"ถึงรึยังไผ่" ฉันแกล้งถามแล้วกลับไปนั่งปกติ จนน้ำอิงรีบเปลี่ยนมาเกาะที่นั่งฉันทันที
"ยังเลยแก แกหิวมั้ย? จะกินที่โรงแรมหรือไปเดินเมียงดง "
"โรงแรมก็ได้ ฉันอยากพัก"
"อ๋อ งั้นเหรอ? แต่น่าเสียดายนะ โรงแรมกับเมียงดงอยู่ใกล้นิดเดียวเอง อากาศกำลังหนาวอยากชวนไปนั่งกระดกโซจูที่ร้านกินดื่ม แล้วจะบอกอะไรให้แถวนั้นมีร้านไส้ย่างดังๆด้วยนะ ฉันไปลองมาแล้วรสชาติดีเวอร์"
น้ำอิงพูดจ้อ ราวกับเธอพยายามกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ คนบ้าอะไร...ฉันบอกว่าอยากพักผ่อน ยังเสนอให้ฉันไปนู่นไปนี่อยู่ได้
"ไผ่ล่ะ ไปมั้ย? ถ้าไผ่ไป...วาเลนก็ไป" ฉันหันไปถามแฟนที่นั่งก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ และที่ถามไม่ใช่เพราะเราตัวติดกัน หรือเปิดโรงแรมนอนด้วยกันนะ
คบมาปีนี้ปีที่ห้า เราไม่เคยนอนด้วยกันสองต่อสองเลย ทุกครั้งที่มาเกาหลีฉันกับน้ำอิงจะพักด้วยกัน เพราะหลังเรียนจบน้ำอิงสมัครแอร์มีภาษาเกาหลีที่เป็นภาษาที่สาม เธอก็ได้รูทบินเกาหลีเป็นรูทบินหลัก
และอีกอย่างถ้าฉันมาคนเดียวทิวไผ่ก็ทำงาน ฉันไม่อยากเหงาหงอยอยู่ที่ห้อง มีน้ำอิงอย่างน้อยๆก็มีเพื่อนไปนั่งคาเฟ่ดีๆ ทำผมสวยๆ ฆ่าเวลา
แต่หลังจากนี้ จากที่ฉันได้เห็นภาพนั้น ไม่รู้ว่าฉันจะคบกับเธอได้สนิทใจมั้ย...
"อื้ม ไปเมียงดงก็ได้ งั้นวาเลนกับน้ำอิงไปเดินเล่นรอนะ ไผ่จะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม"
ฉันพยักหน้าช้าๆ ขณะที่น้ำอิงดี๊ด๊าดีใจอยู่ข้างหลัง ตอนนี้ฉันไม่สบายใจเลย หวังว่าภาพที่ฉันเห็น มันไม่ได้หมายถึงน้ำอิงกำลังหยอกล้อคลอเคลียกับแฟนของฉันนะ
ขอให้ฉันแค่ตาฝาด และมันเป็นแค่มุมเท่านั้น น้ำอิงอาจจะอยากคุยกับทิวไผ่ และไม่อยากรบกวนฉันก็ได้ เธอก็เลยต้องขยับไปใกล้ๆเขา
เฮ้อ ฉันปลอบใจตัวเองแบบนั้นจนถึงเมียงดง ขณะที่ทิวไผ่นั่งรถต่อไปอีกป้ายเพื่อนำกระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม ซึ่งพอมาถึงและเดินเที่ยว น้ำอิงก็เดินควงแขนฉันดึงไปร้านนู้นร้านนี้ เธอพาไปช็อปปิ้งเลือกชุดคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ดัง ทั้งๆที่อารมณ์ฉันมันไม่เอ็นจอยเลยสักนิด
ต่อให้ฉันพยายามหลอกตัวเองแค่ไหน แต่ใจมันก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดี
"แกๆ ผ้าพันคอนี้สวยมั้ย?"
น้ำอิงดึงฉันไปดูผ้าพันคอผู้ชายแบรนด์ดังที่อยู่ในหุ่น และเมื่อฉันเหลือบไปมองเธอแว๊บนึง...ก็เห็นว่าเธอยิ้มและมองผ้าพันคอผืนนั้นตาเป็นประกาย
"แกมีแฟนแล้วเหรอ?" พอฉันถามแบบนั้น น้ำอิงก็ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
"อื้มไม่รู้สิ...ก็คุยๆกันอยู่ ฉันซื้อให้เขาดีมั้ย? ให้ก่อนหิมะแรกโรแมนติกดีนะ^^"
หิมะแรก...
