บทที่ 10 : เขาเมาหรือเปล่า

2282 คำ
22.25 น. @ Treter Club in Nonthaburi มัดหมี่ ร่างบางของสามสาวบอดี้สุดฮอตเรียกสายตาจากหนุ่มน้อยใหญ่ให้หันมามองยังโซนชั้นลอย VIP ของร้านเหล้าชานเมืองซึ่งใหญ่ที่สุดและดูหรูหราที่สุดในย่านนี้แล้ว แต่เทสเพลงดันเป็นแนวเพื่อชีวิต ได้ยินแว่ว ๆ จากเด็กเสิร์ฟว่าเปลี่ยนแนวเปิดเพื่อเอาใจลูกค้ากระเป๋าหนักหุ้นส่วนร้านที่มาคุยงานกันในวันนี้ แน่นอนว่าสาวสวยวัยใสอย่าง มัดหมี่ เนย และจูน ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นมาถึงนนทบุรีเพื่อมาฟังเพลงฮิตรุ่นพ่อสวนทางกับสไตล์ลูกคุณหนูดูแพง เพราะจุดประสงค์แท้จริงของวันนี้คือการทวงความยุติธรรม คืนคนดี ๆ สู่สังคม หรือเรียกอีกอย่างก็คือการเสือกเรื่องชาวบ้านที่ตัวเองมีผลพลอยได้อีกที “แกแน่ใจนะจูนว่าเด็กนั่นจะมาที่นี่” “นี่ ! ฉันรู้เสียยิ่งกว่ารู้อีก วงในบอกมาย่ะ” “ต้ายตาย...วงในด้วยว่ะ” เนยหัวเราะขำเมื่อได้ยิน “เรื่องเสือกนี่ต้องยกให้พวกแกสองคนนัมเบอร์วัน” “แหมอีเนย คนเราถ้านิสัยไม่เหมือนกันมันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะยะ แกก็ขี้เสือกไม่แพ้พวกฉันไม่งั้นจะตามมาด้วยทำไมไม่ทราบ” “หยุดทะเลาะกันก่อน” มัดหมี่เอ่ยเสียงเข้มขณะที่ละสายตามองซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่เห็นคนที่เป็นต้นเหตุทำให้ย่างกายเข้ามาที่นี่ “ถ้าเกิดไม่มานี่เสียเที่ยวเลยนะ” “จะเป็นไปได้...นั่น !” จูนพูดไม่ทันจบประโยคก็เผลอก้มหน้าทันทีที่เห็นคนซึ่งกำลังพูดถึง แต่พอคิดได้ว่าไม่รู้จะหลบทำไม ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้จักตัวเองจึงยืดตัวชูคอเป็นนางพญาอีกครั้ง “มานู่นแล้ว...เหอะ !” “...” “ตัวจริงไม่เห็นจะสวยตรงไหน ไอ้แก่นั่นทิ้งฉันเพราะอีเด็กกระโปกเนี่ยอ่ะนะ เสียศักดิ์ศรีชะมัด” ดวงตากลมเป็นประกายสามคู่ทำเนียนเหล่มองอย่างเป็นธรรมชาติไปหาร่างเล็กซึ่งดูดีในเดรสกระโปรงสั้นผ้าพลิ้วสีแดงตัดกับผิวขาวเหลือง และใบหน้ากลมราวกับเด็กน้อยขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดินไปทางโต๊ะอีกด้านซึ่งมีเหล่านักธุรกิจท้องถิ่นหลายท่านขนาบข้างไปด้วยสาวนมโตทั้งหลายแหล่ที่คราวแรกเขม่นเข้ามาหาจนออกนอกหน้าเพราะเสี่ยที่นั่งอยู่กับพวกเธอหันมามองด้วยสายตาหิวโหย คงกลัวว่าจะโดนแย่งแขก อยากจะบอกเหลือเกินว่าหางตาก็ไม่อยากจะมอง เพราะสเปคเธอมันต้องหมาเด็กสุดฮอตเท่านั้น