ร่างบางในชุดเดรสยาวสีครีมวิ้งวับรัดรูปขับสีผิวให้ขาวสว่างก้าวเท้าลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน หลังจากใช้เวลาแปลงโฉมตัวเองนานกว่าสองชั่วโมงจนสวยเป๊ะพร้อมรบ
มัดหมี่ได้ยินเสียงหมาเห่าดังเข้ามาในโสตประสาท ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หมามาร์ช ที่อยู่ในชุดพร้อมออกไม่ต่างกันเอ่ยแซวทันทีที่เห็น
“โหย...นี่แต่งตัวจะไปล่อเสือล่อไอ้เข้ที่ไหนอีกเนี่ย”
“ล่อหน้าแกสิไอ้บ้า” มัดหมี่ย่นคิ้วก่อนจะด่าคนที่เสียมารยาทหาว่าเธอกำลังออกไปล่าผู้ชาย “ไปเที่ยว”
มาร์ชหรี่ตานิดหน่อยไปที่พี่สาวแล้วถามอย่างสงสัย
“พอได้ออกเข้าหน่อยนี่ก็ออกไม่หยุดเลยนะ จะกลับมารันวงการอีกหรือไง”
ไม่รู้ว่าพี่น้องบ้านอื่นเป็นยังไง คนอื่นอาจจะเจอกันบ่อยเพราะอยู่บ้านเดียวกัน แต่กับพวกเขานั้นไม่ใช่ สถานที่ที่เจอกันไม่ใช่บ้านแต่เป็นการบังเอิญเจอกันที่ร้านเหล้าใกล้มหาวิทยาลัยต่างหาก เพราะนอกจากหน้าตาก็เห็นจะมีก็แต่นิสัยรักสนุกและชอบปาร์ตี้ที่พี่น้องคู่นี้มีเหมือนกัน แต่หลังจากปีที่แล้วที่มัดหมี่ได้เพลี่ยงพล้ำเสียท่า พี่สาวตัวตึงก็อำลาวงการขั้นเด็ดขาด จนไม่คิดเลยว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก
“เรื่องของเจ๊”
“ครับ ๆ เรื่องของเจ๊ก็เรื่องของเจ๊ เค้าไม่เคยว่าหรอก แต่ขออย่างเดียวอย่าเมาจนเกิดเรื่องอีกแล้วกัน”
น้องชายเอ่ยเตือนเพราะเขาก็ขี้เกียจที่จะไปตะบันหน้าคนอื่นแล้วเหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้ยิ่งใช้เงินเยอะอยู่ ไม่อยากเสียเงินค่าปรับฟรี ๆ
ไหล่สวยไหวไปมาไม่สนใจคำเตือนใด ๆ เพราะสิ่งที่มาร์ชขอเป็นสิ่งที่เธออาจจะทำให้ได้ในวันอื่น แต่กับค่ำคืนนี้ไม่สามารถรับปากได้เพราะขัดกับเจตนารมณ์
วันนี้เธอตั้งใจว่าจะเมา ต้องเมาเท่านั้นต่างหากล่ะ !
มัดหมี่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่มองไปที่น้องชายที่ยังคงถือโทรศัพท์ในแนวนอนหน้านิ่วคิ้วขมวดเล่นเกม ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนทั้งที่เริ่มดึกมากพอสมควรแล้วจึงเอ่ยถามกลับไปบ้าง
“แล้วนี่แกจะไปไหน”
“ก็เรื่องของเค้า” มาร์ชย้อนคำพูดพี่สาวแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนรอให้เธอถามอยู่นานแล้ว เรียกสีหน้าหงุดหงิดจากมัดหมี่ก่อนจะโดนแหวใส่สมใจ
“ไอ้นี่ ! วอนซ่ะละ”
“ก็ถามไม่เข้าท่าเองทำไม...หล่อขนาดนี้ก็ต้องไปเหล่สาวสิครับ”
“อ๋อเหรอ” เบ้หน้ากับคำพูดที่สุดแสนจะมั่นหน้ามั่นใจของน้องชายตัวเอง มัดหมี่อยากจะพูดแสกหน้าว่าไม่เห็นจะหล่อตรงไหน แต่กลัวมันจะตอกกลับ เพราะตั้งแต่เด็กก็มีแต่คนบอกว่าเราทั้งคู่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับแกะ “แล้วไปกับใคร ? ตี๋มารับเหรอ”
“ต่างคนต่างไป”
เธอพยักหน้ารับรู้หลังจากเพิ่งจะเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อเย็นตอนที่ขับรถกลับบ้านเห็นมอเตอร์ไซค์คันโตคู่ใจของน้องชายจอดอยู่ที่โรงรถหลังจากที่ไม่เห็นมาหลายวัน คาดว่าคงจะเพิ่งไปเอาออกมาจากอู่ที่ขยันเอาไปแต่ง วันนี้ก็คงตั้งใจจะแอ็คขี่โชว์สาว ตามสเต็ปเหมือนเคย
“กลายเป็นกุ๊ยเหมือนเดิมแล้วสินะ”
“กุ๊ยเก๊ยไร ! ไบค์เกอร์ครับไบค์เกอร์”
“เหอะ !” เจ้าของใบหน้าสวยเค้นหัวเราะขึ้นจมูกก่อนส่ายหน้าไปมา ทั้งที่บ่นปากเปียกปากแฉะว่ามันอันตรายแต่น้องชายหัวขบถก็ดื้อดึงเกินกว่าจะควบคุมได้ เบื่อจะคุยด้วยแล้ว “แล้วแต่แกเถอะย่ะ”
“ค้าบ~” มาร์ชขานรับเสียงทะเล้น พร้อมลดโทรศัพท์ลงนิดหน่อย “ยืมเงินสองพันได้ป่ะ”
“ไม่ให้”
“วู้ !”
ทำหน้าเซ็งที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการมาร์ชก็เล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม แต่พี่สาวคนสวยใจดีเสมอ
“ก็ได้ แต่ขอยืมโค้ชหน่อยได้ไหม”
“ได้ครับที่รัก...เอาที่พาดอยู่นั่นไปได้เลย”
เบ้ปากให้กับคำพูดจอมกะล่อนเธอก็เดินไปยังเสื้อคลุมที่มาร์ชพยักเพยิดให้เอาตัวนี้ไป แต่พอหยิบเข้ามาใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิด ๆ ก่อนจะเบ้หน้าแล้วเหวี่ยงทิ้งไปในนาทีถัดมาจนพาดไว้ที่โซฟาเหมือนเดิม
“ไม่ ตัวนี้เหม็นบุหรี่”
“แหม...ขอยืมคนอื่นแล้วยังจะเรื่องมากอีกเนอะ” คิ้วหนาขมวดยุ่งเงยหน้าจากเกมในโทรศัพท์ที่กำลังติดพันอยู่ พอเห็นว่าเธอยืนค้ำหัวกดดัน ส่งสายตามาถามว่า ‘จะเอาไหมเงิน’ ก็ชี้ไปด้านบน “งั้นก็ขึ้นไปเลือกเอาที่ห้องเค้า อย่าลืมโอนเงินให้ด้วยนะ !”
“โอเค”
ได้ยินสิ่งที่ต้องการมัดหมี่ก็ทำท่าสะบัดบ็อบแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาสิ่งที่ต้องการทันที...
