำพูดทั้งหมดที่ออกมาจากใจของนายแพทย์หนุ่มที่เคยน่ารัก แสนดี แสนอบอุ่นของเธอ
“ถ้างั้นพี่วิน...เราเลิกกันเถอะค่ะ” หญิงสาวกลืนก้อนสะอื้น ความเสียใจที่ถาโถม อัดแน่นในหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำที่ไม่เคยคิดว่าจะออกจากปากของเธอ เขาเองดูเหมือนจะตระหนกตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้วในส่วนลึก มองผู้หญิงที่คอยวิ่งตามราวกับลูกหมาวิ่งตามเจ้าของ คอยเอาอกเอาใจ คอยเรียกร้องความรักจากเขา คอยงอนง้อสารพัดไม่ว่าตนเองจะถูกหรือผิด แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายขอเลิกเขาอย่างนั้นหรือทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกผู้หญิงน่ารำคาญแบบนี้
“อืม...ดี! เธอเป็นคนพูดมันออกมาเองนะ นาฬิริณทร์” ร่างสูงมองสบนัยน์ตาคู่สวยที่กำลังมองสบเขาด้วยอาการสั่นไหวระริก หยาดน้ำใสไหลอาบใบหน้าสวย จ้องมองสบตาเขานิ่ง ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถสัญชาติยุโรปสีดำเงาที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก ขับพุ่งออกไปจากตรงนั้นด้วยความเร็ว ทิ้งหญิงสาวให้ยืนเคว้งคว้างท่ามกลางสายฝนโปรยปราย และความมืดมิดที่มีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟเท่านั้น
สายฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้ทรงผมที่ดัดลอนจนสวยเมื่อหัวค่ำเปียกลู่ หยดน้ำตาคละเคล้ากับหยาดน้ำฝนที่เริ่มเทกระหน่ำคล้ายกับซ้ำเติมหัวใจที่กำลังบอบช้ำหนัก แม้จะตระหนักรู้อยู่แล้วว่านายแพทย์หนุ่มทรงเสน่ห์ผู้ซึ่งเพิ่งทิ้งสถานะคนรักให้แก่เธอ จะไม่เคยงอนง้อเธอเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่ไยดีความรักที่เธอมอบให้ แต่ส่วนลึกของหัวใจเธอก็คาดหวัง ว่าเขาจะมีใจวนรถกลับมารับเธอไม่ทิ้งให้เธอยืนอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนและความมืดมิดเช่นนี้
เนิ่นนานที่ร่างบอบบางยืนสั่นไหวระริกอยู่กับที่ ขาทั้งสองข้างคล้ายกับเหมือนถูกตอกยึดตรึงให้ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่สามารถขยับไหวกาย ด้วยร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง หัวใจที่บอบช้ำ เต็มไปด้วยเศษซากของหัวใจที่พังยับเยิน สิ้นสุดรักที่มีให้กันกว่าสามปี รักแรก รักเดียวของเธอ เธอยืนร้องไห้ท่ามกลางสายฝนอยู่ตรงนั้นและคงจะเนิ่นนาน หากทว่ากลับมีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับร่มคันใหญ่กว่าจะรู้ตัวก็หลายนาที หญิงสาวที่กำลังยืนหลับตา สะอื้นหนัก กะพริบตาปริบๆ ผ่านเลนส์แว่นสายตา แหงนเงยมองเห็นร่มที่กางกั้นสายฝนด้วยความฉงนสงสัย ก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่ในร่มหลังใหญ่คันเดียวกันด้วยความแปลกใจ สายตาที่พร่ามัวเพราะหยาดน้ำตาเพ่งมองผ่านแว่นตาเลนส์หนา มือหนาของชายหนุ่มยื่นหยิบแว่นสายตาคู่นั้นออกจากใบหน้าหวานเผยให้เห็นร่องรอยความเจ็บช้ำ น้ำตาและน้ำฝนคละเคล้ากันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ และอ่อนโยน
“อาภาคย์” หญิงสาวเรียกชื่อชายเจ้าของร่มเสียงเบา สั่นเครือ สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า ด้วยไม่คาดคิดว่าจะเจอเขาในเวลานี้ อาภาคย์ หรือคุณหมอพุฒิภาคย์ ศาตนันท์ อาหนุ่มผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์มากล้นของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ ปรากฏกายต่อหน้าเธอเวลานี้