ไม่ใช่ตาแก่หัวงูที่อายุมากกว่าบุพการีแบบนี้ “ฉันไม่แปลกใจทำไมแกถึงคิดว่าเป็นลูกผัวแก่ หน้าแม่งใสกิ๊กคอลลาเจนเต็มเปี่ยม บรรลุนิติภาวะหรือยังก็ไม่รู้” เนยกระซิบกระซาบขณะที่พิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียด แล้วหันมาหาเพื่อนอีกคน “แล้วทีนี้เอาไงอ่ะหมี่ แกมีแผนรึเปล่าวะ” มัดหมี่ปรายตามองยามที่อีกคนเข้าไปนั่งร่วมวงกับพวกเสี่ย ๆ ทั้งหลาย แล้วหันหน้ากลับเข้ามาในโต๊ะก็พูดกับเพื่อนเสียงเรียบ “ให้ดึกอีกซักหน่อยค่อยว่ากัน” เมื่อเป้าหมายติดกับ มัดหมี่ก็ยกยิ้มพอใจเอื้อมมือไปหยิบแก้วบรรจุเหล้าสีเข้มขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ วูบหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวจอมวางแผน แต่คิดไปคิดมาก็ส่ายหน้าเบา ๆ ถึงแม้ว่าความคิดของเธอจะร้ายกาจไม่ต่างอะไรจากหน้าตา แต่ต่อหน้าใครบางคนเธอจะต้องดูเป็นนางเอกเท่านั้นถึงจะถูก... 00.00 น. @ JC Club in Bangkok “ขอเหล้าฟรีขวดหนึ่งนะครับพี่พัชร์” “มีแต่ตีน เอามั้ยล่ะไอ้มาร์‍ช ?” “โห่ไรวะ...กับน้องนุ่งนี่ยังมาโหดใส่ ใจร้ายโคตร” “ใจร้ายเหรอนี่มันขวดสองแล้ว ใจคอจะขอแดกฟรีทั้งปีทั้งชาติเลยรึไง ร้านกูจะเจ๊งเพราะพวกมึงนี่แหละ” “อย่างน้อยก็จ่ายค่ามิกซ์เซอร์นะ” ภูวพัชร์ เจ้าของผับดังย่านบรรทัดทองกลอกสายตาให้เด็กหนุ่มเพื่อนมัธยมฯ อายุอานามเท่า ภูวินท์ [1]น้องชายของเขา เป็นไอ้เด็กก๊วนเดียวกันที่ชอบสร้างปัญหาให้เขาไม่เว้นวัน ขนาดที่ตอนนี้โตเป็นควายกันแล้วก็ยังทำให้เขาปวดหัวไม่ว่างเว้นเช่นเดิม นี่ยังดีนะ หากเป็นก่อนหน้าที่ภูวินท์ไม่ได้เรียนหนักเพราะสอบเข้าหมอ หรือนธีที่ชิ่งมีเมียไปก่อนคงได้วุ่นวายยิ่งกว่านี้อีก เอ้อจริงสิ...เห็นทั้งสองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ “อาร์เจ” อาร์เจเงยหน้าจากแก้วเหล้าในมือของตัวเองขณะที่กำลังขำเพื่อนที่ทำทีขอเหล้าฟรีประหนึ่งคนมีมารยาทไปงั้น ๆ ทั้งที่เจ้าตัวเดินถึงขวดและหยิบติดมือมาแล้ว ก่อนเงยหน้าไปยังพี่ชายเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วขานรับ “ครับพี่ ?” “กูลืมบอก เดือนที่แล้วมีผู้หญิงมาถามหา” ทั้งที่เป็นเวลาล่วงเลยนานประมาณหนึ่ง แต่ภูวพัชร์ก็ยุ่งเกินกว่าจะเจอหน้า ถึงเขาจะรู้ว่าทั้งสองมาร้านเกือบทุกคืนแต่ก็อยู่บริเวณด้านล่าง วันนี้เห็นว่าเขาไม่มีธุระที่ไหนพวกมันจึงขึ้นมาทักทาย “ใครวะพี่” คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างมาร์‍ชเอ่ยปากถามแทน “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เขาถามผ่านลูกน้องกู กูก็เลยไม่เห็นหน้า” “ถามว่าอะไร” “เขาบอกว่าอยากคุยด้วยมั้ง หึ ! มีโน้ตฝากไว้ด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าทิ้งไปยัง” ภูวพัชร์พูดกลั้วขำรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย อาร์เจนี่คนดังเชียวล่ะ สิ่งนี้ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร แต่เพราะก่อนหน้านี้ที่มีแฟนจึงเลี่ยงตลอด แต่หลังจากโสดก็เห็นเก็บคอนแท็กทุกคน “...” “อ๋ออยู่นี่” ไม่นานมือหนาก็ยื่นให้มาร์‍ชซึ่งกำลังเดินผ่านไปพอดี ใบหน้าหล่อร้ายจ้องกระดาษสีขาวเพื่ออ่านข้อความก่อนที่จะหลุดขำพรืด “เดี๋ยวนี้ผู้หญิงบางคนก็เสี่ยวเกิน” “...” เจ้าของตัวจริงหยิบกระดาษมาดูหลังจากเห็นเพื่อนอมยิ้ม พอก้มดูก็กะพริบตาปริบ ๆ เพราะเนื้อหาเป็นชื่อแอ็กเคานต์ไอจี เบอร์โทรศัพท์ ชื่อคอนโด ตามมาด้วยเลขห้อง กำลังจะเอี้ยวไปหยิบโทรศัพท์ แต่ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะ เพื่อนที่เหมือนจะรู้ความคิดเป็นอย่างดีก็ดันหน้าจอจากมือถือตัวเองมาให้อย่างกับรู้ใจ “ตรงสเปคมึงเลย” ภาพมีเป็นร้อย แต่รูปที่เพื่อนโชว์ให้ดูเป็นรูปเจ้าของแอ็กเคานต์ผิวขาวสว่างอยู่ชุดบิกีนี่สีครีมที่แทบจะกลืนไปกับผิวของเธออยู่ในสระน้ำเนื้อตัวที่โผล่พ้นน้ำเกาะพราวไปด้วยหยาดน้ำให้ความรู้สึกดึงดูด แต่แล้วอาร์เจก็ระบายลมหายใจนิ่งส่ายหน้าไม่ใส่ใจ “ไม่ตรง” “ปากแข็งว่ะ” มาร์‍ชเบ้หน้าหมั่นไส้ มือก็หมุนฝาเกลียวเปิดเหล้าขวดใหม่ “แต่มึงจะสนใจหรือไม่สนใจก็เท่านั้นแหละ นานเป็นเดือนแล้วเขาคงหนีไปมีผัวแล้วมั้ง” “งั้นแหละ” เห็นท่าทางคล้ายคนไร้ความรู้สึกของอาร์เจมาร์‍ชก็เริ่มเซ็ง เอียงหน้าไปหาพี่ชายที่ครองโสดมานานเพราะงานยุ่ง เขาก็ฟ้อง “พี่พัชร์ เดี๋ยวนี้ไอ้ตี๋แม่งใช้ชีวิตจืดชืดฉิบหายเลยอ่ะ อุตส่าห์โสดทั้งที” “หือ ?” “พี่ก็รู้ใช่มั้ยว่ามันชอบแนวไหน แต่ตอนนี้เล่นแนวเรียบร้อย พูดน้อย น่ารักไปนู่น แล้วก็เฉื่อยใส่เขา หัวจะปวด” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง” “พี่มาลองเป็นผมดูดิ จะได้รู้ว่าอึดอัดแค่ไหน” “...” เมื่อพี่ชายเงียบมีเพียงสายตาซึ่งกำลังจับจ้องมา อาร์เจก็เงยหน้าไปมองพบว่าคนแก่กว่าเลิกคิ้วถามว่าจริงอย่างที่มาร์‍ชพูดหรือเปล่า หรือไม่ก็ถามหาเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น ...