อาร์เจ
ชายหนุ่มในชุดง่าย ๆ อย่างเสื้อยืดขาวกางเกงยีนสีซีดขาดเข่าเอื้อมมือไปหยิบน้ำหอมกลิ่นโปรดฉีดไล่ไปที่แขนเสื้อทั้งสอง ก่อนหันหลังไปคว้าโทรศัพท์ซึ่งชาร์จไว้ที่หัวเตียงแล้วเดินลงชั้นล่างของบ้าน
“ไปไหนอีก”
“ยังไม่นอนเหรอครับ”
“อย่ามาเลี่ยงตอบ ไปไหน นี่มันดึกดื่นแล้ว”
“ไปเที่ยว นัดกับไอ้มาร์ชไว้ ทำไมพ่อนอนดึก”
ใบหน้าซึ่งละม้ายคล้ายกันประดับแว่นสายตาที่เริ่มแย่ลงไปตามอายุเงยขึ้นจากไอแพดไปมามองลูกชายที่ได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งก่อนจะเห็นตัวเสียอีก ช่วงนี้ดูเหมือนจะออกไปเที่ยวเกือบทุกวัน ไม่ใช่แค่ช่วงนี้สิทุกช่วงเลยต่างหาก
“เดี๋ยวก็นอนแล้ว กับไอ้มาร์ชเนี่ยชวนกันเรียนบ้างไม่ได้หรือไง ชวนแต่ออกไปเสียเงินกันทั้งนั้น”
“...”
ได้ฟังผู้เป็นพ่อบ่นอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินมากนักอาร์เจก็นิ่ง ไม่ใช่เพราะพ่อเขาใจดีหรืออะไรเทือกนั้น แต่เป็นเพราะไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อของตัวเองซักเท่าไหร่ ด้วยอาชีพของอาจารย์หมอที่สุดแสนจะยุ่ง ตัวอาร์เจเองก็อยู่ไม่ติดบ้าน และอีกอย่างสองพ่อลูกเข้ากันไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่ ก็เพราะว่านอกจากรูปร่าง หน้าตาที่เขาไม่มีโอกาสได้เลือกตอนเกิด หากเป็นไปได้อาร์เจก็ไม่อยากมีอะไรที่เหมือนกับผู้เป็นพ่ออีก...
ขณะที่ไม่รู้จะตอบกลับอะไร โทรศัพท์ในมือก็สั่นเป็นเจ้าเข้า พอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นบุคคลตายยากจึงกดรับ
[มึงออกยัง]
“ยังเลย” อาร์เจสบสายตาฉายแววถึงความเบื่อหน่ายของพ่อก่อนจะก้มหัวลาแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้านเพื่อไปเอารถ “มึงถึงแล้วเหรอ”
[ถึงเหี้ยไรล่ะ] เสียงเพื่อนติดหงุดหงุดอย่างเห็นได้ชัดจนอาร์เจย่นคิ้วงุนงง [มึงยังไม่ออกก็ดี แวะรับกูหน่อยแล้วกัน]
“อ้าว...ไหนว่าจะขี่มอไซค์ไปเอง”
[กุญแจหายไปไหนไม่รู้ นี่กูหาทั่วบ้านแล้วไม่รู้ไปลืมอยู่ไหนเลย]
“แล้วกุญแจสำรองไม่มีเหรอ”
[ก็ที่ใช้อยู่ปัจจุบันอ่ะคือกุญแจสำรอง อันหลักหายไปเป็นชาติแล้ว] เสียงถอนหายใจจากปลายสายดังขึ้นมาอีกครั้งขณะพูด [เออตามนี้ มารับด้วย แค่นี้แหละ]
นัยน์ตาคมกลอกมองบนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมควรเรียกว่าเพื่อน น่าจะถูกจัดไปอยู่ในหมวดภาระมากกว่า แต่ก็ขี้เกียจจะพูดอะไรเพราะยังไงก็ทางผ่าน และไม่ได้ลำบากอะไรเขาอยู่แล้ว
“ไงวะ หน้าเป็นตูดเลยนะมึง”
“นอกจากหน้าเป็นตูด ตอนนี้กูยังหมดตูดด้วยเนี่ย” พอรถจอดที่หน้าบ้านปุ๊บร่างสูงของมาร์ชที่เปิดประตูรถเข้ามาก็บ่นพร้อมหน้ายุ่ง ๆ “กูอุตส่าห์ไถตังเจ๊มาได้สองพัน ไอ้เหี้ยกุญแจหายอีก”