คงไม่ใช่คนไทยสินะ งั้นฉันก็โล่งใจได้แล้วสิ เพราะน้ำอิงเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และคงไม่ใช่ทิวไผ่แน่นอน เพราะรายนั้นต่อให้หนาวขาแข็ง เขาก็ไม่ชอบใส่ผ้าพันคอ
"อื้มซื้อสิ ถ้าให้ดีซื้อใส่คู่กันไปเลย"
"ว้าว~แกนี่ไอเดียดีจริงๆ ใส่คู่ดูเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน งั้นฉันเข้าไปซื้อก่อนนะ เดี๋ยวไผ่มาจะได้ไปนั่งซดโซจูกับไส้ย่างกันเลย"
ฉันพยักตอบเธอ
แต่เริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นว่าน้ำอิงมีความสุขกับการเข้าไปซื้อผ้าพันคอนั้นจริงๆ
ใช่สินะ...ฉันไม่น่าคิดแบบนั้นเลย จริงๆไม่ควรระแวงด้วยซ้ำ เพราะน้ำอิงก็เป็นเพื่อนทิวไผ่มาก่อน ถ้าหากสองคนนี้ชอบพอกัน ทั้งคู่คงคบกันไปนานแล้ว
หลังจากน้ำอิงได้ผ้าพันคอทิวไผ่ก็มาถึงพอดี เราเดินเล่นย่านเมียงดงปกติ แต่แอบสงสารน้ำอิงนิดๆที่เธอไม่มีคู่เหมือนฉัน
"เลิกจับมือกันได้ป่ะ หมั่นไส้"
"ก็มันหนาวนี่น่า>[]ร้าน 남자 (นัมจา)...
กึก!
เมื่อทิวไผ่รินโซจูครบทุกแก้ว ขวดโซจูก็ถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง บรรยากาศร้านไส้ย่างนัมจาไม่ต่างจากร้านเหล้านัก เพราะกลิ่นบุหรี่ กลิ่นไส้ย่าง กลิ่นแอลกอฮอล์ มันตลบอบอวลกันไปหมด
แต่เวลาที่มาสถานที่แบบนี้กับเพื่อนฉันชอบนะ มันสนุกดี และตอนนี้เราทั้งสามคนก็เริ่มเมาแล้วด้วย โดยเฉพาะทิวไผ่กับน้ำอิง ไม่รู้อดอยากปากแห้งมาจากไหน กระดกโซจูพรวดๆ จนขวดโซจูเกลื่อนโต๊ะไปหมด
"ชนๆ ดื่มเพื่อมิตรภาพของเราาาาา~"
น้ำอิงยกแก้วช็อตโซจูขึ้น แต่ฉันยังไม่ทันยกของตัวเองขึ้นไปชนด้วยซ้ำ ทิวไผ่ก็ชน กริ๊ง! ซะก่อน
แถมทั้งสองยังยกดื่มพร้อมกันอีกด้วย
สองคนนี้คงเมามากแล้วสินะ
"อ๋า สะใจเวลาโซจูไหลลงคอว่ะ แต่เฮ้ยน้ำอิง! ฉันอยากเห็นผู้ชายคนนั้นของเธอฉิบ หล่อสู้ฉันได้มั้ยวะ?"
ทิวไผ่ชี้หน้าถามน้ำอิง จนรายนั้นยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แววตาที่เคยสดใสก็หวานเยิ้มราวกับคนเมาที่อยู่ในห้วงเพ้อฝัน
"หล่อกว่าแกเยอะทิวไผ่ เขาเป็นนักบินที่ทั้งหล่อ และรวยมาก ฉันอยากคบกับเขาชะมัด แต่ดูท่าเขาไม่จริงจังกับใครเลย"
"เหอะ งั้นเหรอ? แต่พวกนักบินเจ้าชู้จะตาย"
"ไม่เหมือนแกใช่มั้ย ฮ่าๆ แกมันรักเดียวใจเดียว~" ฉันมองทิวไผ่รอคำตอบ จนเขาหันมามองฉันกลับแล้วพยักหน้าทันที
"ใช่ ถึงฉันกับวาเลนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ฉันไม่เคยนอกใจวาเลนเลยนะ ฉันน่ะ...รักวาเลนมาก"
แค่นี้ฉันก็ใจพองโตแล้วค่ะ แต่พูดจริงๆนะ ถ้าไม่เชื่อใจคนอื่น...ฉันควรเชื่อใจแฟนตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่คบกัน ทิวไผ่ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเลยสักครั้ง
จนฉันหันไปจับมือเขา แล้วบอกเขาว่า...