ในวันที่เกิดเรื่องแฟนเก่าหลอกน้ำอิงเพื่อมาทิ้งไว้กับผู้ชายต้นเหตุหลักคือความคิดไปเอง เธอโกรธเขาและเริ่มทำร้ายคนรอบ ๆ ข้าง ที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเลิกกันเพราะคนอื่น ก็เป็นที่ร้านนี้นี่แหละ ที่นธีโกรธแทบซัดพวกที่ถูกจ้างมาจนร้านแทบจะพัง เจ้าของร้านเมื่อซักไซ้ไล่เลียงถึงกับปวดหัวแต่สุดท้ายก็เข้าใจในความเลือดร้อนจึงไม่ได้เอาความอะไร “ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองรับมืออะไรไม่ค่อยได้เวลาที่รักใครซักคน เลยคิดว่าถ้าอยู่กับคนที่ปัญหาไม่เยอะมากก็คงจะดี” “จะบอกว่าเข็ด ?” “ครับ” อาร์เจตอบเสียงเรียบพร้อมพยักหน้า “ก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้มึงต้องอึดอัดขนาดนั้นมั้ยไอ้มาร์‍ช มึงก็เวอร์เกิน คนเรามันก็เปลี่ยนความชอบได้ โตขึ้นอะไร ๆ ก็เปลี่ยน” คนแก่กว่าผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเอ่ยบอกน้อง แต่มาร์‍ชกลับส่ายหน้ารัว ๆ เพราะบอกว่านั่นไม่ใช่ประเด็นเลย “ถ้ามันชอบจริงผมจะไปว่าอะไร” เหล่มองเพื่อนเล็กน้อยก่อนถอนหายใจเขาก็พูดต่อ “กูพูดตามตรงได้ไหมล่ะ” “อะไร” “กูเห็นแต่ละคนที่มึงพาเข้ามาในชีวิตไม่เห็นมึงจะชอบเขาซักคน สุดท้ายแล้วก็มีแต่จะเสียเวลากันทั้งคู่” มาร์‍ชพูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ที่บอกว่าอึดอัดเขาไม่ได้แค่พูดเล่น เพราะเวลาเห็นวูบหนึ่งในสายตาเพื่อนที่มองไปยังคนคุยด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ไร้ซึ่งเสน่หามันทำให้เขารู้สึกสงสารทั้งเพื่อนและผู้หญิงคนนั้น “เอาเถอะ เรื่องของเพื่อนก็คือเรื่องของเพื่อน มึงก็เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไอ้มาร์‍ช” ภูวพัชร์พูดเพื่อเบี่ยงประเด็น เขาก็พอจะเข้าใจทั้งคู่ แต่ก็รู้อีกเหมือนกันว่าบางครั้งคนเราก็อาจจะมีช่วงเวลาที่หลงทางได้บ้าง เดี๋ยวเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงทางตันก็คงจะรู้ตัวเอง หรือบางทีก็อาจจะแค่อยากเดินไปเรื่อยเปื่อยเพราะยังไม่เจอทางที่อยากไปจริง ๆ มันก็แค่นั้น “โห่อะไรวะพี่ ผมพูดเพื่อให้พี่ช่วยเตือนมันนะ ไม่ใช่ให้ด่าผม” “กูว่ามันก็ฟังนั่นแหละแล้วก็คงรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ อย่าเป็นห่วงเกินเหตุ โต ๆ กันแล้ว” “ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาล่ะสิไม่ว่า” “...” ภูวพัชร์ทำหน้าเอือมใส่ไอ้เพื่อนรักสองตัวที่นิสัยต่างกันแทบจะสุดขั้ว