“มันจะหายไปไหนได้”
อาร์เจพูดในสิ่งที่มาร์ชกำลังคิดอยู่เป๊ะ ๆ แทบจะรื้อทุกซอกทุกมุมที่นึกออกแล้วแต่ก็ไม่เจอ
“ก็นั่นน่ะสิ” ผู้ซึ่งใช้ชีวิตชุ่ย ๆ ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “ซวยอะไรวะแม่ง...เสียตังเป็นแสนเอาลูกไปแปลงโฉม เสือกได้นอนจอดอยู่บ้าน ยิ่งช็อต ๆ อยู่ด้วยยังต้องไปทำกุญแจใหม่อีก เอาไรแดกวะเนี่ยกู”
“ช็อตก็ไม่นอนอยู่บ้านวะ ไม่มีตังเสือกชวนออกอยู่ได้ทุกวัน กูก็เพิ่งโดนพ่อด่ามาเมื่อกี้ ยังเสียวโดนยึดบัตรอยู่เลย”
ตอนแรกมาร์ชไม่เครียดเท่าไหร่เพราะยังไงก็เกาะเพื่อนกินได้อยู่แล้ว แต่พอคนที่ปกติหล่อ รวย ใจดี สปอร์ต กทม. อย่างอาร์เจพูดแบบนี้มีเสียวสันหลังวาบ ถึงแม้จะรู้ว่าคนอย่างอาร์เจโดนพ่อยึดบัตรก็คงได้รับการสนับสนุนจากแม่อยู่ดีนั่นแหละ ไหนใครว่าพ่อแม่เลิกกันแล้วจะไม่มีข้อดีล่ะ...รายได้สองทางเลยนะนั่น
“อย่านะเว้ย...ตอนนี้เหลือกันอยู่แค่นี้ต้องช่วย ๆ กันดิ ไอ้ธีติดเมีย ไอ้ปูนไม่เที่ยว ไม่มีมึงก็ไม่มีคนหารค่าเหล้ากับกูแล้วนะ” มาร์ชไล่เรียงเพื่อนแต่ละคนในกลุ่มที่ตอนนี้ทยอยมีภาระกันไปทีละคนสองคนก่อนถอนหายใจ แต่พอเหลือบมองเพื่อนตัวเองอีกหนก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “แล้ววันนี้ไม่มีคนขอติดมาด้วยเหรอ หรือไปเจอกันที่ร้าน ?”
อาร์เจส่ายหน้า และรู้ว่า ‘คน’ ที่เพื่อนพูดถึงหมายถึงใคร
“หอมกลับต่างจังหวัด”
เมื่อตอนเย็นหลังจากที่ไปร้านอาหารเกาหลีเธอก็สีหน้าไม่ค่อยดี พอเขาถาม ข้าวหอมก็บอกว่าเธอต้องรีบกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อไปทำธุระ ไม่รู้ว่าคืออะไรเพราะเธอไม่ได้เล่าและเขาก็ไม่ได้ถามต่อเช่นกัน
“หอมเป็นเด็กต่างจังหวัดเหรอ”
“ใช่”
“บ้านเขาอยู่ไหนวะ”
“ก็ต่างจังหวัดไง กูพูดไปเมื่อกี้” อาร์เจละสายตาจากถนนไปหาเพื่อนแล้วย่นคิ้วว่าจะให้พูดซ้ำทำไมหลายรอบ
“รู้ แต่ว่าจังหวัดไหน”
“...” คราวนี้เขานิ่งแล้วพยายามนึกถึงสิ่งที่ข้าวหอมเคยบอก แต่จนแล้วจนรอดก็ขอยอมแพ้ ดูเหมือนเขาจะความจำสั้น “ลืม”
“โหไอ้เหี้ย มึงคุยกับเขา ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ลืมว่าบ้านเขาอยู่ไหนเนี่ยนะ” มาร์ชพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็ปกติรึเปล่าวะ ไม่เห็นจะแปลกเลย ใครจะไปจำทุกอย่างได้หมด”
“ไม่แปลกอะไร แบบนี้ชัดเลยว่ามึงแม่งโคตรจะไม่สนใจเขาเลยไม่ใช่เหรอ”
“เปล่า”
มาร์ชนิ่วหน้าใส่เพื่อนรักที่ยังคงเถียงเขาด้วยใบหน้าแสนมึน และไม่ยอมรับความจริง เหมือนอาร์เจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วตัวเองเป็นคนแบบไหนกันแน่ จนต้องสะกิดเรียกอีกครั้ง
