“เจอกันจนได้นะหนูเพลง” พิมพ์ลดารู้สึกขนลุกเกรียวอย่างขยะแขยงกับน้ำเสียงนั้น แวบหนึ่งเธอนึกถึงภัทรที่แม้เขาจะให้คนติดต่อมาว่าต้องการตัวเธอ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงเขาเหมือนที่รู้สึกกับชายแก่ตรงหน้าคนนี้ ความรู้สึกที่มีต่อภัทรคือหมั่นไส้มากกว่าจะรังเกียจ แต่กับชายผู้นี้หากเธอต้องพลาดท่าเสียทีให้มันล่ะก็ เธอขอยอมตายจะดีกว่า
“แกเป็นใคร” พิมพ์ลดาเค้นเสียงถามลอดไรฟันและพยายามยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาที่คล้ายเรี่ยวแรงเธอมันจะเหลือน้อยลงไปทุกที
“จุ๊ๆ พูดไม่เพราะเลยนะหนู ฉันก็คือคนที่เคยติดต่ออยากดูแลหนูไง”
“ไปให้พ้น” ขณะไล่พิมพ์ลดาก็พยายามบังคับตัวเองให้มีสติอยู่ตลอดเวลาแม้มันจะยากขึ้นทุกที
“พี่เบลล่า แกร่วมมือกับพี่เบลล่าหลอกฉันมาใช่ไหม” พิมพ์ลดาถามด้วยความโกรธแค้นสุดขีด ทั้งโกรธตัวเองที่หลงเชื่อใจคนเลวแบบนั้นและโกรธคนเลวสองคนนี้ที่รวมหัวกัน เธอหรืออุตส่าห์อยากจากกันด้วยดีและซาบซึ้งที่อีกฝ่ายเป็นคนช่วยผลักดันให้เธอได้มีทุกวันนี้ แต่อีกฝ่ายกลับหลอกเธอมาเป็นเหยื่อให้ไอ้แก่ตัณหากลับได้อย่างเลือดเย็น
“หลอกอะไรกันจ๊ะ ใครๆ เขาก็เห็นว่าหนูเต็มใจเดินเข้ามาที่นี่เอง” ได้ยินอย่างนั้นพิมพ์ลดาก็ยิ่งแค้น
“ออกไปให้พ้น” พิมพ์ลดากระถดกายหนีเมื่อชายแก่ย่างสามขุมเข้ามาหาและเมื่อมือเหี่ยวย่นลูบไปที่ขาเธอก็รวบรวมแรงกายถีบออกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายหงายหลังเพราะไม่ทันตั้งตัว
“กรี๊ด ช่วยด้วย” หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงออกมา แต่มันช่างแผ่วเบาเหลือเกิน ยิ่งด้านนอกมีวงดนตรีแสดงสดและห้องนี้เป็นห้องวีไอพีเก็บเสียงสำหรับร้องคาราโอเกะยิ่งยากที่ใครจะได้ยินเสียงเธอ
“ร้องไปก็เท่านั้นแหละ ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอหรอก มามีความสุขกันดีกว่า เปลี่ยนจากร้องหาคนช่วยมาเป็นร้องด้วยความสุขกับฉันดีกว่า” เสี่ยวิชัยที่อารมณ์พิศวาสกำลังพุ่งพล่านย่างสามขุมเข้าหา ยิ่งได้เห็นเรือนร่างเย้ายวนที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าละลานตาอารมณ์ชายแก่ก็ยิ่งพุ่งทะยาน สายตาหื่นกระหายไล่ไปตามผิวขาวๆ ที่โผล่พ้นชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำที่ทั้งสั้นและเน้นเนินอกอิ่ม เสี่ยเฒ่ากระโจนเข้าหาแล้วฝังใบหน้าลงกับซอกคอขาวๆ พิมพ์ลดาเองก็ดิ้นสู้สุดฤทธิ์ชนิดลืมตาย ถ้าจะต้องถูกชายแก่คราวพ่อข่มขืนเธอขอสู้จนตัวตาย สายตาหญิงสาวเหลือบไปเห็นขวดไวน์ที่ตั้งไว้และโดยไม่ต้องคิดเธอก็หยิบมันแล้วฟาดใส่เสี่ยวิชัยเต็มแรง