อีกคนปากเก่ง อีกคนก็หนีปัญหาเก่งโดยการเงียบ แต่แม่งก็เห็นอยู่ด้วยกันได้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แต่ก่อนที่จะได้เป็นประสาทกันตายเสียงโทรศัพท์ของใครบางคนก็ดังขึ้น เป็นมาร์‍ชที่เอื้อมไปหยิบของตัวเองก่อนจะหรี่ตาพร้อมบ่นพึมพำ “ก่อเรื่องอะไรอีกรึไงวะ” ส่งสายตาหวาดระแวงไปที่โทรศัพท์ซึ่งมีบันทึกเด่นหราอยู่ที่หน้าจอว่า ‘เจ่เจ๊’ ก็กดรับสาย “ว่าไงเจ๊” “...” “ไปเองแต่กลับเองไม่ได้ตลอดเลยเป็นอะไรฮะ !” “เฮ้ย...เบาหน่อยไอ้ห่า” ภูวพัชร์สะดุ้ง ละสายตาจากเปลนตึกบนโต๊ะทำงานที่ตั้งใจจะขยายสาขา เมื่อได้ยินรุ่นน้องตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดัง “…” “โอ๊ย...ร้านเหล้าแถวนี้มันไม่มีหรือไงหา ? ถึงต้องดั้นด้นไปยันนนท์ฯ น่ะ บ้าป่ะเนี่ย !” อาร์เจมองหน้ามาร์‍ชที่ก่อนหน้าคงหงุดหงิดเรื่องเขาอยู่มาก พอพี่สาวเอาปัญหามาให้เพิ่มจึงใส่อารมณ์ลงไปอีกแบบนั้น แต่แล้วก็ต้องหัวเราะเบา ๆ อย่างสมน้ำหน้า เมื่อได้ยินว่าปลายสายเองก็ตวาด แว้ด ! เสียงดังออกมาจนคนที่ปากเก่งในตอนแรกรีบดึงมือถือออกห่าง รอจนอีกฝ่ายพูดจบ มันถึงได้ตอบกลับอย่างหงอ ๆ “ก็เค้ารู้สึกว่ามันไกลหนิ อันตรายจะตาย เค้าเป็นห่วง...” มาร์‍ชอธิบายเสียงอ่อย สวนทางใบหน้าที่เค้นเขี้ยว จนได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังเล็ดออกมาว่า ‘เป็นห่วงก็มารับสิ แค่นี้แหละ! อย่าให้ได้ยินว่าขึ้นเสียงใส่ฉันอีกนะไอ้น้องเวร’ พอสายตัดไปปุ๊บมันก็ลดโทรศัพท์ลงแล้วตั้งศอกทำท่าจะเหนี่ยว ท่าทางเก่งแต่ลับหลังทำให้ภูวพัชร์เอ่ยแซวเบา ๆ “แค่พี่ยังหงอขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่ามีเมียจะขนาดไหน” “ไหว้สามเวลาอ่ะทรงนี้” “แหมไอ้ตี๋ เวลาเรื่องกูนี่มีปากมีเสียงขึ้นมาเชียวนะมึง” มาร์‍ชเขม่น อาร์เจไหวไหล่และสุดท้ายอาร์เจก็เริ่มคิดว่าตัวเองไม่น่าพูดไปจริง ๆ เพราะกรรมดันติดตัวเขาเร็วยิ่งกว่าจรวด “พูดมากก็ลุก” “อะไร” “ไปรับพี่กูไง” “ไปน่ะได้ แต่ขอถามคำเดียว…” “หือ ?” “เขาเมาหรือเปล่า ?” บอกตามตรงว่านอกจากแฟนเก่า ก็มีผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวเพื่อนนี่แหละ...ที่ทำเขาหลอนจนขึ้นสมอง [1] จากเรื่อง Bet with my heart วางเดิมพันด้วยหัวใจ [ภูวินท์ X รัน]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม