เวลาผ่านมาจวบจนสองทุ่ม รถของสามียังไม่กลับเข้าบ้าน เธอที่เป็นภรรยาของเขามาสามปีแล้วก็นั่งรอเขาตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน จวบจนวันนี้ก็ว่าได้ แม้ใจนึกอยากตัดขาด แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะเขาก็คือพ่อของน้องพิณเช่นเดียวกัน
หากไม่รักกันก็ห่วงใยกันในฐานะพ่อของลูกก็ยังดี
...เธอคิดแค่นั้น
“แม่ขา...พ่อขาทำไมยังไม่กลับคะ น้องพิณอยากให้พ่อขาเล่านิทานให้ฟัง” เด็กหญิงวัยสามขวบตัวป้อมวิ่งลงมาจากด้านบนพร้อมกับหนังสือนิทาน เพื่อถามผู้เป็นแม่ว่าเมื่อไหร่พ่อของเธอจะกลับ
“พ่อขาทำงานค่ะลูก ให้แม่ขาเล่าให้ฟังดีไหมคะ”พิมพ์พลอยพูดกับลูกสาวด้วยเสียงน่ารัก แม้ว่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเป็นพ่อนั้นอยู่ที่ใด
ตั้งแต่แต่งงานมา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะบอกเธอว่าอยู่ไหนทำอะไร แล้วจะกลับเมื่อไหร่ เธอเป็นแค่เมียที่เฝ้าบ้าน และทำงานบ้านให้เขาเท่านั้น สังคมของเขาล้วนไม่มีเธออยู่ในนั้น เพื่อนของเขาเธอไม่รู้จักสักคนเดียว ราวกับว่าอับอายที่จะพาเธอออกไปพบหน้าหรือแนะนำให้เหล่าเพื่อน ๆ รู้จักอย่างนั้น
เมียที่ไม่เชิดหน้าชูตาอย่างเธอก็ทำได้แค่นี้สินะ ทำได้แค่รอ...
“แม่ขาโทรหาพ่อขาให้หน่อยได้ไหมคะ น้องพิณคิดถึงพ่อขาแย้ววว” แววตาออดอ้อนอย่างใสซื่อของเด็กน้อยทำเอาพิมพ์พลอยไม่กล้าทำลายความหวังของลูกสาว เธอลูบหัวของน้องพิณเบา ๆ แล้วกดเบอร์โทรออกไปหาชายผู้เป็นสามี
เสียงรอสายอยู่นานเขาก็ไม่ยอมรับ เธอโทรกลับไปอีกสองรอบ เขาก็ตัดสาย เธอมองหน้าลูกสาวที่มองมาหาแม่อย่างมีความหวัง แล้วก็ใบหน้าหม่นเศร้านั้นทำให้เธออยากตบหน้าชายผู้นี้สักครั้งหากมีโอกาส
“พ่อขาไม่ยอมรับใช่ไหมคะ” เสียงสั่นเครือของลูกสาวทำเอาหัวอกคนเป็นแม่เจ็บปวด เธออยากให้ครอบครัวอบอุ่น เลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ไม่ใช่พ่อแม่ที่เกลียดกันแล้วความทรมานตกมาอยู่กับลูกเช่นนี้
เธอดึงลูกสาวมากอดไว้แน่น กลั้นก้อนสะอื้นไว้ในอกไม่ให้ลูกรู้ว่าเธอก็เสียใจเช่นกันที่เขาไม่รับโทรศัพท์เช่นนี้
“เห้ย...ไอ้ภัทร กูเห็นโทรศัพท์มึงดังหลายรอบละ ทำไมไม่รับวะ” จักรทิพย์ หรือ ร้อยตำรวจเอกจักรทิพย์หรือสารวัตจักรถาม เพราะตั้งแต่แต่งงาน นับวันได้เลยที่มันจะไม่ดื่มเหล้า ไม่รู้จะตายด้วยตับแข็งก่อนหรือแก่ตาย