“โอ๊ย” พิมพ์ลดาอาศัยจังหวะที่เสี่ยเฒ่าร้องโอดโอยกุมหัวที่มีเลือดสีแดงสดไหลออกมารีบพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ เธอจะไม่ยอมให้มันมาแตะต้องเธอได้เด็ดขาดไม่มีวัน แต่เพราะความมึนจากแอลกอฮอลล์และเธอมั่นใจว่าจะต้องมียาบางอย่างอยู่ในนั้นด้วยแน่ๆ ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า เพียงแค่มือจับลูกบิดประตูเธอก็ถูกระชากอย่างแรง
“กรี๊ด ปล่อย”
“เธอกล้าทำร้ายร่างกายฉันเหรอ”
“มากกว่านี้ฉันก็กล้าทำไอ้ชั่ว”
“ได้ งั้นฉันจะขย้ำเธอให้ยับเยินยิ่งกว่าหัวฉันที่แตกอีกคอยดู” เสี่ยวิชัยเลือดขึ้นหน้าที่ถูกหญิงสาวคราวลูกปฏิเสธทั้งทำร่างกายเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขา ไม่เคยเลยสักคนเดียวไม่ว่าจะสวยจะสาวและอายุอ่อนคราวลูกเหมือนพิมพ์ลดาก็ล้วนสยบให้กับเงินของเขาทั้งสิ้น พิมพ์ลดากลัวจับขั้วหัวใจเธอนึกถึงหน้าแม่และยายเพราะถ้าหากเธอถูกตาแก่คนนี้ข่มขืนเธอคงฆ่าตัวตายโดยไม่ได้มีโอกาสพบหน้าท่านทั้งสองอีก เสี่ยวิชัยกระชากแขนเตรียมจะเหวี่ยงพิมพ์ลดาไปที่โซฟาแต่ก็มีเสียงเคาะประตูขึ้นเสียก่อน
“ใครวะ อย่ามารบกวน” เสี่ยวิชัยตวาดแต่เสียงเคาะนั้นก็ยังไม่หยุด
“ช่วยด้ว…” พิมพ์ลดาที่กำลังจะตะโกนขอความช่วยเหลือโดนเสี่ยวิชัยเอามือปิดปากเอาไว้ หญิงสาวดิ้นสุดแรงเกิดและภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเธอให้รอดพ้นเงื้อมือไอ้แก่สารเลวคนนี้ ถ้าหากเธอรอดไปได้เธอพร้อมจะตอบแทนทุกอย่าง เมื่อเสียงเคาะยังไม่หยุดเสี่ยวิชัยก็เปิดออกไปอย่างหัวเสีย
“ฉันบอกว่าอย่ามา…” น้ำเสียงตวาดนั้นหายไปในลำคอเมื่อเห็นว่าหน้าประตูมีใครยืนอยู่ เสี่ยวิชัยตกใจจนเผลอปล่อยมือที่ปิดปากพิมพ์ลดาเอาไว้
“ช่วยด้วยค่ะ คุณคะช่วย…คุณ” พิมพ์ลดาไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้คือผู้ชายที่เธอเหม็นขี้หน้าที่สุด ภัทร พิริยะและลูกน้องคนสนิทของเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายอย่างพร้อมปกป้องหากเสี่ยวิชัยคิดจะแตะต้องเจ้านายของตัวเอง
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย” เสี่ยวิชัยที่กำลังอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะเจอศัตรูตัวฉกาจที่นี่ ภัทรคือคู่แข่งคนสำคัญของเขา แถมสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้หากหมอนี่นำไปฟ้องภรรยาเขาคงแย่แน่ เสี่ยวิชัยเกรงใจภรรยามากเพราะอีกฝ่ายมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีเส้นสายและมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันให้เขามีวันนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทำอะไรให้ภรรยาไม่พอใจ
