ที่บ้านรัชพันธุ์กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานหมั้นของพี่สาวนอกไส้เธอที่จะเกิดขึ้นในอีกกว่าสัปดาห์ข้างหน้ายิ่งใกล้วันเมษยาก็เป็นกังวลวิตกจริตไปสารพัด อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใครพูดหรือทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจ ทำให้พ่อแม่เธอพลอยหัวเสียตามไปด้วย
แล้วคนที่จะซวยก็ไม่ใช่ใคร...เธอนี่แหละ!
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ณหทัยจึงออกจากบ้านมาที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำตั้งแต่เช้า ตั้งใจจะซื้อชุดทำงานติดมือสักสองสามชุดเผื่อไปสัมภาษณ์งาน หากเจ้าของบริษัทที่เธอไปฝึกงานเกิดเรียกตัวมาด่วน จะได้ไม่ฉุกละหุก
ณหทัยกดเงินจากตู้เอทีเอ็มมาหนึ่งหมื่นบาท เธอได้มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ใช้มันสมองคิดสร้างสรรค์งานกราฟิกสร้างเวบไซต์บ้าง เว็บเพจบ้าง โลโก้สินค้าให้กับกลุ่มธุรกิจรายย่อยในราคาที่ย่อมเยาว์ อาศัยการโฆษณาจากลูกค้าแบบปากต่อปาก ทำให้มีงานเข้ามาไม่ขาด ทุกวันนี้เธอมีเงินเก็บแสนต้นๆ โดยที่ไม่เคยแบมือของพ่อแม่ แม้พวกท่านจะไม่ได้ขี้เหนียว ออกจะชอบใช้เงินเลี้ยงดูเธอเสียด้วยซ้ำ คงจะกลัวคนอื่นดูถูกเธอจนพลอยทำให้พวกท่านเสียหน้าไปด้วยละมั้ง
หญิงสาวยิ้มอย่างภาคภูมิเอาเงินใส่กระเป๋าสตางค์ กำลังจะยัดใส่กระเป๋าสะพาย จู่ๆ ก็มีมือดีวิ่งมาฉกมันไปจากมือเธอ พอได้สติว่าโดนวิ่งราว ณหทัยก็วิ่งตามหัวขโมยไปติดๆ ปากก็ตะโกนขอความช่วยเหลือกลางห้างว่า
“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยจับโจรวิ่งราวที”
เธอชี้ไปยังไอ้หัวขโมยผอมกะหร่องเหมือนขี้ยา แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน เพราะมีดพับที่มันถืออยู่ในมือเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ก่อนอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งเลี้ยวหายไปตรงหัวมุม ณหทัยเร่งสปีดตามอย่างไม่ลดละ กว่าเธอจะหาเงินมาได้แต่ละบาทแสนลำบาก ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งคิดงานจนหัวผุ เรื่องอะไรจะยอมให้ไอ้คนชั่วพรรค์นั้นขโมยไปต่อหน้าต่อตาแบบหน้าด้านๆ ล่ะ
พอพ้นหัวโค้งหญิงสาวก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อพบว่าหัวขโมยถูกชายหนุ่มร่างสูงกำยำในชุดสูทสีเข้มจับทุ่มล็อกตัวกดติดกับพื้น ท่าทางฝีมือเก่งกาจไม่ใช่ย่อย พริบตาเดียวก็จัดการคนร้ายอยู่หมัดจนทำเอาเธอนึกทึ่ง รีบวิ่งเข้าไปผงกหัวกล่าวขอบคุณเขาอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยจับขโมยให้ฉัน”
“ไม่เป็นไร นี่ของเธอใช่มั้ย”
กระเป๋าเงินสีเขียวอ่อนถูกยื่นมาตรงหน้า แต่เจ้าของไม่ได้เอื้อมมือไปรับ เธอเงยหน้าขวับมองคนพูดที่น้ำเสียงช่างคุ้นหูเหลือเกิน
เพลิงคราม! เขามาอยู่ที่นี่ได้ไง?
ตอนนี้เขาควรจะอยู่คอยปลอบใจว่าที่คู่หมั้นไม่ใช่หรือ...
ณหทัยชักสีหน้าใส่คนที่ตอนนี้เกลียดยิ่งกว่าผีเสียอีก กระชากกระเป๋าเงินมาจากมือเขาแล้วเดินผ่านไปทันทีโดยไม่คิดจะเสวนาด้วย แต่ถูกรั้งไว้ทันควันด้วยมือหนาที่พันธนาการข้อมือเธอแน่น ทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้ เธอหันมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“ปล่อย!” เธอกระชากเสียงใส่เขาเช่นเดียวกับมือที่พยายามยื้อยุดดึงกลับอย่างแรง ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเย็นชา เพลิงครามหันไปสั่งการลูกน้องที่ติดตามมาให้จัดการส่งตัวหัวขโมยไปยังสถานีโรงพัก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเธอด้วยสีหน้าเย็นชาว่า
“ไม่มีคนสอนมารยาทเธอเหรอว่า ควรขอบคุณคนที่มีบุญคุณยังไง”
ณหทัยเเค่นยิ้ม
“ไม่มี! เพราะฉันมันเป็นเด็กที่มาจากสลัม ไม่ใช่ผู้ดีตีนแดงเหมือนพวกคุณ”
“งั้นก็ไม่ต้องเอา” เพลิงครามยึดกระเป๋าเงินมาจากคนอวดดี
ณหทัยตกตะลึง ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด พยายามพุ่งเข้าไปแย่งคืนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!” เธอเค้นเสียงลอดไรฟัน เมื่อเพลิงครามชูกระเป๋าเงินขึ้นสูงจนเธอไขว่คว้าเอื้อมไปไม่ถึง ซ้ำร้ายยังถูกเขารวบสองมือโอบตวัดรัดเอวดึงตัวเธอเข้ามากักขังไว้ในวงแขนแน่นหนาอีกต่างหาก จะดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
“คุณทำบ้าอะไร...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เธอแผดเสียงลั่นอย่างไม่อาย แต่กลับแลกมาได้เพียงความเฉยชาจากอีกฝ่าย เพลิงครามเอาแต่กวาดสายตามองเธอนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร มองอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าคล้ายกำลังค้นหาร่องรอยอะไรบางอย่าง
ณหทัยไม่ชอบความรู้สึกวาบหวิวราวกับถูกเขาเปลื้องผ้าอย่างนี้ ไม่ได้หวั่นไหว แต่เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังดูถูกกันอย่างแรงเสียมากกว่า จึงยิ่งฮึดออกแรงดิ้นรนมากขึ้นพยายามจะสะบัดตัวให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกเขากอดรัดแน่นขึ้นเท่านั้น ร่างกายเบียดเสียดแนบเนื้อกันและกันจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนจากตัวเขา ที่ข้างหูมีเสียงกรุ่นเข้มกระซิบดังว่า
“อย่าดิ้น!”
“งั้นคุณก็ปล่อยฉันสิ” เธอโต้กลับเสียงเขียว