“เมียกูโทรมาช่างเถอะ ไม่มีอะไรแค่ถามจะกลับเมื่อไหร่” เขาว่าปัดไป เพราะรำคาญไม่อยากได้ยินเสียง
เสียงที่ไพเราะเสนาะหูของเธอคือเสียงครางบนเตียงยามเขาเมาเท่านั้น
“ไอ้ห่า...เมียโทรมาก็ควรรับบ้าง เกิดไม่สบายมีเรื่องด่วนอะไร เมียมึงขับรถไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” จักรทิพย์เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี คนเรามักมองข้ามเรื่อง ๆ เล็กน้อย รู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจจะยื้อคนที่รักให้อยู่รอแล้ว เขาพบมาหลายคดี บ้างฆ่าตัวตาย บ้างอุบัติเหตุ บ้างก็หัวใจวายตาย เพราะคนที่บ้านละเลยแบบนี้
“ไอ้นี่ทำตัวเป็นแม่กูอีกคนละ ป่วยก็เรียกรถพยาบาลดิวะ เรียกกูจะช่วยรักษาได้หรือไง ถ้าช่วยให้สบายตัวว่าไปอย่าง”
ณัฐภัทรไม่เคยแยแสเรื่องเกี่ยวกับเมียที่เขาไม่ได้รักคนนี้เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะป่วยจะสบายดี เขาก็จิกใช้เธอทำงานบ้านเหมือนเดิม เพราะว่าเธอเลือกแล้ว เลือกที่จะเป็นเมียทาสอย่างที่คุณตาของเธอเลือกเอง
หึ...ลูกสาวยังบริสุทธิ์ส่งเข้าปากเสือเองช่วยไม่ได้
...ต้องโง่แค่ไหนถึงเชื่อว่าเขาจะหน้ามืดปล้ำยายเด็กนั่น
“เออ...กูจะคอยสมน้ำหน้า รอวันที่มึงน้ำตาเช็ดหัวเข่า” จักรทิพย์เห็นมาเยอะแล้ว
‘ตอนอยู่ไม่เห็นค่า วันหน้าไม่เห็นเขาแล้วมีอยู่จริง’
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากให้กับมุขเฟื่อน ๆ ของเพื่อนหนุ่ม ยายเด็กนั่นจะไปที่ไหนรอด คุณตาอุตส่าห์ส่งมาให้ตกนรกทั้งเป็นแบบนั้น ความรู้ก็ไม่มี เรียนจบม.ปลายก็บังคับให้แต่งงาน โคตรโบราณเลย
ขณะที่กำลังดื่มกันอยู่นั้นผู้หญิงในชุดสีดำกำมะหยี่ ประดับเลื่อมที่สะท้อนกับแสงไฟจนโดดเด่นอยู่กลางฟลอร์เต้นตรงกลางเวที เรียกสายตาของณัฐภัทรให้หยุดนิ่ง จักรทิพย์เองเมื่อเห็นเพื่อนมองไม่วางตาจึงมองบ้าง แล้วก็สะดุดกับผู้หญิงที่เพื่อนมอง
“แฟนเก่า?”
ใช่แฟนเก่าไอ้เพื่อนตัวดีนี่แหละ ที่เป็นเพื่อนกับเมียไม่รู้อีท่าไหนได้เพื่อนเป็นเมียแทน จนต้องมานั่งแดกเหล้าทุกวันนี้
“ถ่านไฟเก่าเหรอวะไอ้ภัทร”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ณัฐภัทรกระดกเหล้าสีอำพันมองเนตรนภาไม่วางตา เธอสวยขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนมากนัก ตอนนี้น่าจะเรียนจบแล้ว และเขาได้ข่าวว่าเธอคบกับหนุ่มไฮโซคนอื่นอยู่ แต่ไม่เห็นเงาของไอ้หมอนนั่น
‘หรือจะเลิกกันแล้ว?’