“คุณช่วยฉันด้วย” ภัทรกางแขนออกรับร่างบางที่โผเข้าหา ดนัยและชานนท์รีบไปยืนขวางด้านหน้าเอาไว้ไม่ให้เสี่ยวิชัยเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังปลอบขวัญพิมพ์ลดาอยู่
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย” พิมพ์ลดาอ้อนวอนปนสะอื้นราวกับคนกำลังจะจมน้ำที่เห็นแสงสว่าง
“อย่ายุ่งเรื่องของผมเลยดีกว่าคุณภัทร” เสี่ยวิชัยพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ศัตรูรุ่นลูกรู้ว่าเขากำลังหวั่นใจแค่ไหน ภัทรมองพิมพ์ลดาสลับกับมองเสี่ยวิชัยก่อนทำท่าจะดึงแขนที่หญิงสาวเกาะไว้แน่นออก
“ไม่นะ ไม่ คุณช่วยฉันด้วย” แม้จะสงสารจนอยากกอดปลอบเธอให้หายกลัวและบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเธอนอกจากเขา แต่ภัทรก็ต้องทำใจแข็งเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
“คนสวยรู้ไหมว่าถ้าผมช่วยคุณเท่ากับผมสร้างศัตรูตัวฉกาจเลยนะ เพราะหมอนี่คือเสี่ยวิชัยเจ้าของวิชัยการช่างบริษัทคู่แข่งของผม จากที่เป็นคู่แข่งด้านงานแล้ว ผมยังจะสร้างศัตรูเพิ่มด้วยการทำให้ตาแก่นี่เกลียดขี้หน้า คุณว่ามันคุ้มไหมล่ะ”
“ไม่นะ คุณต้องช่วยฉันนะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่ช่วยฉันออกไปจากตรงนี้ที” พิมพ์ลดาระล่ำระลักอ้อนวอนเพราะภัทรคือที่พึ่งเดียวของเธอในตอนนี้ เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยฉุดเธอขึ้นจากขุมนรกที่เธอกำลังจะตกลงไป
“แต่มันก็พอจะมีทางอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตกลงไหม”
“ฉันตกลง ฉันตกลงทุกอย่าง” พิมพ์ลดาที่สติกำลังจะดับลงทุกทีรีบตอบโดยไม่ต้องคิด
“แม้ต้องมาเป็นผู้หญิงของผมแทนตาแก่นั่นน่ะเหรอ” พิมพ์ลดาชะงักกึก นี่เธอกำลังหนีเสือปะจระเข้อย่างนั้นเหรอ
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น พูดตามตรงผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าจะต้องเสี่ยงสร้างศัตรูที่มีอำนาจบารมีไม่ธรรมดาอย่างเสี่ยวิชัยมันก็ต้องมีอะไรมาแลกที่สาสมกัน อีกอย่างถ้าคุณอยู่ในฐานะผู้หญิงของผมตาแก่นั่นจะไม่กล้ามายุ่งกับคุณแน่นอนและผมก็มีวิธีทำให้หมอนั่นไม่กล้ามายุ่งกับคุณอีกตลอดชีวิต”
“แต่ถ้าคุณไม่โอเค” ภัทรแกล้งพูดพร้อมทำท่าจะดึงแขนออก พิมพ์ลดาก็รีบตอบตกลงทันที
“ก็ได้ ฉันตกลง”
“แน่ใจ?”
“ใช่ ฉันแน่ใจ”
“โอเค งั้นผมจะจัดการเอง” ทันทีที่ภัทรตอบดังนั้น สติพิมพ์ลดาก็ดับวูบไปทันที