"วาเลนก็รักไผ่นะ^^//"
"โอ๊ย ฉันเขินไม่ไหวแล้วเพื่อน ชนๆ วาเลนทิวไผ่จงเจริญญญญญ~"
กริ๊ง~!
เสียงแก้วช็อตชนกันอีกหลายครั้ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันของน้ำอิงทิวไผ่ ก่อนที่ฉันจะเริ่มเห็นสองคนนั้นไม่ไหว รีบเรียกเก็บตังค์และชวนทั้งคู่กลับไปนอนที่โรงแรม
วันนี้เราคงด้วยนอนด้วยกันสามคน จะไล่ทิวไผ่กลับคงไม่ได้ เพราะแค่เดินกลับโรงแรมแค่หนึ่งป้ายรถเมล์ เขาก็เดินโซซัดโซเซจะล้มแล้ว
และเมื่อมาถึงห้องพัก ฉันกับน้ำอิงก็หิ้วปีกทิวไผ่ที่เมาที่สุดไปนอนที่โซฟาแทน
ซึ่งเขาตัวหนักมาก แถมตลอดทางเดินก่อนถึงห้องก็พูดพึมพำไม่หยุด
"วาเลนนนนน ไผ่ไม่เคยนอกใจวาเลนจริงๆนะ วาเลนนนนนคร้าบบ วาเลนของไผ่~"
ฉันยืนกอดอกมองมือใหญ่ที่ปัดป่ายไปมา ก่อนที่จะส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอือมระอาให้กับแฟนตัวเอง ปกติไม่เคยดื่มเมาขนาดนี้ วันนี้เป็นอะไรของเขานะ?
"เฮ้อ ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้นะ"
"นั่นสิ...แต่ไปเถอะแก ไปนอนกัน...ฉันง่วงแล้ว ห้าว~"
น้ำอิงพูดจบก็กอดคอฉันเข้าไปในห้องนอนที่แยกอีกห้อง แต่เมื่อฉันอาบน้ำอาบท่าออกมาและจะบอกให้น้ำอิงอาบต่อ ก็เห็นว่าเธอชิงหลับไปก่อนแล้ว
ฉันจึงปิดไฟนอนบ้าง จนความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาทั้งวันกับแอลกอฮอล์ดื่มมา มันทำให้ฉันค่อยๆผล็อยหลับไป....
ปึก ปึก ปึก ปึก~
'ไผ่เบาๆสิ เดี๋ยววาเลนตื่น~ ไผ่ ไผ่~~ อ๊าส์~'
'ชู่ว เธอต่างหากที่ต้องครางเบาๆ '
'ก็อิงไม่ไหวแล้วไผ่~ มันดีมาก ไม่ไหวแล้ว~ อ๊ะ อ๊า~'
ฉันเปิดตาขึ้น...แต่นอนนิ่งและมองขึ้นไปบนเพดาน เสียงเหล่านั้นไม่ได้ดังที่เตียงข้างๆฉันหรอก แต่มันดังมาจากข้างนอกต่างหาก
เสียงเนื้อกระทบกันหนักบ้างเบาบ้าง และเสียงครางที่สุขสม มันทำหัวใจฉันแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
ฉันเจ็บจนทำอะไรไม่ถูก ขยับตัวก็ยังไม่ได้ ได้แต่นอนฟัง และปล่อยให้น้ำตาไหลเท่านั้น...
ทำไมทำแบบนี้ ?
ทำไมกล้า ?
นี่ฉันไม่ได้คิดมาก จนเก็บเอาไปฝันใช่มั้ย?!
ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก
'อะ...อ่าส์ เธอแน่นและตอดเก่งตลอดเลยนะน้ำอิง ฉันอยากเอากับเธอแบบนี้ทุกวัน~ มันดีฉิบ'
ฉันยกมือปิดปากแน่น ไม่ให้ตัวเองปล่อยเสียงสะอื้นออกมาตอกย้ำความโง่งม แต่ขอร้องแหละ...ช่วยเสร็จสักที เสร็จให้จบๆ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้นไปจบชีวิตพวกแก!!
ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก
'อ๊ะ อ๊ะ อ๊าา ขะ...ขอแรงกว่านี้ได้ไหมไผ่ อิงจะเสร็จแล้ว อิงชอบมีอะไรกับไผ่ อิงอยากให้ไผ่ทำแรงกว่านี้ '
'ได้เลยที่รัก...'
ปึก! ปึก! ปึก!
'อ๊ะ อ๊ะ อ๊า อ๊าาา ไผ่ ไผ่ขาาา~~!'