“ถามหน่อยนะ ทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหนกับน้องเนี่ย ใครชวน”
“น้อง”
“แล้วถ้าน้องเขาไม่ชวนล่ะ”
“ก็ไม่ไป เพราะเขาคงไม่ว่าง” อาร์เจตอบแบบไม่หยุดคิด “กูตามใจเขา”
“แบบนั้นไม่เรียกตามใจ...เขาเรียกไม่มีความกระตือรือร้น” มาร์ชรู้สึกเหมือนตัวเองอยากจะบ้าตาย ก่อนจะพึมพำเสียงเบา “ก็ถึงว่า...ไม่ขอเป็นแฟนซักที มึงจะรอให้เขาเป็นคนขออีกหรือไง”
ถึงเพื่อนจะบ่นเสียงเบาแค่ไหน แต่อาร์เจก็ดันหูดีจึงตอบคำถาม
“ใช่ ถ้าเขาขอก็คงเป็น”
“มึงมันบ้า...แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ โคตรจะไร้ความรู้สึกเลย เมื่อก่อนมึงไม่ใช่คนแบบนี้นะ รู้ตัวมั้ย ?”
“...”
พอถึงคำถามแบบนี้ทีไรเขาก็เงียบลงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องรู้สึกแบบไหน ต้องรู้สึกดีไหมที่เพื่อนบอกว่าเขานั้นต่างไปจากเมื่อก่อน เพราะหากเป็นไปได้เขาก็ไม่ได้อยากเป็นเหมือนเมื่อก่อนเลย
“มึงแม่งหลอนไปแล้ว ใช้ชีวิตกลับตาลปัตร เพราะผู้หญิงแค่คนเดียวทำให้มึงต้องใช้ชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังตีน”
“แล้วมันน่าหลอนไหมล่ะ”
“แต่การที่มึงทำตัวไร้ชีวิตชีวาแบบนี้มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร งี่เง่ามาก เพราะมึงฝืนตัวเองไงมึงเลยใช้ชีวิตเฉือยชาเหมือนโรบ็อตแบบนี้”
“...” อาร์เจทำหน้าปลง พอเพื่อนได้พูดก็ไม่ยอมหยุดปาก แล้วเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเถียง ยังไงก็คงพูดไม่ทันอยู่ดี
มาร์ชเห็นอาร์เจไม่ยอมขยับปากพูดอะไรก็ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นมึนหูทวนลม ก็เริ่มจ้อไม่หยุดคล้ายว่าจะสอนจนกว่าอาร์เจจะรู้ว่ากำลังใช้ชีวิตฝืนธรรมชาติตัวเองอยู่ และเพื่อนอย่างเขาที่เห็นแบบนี้โคตรจะรู้สึกอึดอัดแทน
“ผู้หญิงมีหลายประเภทนะเว้ย ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่ามองคนที่ภายนอก เพราะสุดท้ายแล้วเวลาที่มึงต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ใช่ มันก็ทำร้ายคนอื่นอยู่ดีรึเปล่าวะ”
“กูไม่ได้บังคับใครซักหน่อย ถ้าเขาอยู่กับกูแล้วมันทำร้ายเขาจะไปกูก็ไม่เคยว่า”
“พูดกับกำแพงมั้งกู” มาร์ชรู้สึกหมดอารมณ์เหมือนกับว่าไม่ว่าจะพูดอะไรก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอีกฝ่ายไปหมด และทิ้งทวนด้วยการพนันอย่างมั่นใจ “ร้อยกูเอาบาทเดียวเลย ไม่สิ เอาหลายบาทหน่อยช่วงนี้จน...”
“อะไร”
“สุดท้ายแล้วผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยบ้องแบ๊วแบบข้าวหอมอ่ะ ทำมึงใจสั่นไม่ได้หรอก”