หญิงสาวเลือกที่จะถอยหนีไม่อยากจะให้คนทั้งคู่เห็นตน แค่นี้หล่อนก็เจ็บมากแล้วเพราะไม่อยากเห็นสายตาของเขาและเธอ เพราะมันคงมีแต่ความสมเพช แล้วหล่อนก็ไม่สนอีกแล้วว่าเขาจะเป็นอะไรหรือไม่ พลางโกรธตัวเองที่สุดท้ายก็อดห่วงใยเขาไม่ได้ จนทำให้หัวใจต้องชอกช้ำอีกระลอก
ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะธามเห็นหญิงสาวเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มออกวิ่งตามพู่ไหมทันที เพราะหากไม่อธิบายคิดว่าเรื่องคงจะแย่มากไปกว่านี้
เขารู้ว่าภรรยาคงเห็นทั้งเขาและน้องสาว จนอาจจะทำให้เธอเข้าใจผิดได้ ตนไม่ได้ลืมนัด แต่มันเกิดเหตุจำเป็นจริงๆ แถมจะโทร.ไปบอกก็ไม่ได้เพราะมือถือดันแบตหมด
ชายหนุ่มวิ่งไปได้เพียงสองก้าวก็ต้องหยุดก่อนที่ใบหน้าจะเบ้ไม่น้อยเพราะรู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครง แต่กระนั้นธามก็ยังเลือกที่จะตามหญิงสาวไปโดยข่มความเจ็บไว้
ธามเร่งก้าวให้ไวกว่าเดิมเพราะเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นไปมองหัวใจก็สั่นเร็วราวกองศึก ยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องไปให้ทันเพราะเขาก็อยากจะเห็นหน้าลูกน้อย และมันก็ทันเวลาพอดี
“รอก่อนครับ ผมขอเข้าไปด้วย ผมเป็นพ่อครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณคงจำคนผิดแล้ว ลูกของดิฉันไม่มีพ่อ” เสียงสั่นบอกเร็วไว ซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับซวนเซตั้งหลักไม่ได้
“ไหม...” เรียกชื่อภรรยาเสียงแหบพร่า
“ปิดห้องได้เลยค่ะ” เมื่อเห็นพยาบาลหันมามอง หญิงสาวก็บอกฉับไว แถมยังไม่หันไปมองหน้าเขาแม้แต่น้อย
เมื่อบานประตูถูกปิดลงธามก็แทบทรงตัวไม่อยู่ นัยน์ตามีฝ้าน้ำจางๆ รื้นขึ้นมา ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกกับถ้อยคำปฏิเสธซึ่งมันส่งผลรุนแรงกับหัวใจดวงโต ธามรู้สึกเจ็บลึกอยู่ในอกและเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออก จนต้องถอยหลังไปนั่งเก้าอี้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะล้มไปกองเพราะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“พี่ธามเดินมาตรงนี้ทำไมคะ” คนที่เพิ่งไปรับยามาจำต้องร้องถามอย่างไม่เข้าใจ หล่อนบอกให้พี่ชายนั่งรอแต่พอเดินกลับมาดันไม่พบ โดยที่รสาไม่ทราบว่าพู่ไหมก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
“...” ธามไม่ได้ตอบคำถาม ต้องบอกว่าเขาไม่ได้ฟังที่น้องสาวถามด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ในหัวสมองของเขามีแต่ถ้อยคำของพู่ไหม มันวิ่งวนอยู่ในหัวสมองแถมหัวใจยังชาไปหมด
“เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ รวงไปรับยามาให้แล้ว เดี๋ยวรวงจะขับรถไปส่งพี่เอง”
“พี่ยังกลับไม่ได้ พี่ต้องรอไหมก่อนครับ” แม้จะโดนปฏิเสธ แต่เขาก็ยังจะนั่งรอแล้วกลับบ้านพร้อมกับหญิงสาว คนตัวโตไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่อธิบายไม่ได้ ธามไม่อยากให้คนตัวเล็กเกลียดตนไปมากกว่านี้
“รอทำไมคะ แม่นั่น ขอโทษค่ะ ภรรยาพี่มาโรงพยาบาลหรือคะ” ร้องถามน้ำเสียงเริ่มขุ่นและได้ยินชื่อนี้สักกี่ครั้งก็ไม่เคยชอบใจ
“ไหมมาฝากท้องครับ” ดวงตาคมเศร้าหม่นเพราะเขากลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก เขากลัวเหลือเกินว่าร่างเล็กจะกีดกัน
“แล้วแม่นั่นก็ใช้ให้พี่รอขับรถไปส่งหรือไงคะ ทั้งที่พี่ก็เจ็บ...” รสาถามน้ำเสียงฉุน
“เปล่าครับ พี่จะรอเองครับ รวงกลับไปก่อนนะครับ พี่ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่”
“งั้นก็ตามใจค่ะ” รสายัดถุงยาใส่มือพี่ชายก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไป ธามไม่ได้หันไปมองรสาสักนิด เพราะจิตใจมันจดจ่ออยู่แต่ในห้องหมายเลขสาม ธามเฝ้ารอประมาณร่วมหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องตรวจ
พู่ไหมเดินโผเผคล้ายคนหมดแรง ใบหน้านวลมีแต่ความหม่นและดวงตาก็มีน้ำใสๆ ซึ่งความผิดปกตินี้ธามก็จับมันได้ ชายหนุ่มนอกจากจะถลาเข้าไปหาอย่างไวแล้วยังร้องถามออกมาอย่างร้อนรน
“ไหม ร้องไห้ทำไมครับ ลูกเราเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แม้จะพยายามแล้วที่จะหยุดร้อง แต่หล่อนก็ยังทำไม่ได้และทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายกับหล่อนนัก
“...” เจ้าหล่อนเงียบ ประโยคยืดยาวของคุณหมอยังฝังแน่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้น หยาดน้ำตารินไหลออกมา
“ไหมผมขอร้อง บอกผมเถอะครับ” ชายหนุ่มยิ่งร้อนรนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเงียบแต่น้ำตามันไม่หยุดไหล คนตัวโตปรารถนาจะดึงร่างระหงเข้ามากกกอด แต่พู่ไหมก็เบี่ยงตัวหลบ ก่อนมือบางจะยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้งไป ธามหน้าเจื่อนไปกันใหญ่แล้วบอกเสียงพร่า
“ลูกของไหมสบายดี” นี่คงเป็นการโกหกที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของหล่อน แต่เธอไม่อยากได้ความสงสารจากเขา
“แล้วไหมร้องไห้ทำไมครับ ถ้าเป็นเรื่องผิดนัด ผมอธิบายได้” ใจยังไม่เลิกกังวล
“...”
“ผมขอแค่ไหมฟังผม” น้ำเสียงในครั้งนี้วอนขอยิ่งนัก
“แต่วันนี้ไหมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไหมอยากกลับบ้าน” วันนี้หล่อนไม่พร้อมจะฟังอะไรอีกแล้ว หัวใจดวงน้อยอ่อนล้าเกินกว่าจะรับได้ไหว ยิ่งคิดถึงสิ่งที่อาจจะต้องสูญเสียมันก็ทำให้ลมหายใจขาดห้วง หัวอกคนเป็นแม่สั่นคลอน
“ได้ครับ ผมจะพาไหมกลับบ้านครับ” ธามตอบพร้อมกับตั้งใจจะคว้าข้อมือเล็กแต่หญิงสาวก็เดินนำไปอย่างไว ธามรู้ว่าพู่ไหมคงล่วงรู้ความคิด เจ้าหล่อนถึงได้ก้าวเร็วอย่างนั้น ว่าที่คุณพ่อมีแต่ความกังวลและเขากลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อ และกลัวว่าหญิงสาวจะเกลียดตนจนหนีไป