04 | เกินจะรับไหว

1776 คำ
08.10 น. Rrrr เสียงเรียกเข้าของมือถือปลุกชายหนุ่มที่พี่งจะหลับไปได้ไม่ถึงสามชั่วโมงให้ตื่นขึ้น ร่างกำยำเฉกเช่นคนออกกำลังกายอย่างหนักนอนคว่ำหน้าลงเตียงนอน ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าแต่ก็พยายามเอามือควานหาโทรศัพท์เพราะรำคาญเสียงของมันเต็มที สายตาพร่ามัวมองหน้าจอก็ขมวดคิ้วออกมา เขาจำได้ว่าณิชานัดแถลงข่าวตอนบ่ายโมง แต่นี่พึ่งจะแปดโมงเช้าไม่ใช่หรือไง ทำไมอีกฝ่ายถึงโทรมาหาเขาป่านนี้ “มีอะไรแต่เช้าณิชา” เสียงทุ้มกดต่ำบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมาก เขายังหลับตาอยู่ในขณะที่พูดออกมา (ดินแดน ฉ...ฉันมีอะไรจะบอก) ทว่าน้ำเสียงตื่นตระหนกของปลายสายทำให้เขาตาสว่าง ร่างสูงยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง และฉับพลันประโยคที่เขาได้ยินต่อไปนั้นทำให้ดินแดนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับร่างกาย... (เหมย...) “...” (เหมยเสียแล้ว) รอยยิ้มพิมพ์ใจของเจ้าของรูปถ่ายกรอบใหญ่ล้อมรอบด้วยดอกไม้หลายชนิด ดวงตาเหม่อลอยจ้องมองรูปถ่ายหน้างานศพก่อนจะถามย้ำกับตัวเองว่านี่คือเรื่องจริงหรือแค่ฝันไป ความคิดไร้จุดหมายจุติขึ้นในหัวสมอง...ในนั้นมีแต่เธอ คนที่ชื่อเหมยซึ่งตอนนี้ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ดินแดนไม่รู้ว่าโชคชะตาเกลียดเขามากแค่ไหนถึงได้ดลบรรดาลให้เขาต้องมาพบเจอกับความเสียใจแบบนี้ ชายหนุ่มจุกในอกจนพูดอะไรไม่ออก รู้แค่ว่าเจ็บมากเหมือนมีใครเอาค้อนใหญ่ๆ มาทุบกลางหัวใจอย่างไร้ซึ่งความปราณี แขกเหรื่อมากมายวนเวียนกันมาจุดธูปหนึ่งดอกเพื่อไหว้บอกลาเหมยเป็นครั้งสุดท้าย หลายสายตาปรายมองมาที่ดินแดนซึ่งยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งด้วยความเห็นอกเห็นใจแต่ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาหาชายหนุ่มสักคน...แม้ว่าสถานการณ์รอบข้างจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเวลาจนกระทั่งล่วงเลยผ่านไปนับชั่วโมง ทว่าร่างกายที่หนักอึ้งของเขาไม่ขยับเขยื้อนราวกับร่างกายนี้ไร้วิญญาณ...และไร้ความรู้สึกไปแล้ว และในที่สุดน้ำตาลูกผู้ชายหนึ่งหยดก็ไหลรินลงมาเมื่อภาพที่คนรักของเขาสวมชุดเจ้าสาวปรากฏขึ้นมาในสมอง ไร้เสียงสะอื้น มีเพียงหยาดน้ำที่แข่งกันหลั่งไหลอาบสองข้างแก้มอย่างเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ มันทรมานจนคิดไม่ออกว่าต่อไปนี้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดินแดนไม่คิดเลยสักนิดว่าทุกอย่างมันจะกลายเป็นแบบนี้ เขาและเหมยจากกัน ทั้งที่ยังไม่ได้ร่ำลากันเลยสักคำ มิหนำซ้ำยังจากกันด้วยการไม่เข้าใจ... “ดินแดน” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นฉุดให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ที่ล่องลอยไปไกลแสนไกล ณิชาเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้ร่างสูง นัยน์ตาว่างเปล่าหลุบมองมันก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น ส่งผลให้ณิชาบังคับเอากระดาษทิชชู่แผ่นสีขาวใส่ฝ่ามือหนา “โอเคแล้วตามมานะ” ดินแดนมองตามแผ่นหลังบางที่เดินไปทางด้านหลังของวัด เขาเห็นตำรวจในเครื่องแบบอยู่ตรงนั้นด้วย ทำให้เขาตัดสินใจเดินตามณิชาไป “ผลชันสูตรจะแจ้งหลังจากทางเราทราบจากนิติเวชนะครับ เบื้องต้นจะเป็นการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ” ดินแดนเดินมาถึงตรงนี้ก็ได้ยินประโยคสำคัญทันที ตำรวจขอตัวกลับหลังจากแจ้งข้อมูลสำคัญให้ครอบครัวของเหมยมาสักพักแล้ว หลังจากตำรวจสองนายเดินออกไป สายตาแดงก่ำก็สบกับชายวัยกลางคนที่เขาคุ้นเป็นอย่างดี อีกฝ่ายคือพ่อของเหมย เจ้าของใบหน้าเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาวที่รักสุดดวงใจเดินเข้ามาใกล้ดินแดนเรื่อยๆ ร่างสูงกว่าไม่ขยับไปไหน เขายืนกุมมือมองว่าที่พ่อตาที่เดินเข้ามาใกล้ แววตาดูเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ดินแดนไม่เข้าใจ “เหมยเป็นแบบนี้ก็เพราะแก ดินแดน” คนหนุ่มกว่าไม่เข้าใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาไม่รู้ว่าทำไมพ่อของเหมยถึงพูดแบบนี้ “เหมยต้องฆ่าตัวตายเพราะสิ่งที่แกทำ!!” ฉับพลันเสียงทุ้มก็ตวาดออกมาราวกับคนเสียสติ ดินแดนถูกทุบตี ดึงทึ้งร่างกายจนญาติคนอื่นๆ ต้องเข้ามาดึงตัวพ่อของเหมยเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยแววตาเจ็บปวดเสียใจระคนไม่เข้าใจในทันที...เหมยฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ เหตุผลนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย ดินแดนคิดว่าอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้เพราะข่าวที่ถูกใส่ร้ายของเขา “ออกไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!” “กลับกันก่อนเถอะดินแดน” ณิชาเห็นท่าไม่ดีก็พยายามลากแขนร่างสูงแต่เขาสะบัดออก ดินแดนไม่เข้าใจอย่างมาก เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเหมยจะทำแบบนั้น “คุณพ่อครับ เหมยไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น” “แกไม่รู้อะไรอย่ามาพูด!! อย่ามาคิดเอาเองว่าคนอื่นจะไม่เสียใจกับสิ่งที่แกทำ” ชายวัยกลางคนตะโกนออกมาทั้งน้ำตา “เหมยส่งข้อความบอกลาฉันก่อนจะทำแบบนั้น ลูกฉันเสียใจมากแค่ไหนคนอย่างแกจะรู้บ้างไหม!!” ดินแดนกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอ สติหลุดลอยออกไปอีกครั้งราวกับมีโคลนสีดำสาดใส่มองภาพอะไรไม่เห็น เขาถูกณิชาดึงแขนออกจากวัดที่จัดงานศพและพาเขาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มตอนนี้เหมือนหุ่นยนต์ที่ใครจะลากไปไหนก็ได้ เพราะในหัวสมองของเขาตอนนี้ว่างเปล่า ณิชานั่งในตำแหน่งคนขับหันมองคนข้างกายที่นั่งแน่นิ่ง ดวงตายังคงแดงก่ำ เธอถอนหายใจออกมาอย่างเห็นใจก่อนจะออกรถ จุดหมายคือคอนโดฯ ของอีกฝ่าย เพราะตอนนี้เขาไม่ควรไปไหนหรือทำอะไรทั้งสิ้น “ดื่มหน่อย” แก้วน้ำเปล่าวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา สายตาคมได้แต่มองแก้วน้ำเท่านั้นแต่ไม่คิดจะหยิบมันมาดื่ม “ฉันไม่เข้าใจ...” เสียงทุ่มแหบพึมพัม เขานั่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ยกมือกุมศีรษะตัวเองและหลับตาแน่น “อย่างที่พ่อของเหมยบอก” “...” “พ่อของเหมยให้ปากคำกับตำรวจว่าเมื่อคืนช่วงห้าทุ่ม เหมยส่งข้อความสั่งเสียไปที่พ่อ แต่ตอนนั้นพ่อเหมยนอนหลับไปแล้ว ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีห้าถึงเห็นข้อความ ตอนนั้นพ่อของเหมยรีบโทรแจ้งตำรวจ” ดินแดนเงยหน้ามองณิชาที่นั่งบนโซฟาข้างกัน สีหน้าชายหนุ่มฉายแววไม่เข้าใจ “แล้วยังไงต่อ?” “ตำรวจก็เร่งกันตามหาหลังจากได้รับแจ้งความ จุดเกิดเหตุเป็นบ่อน้ำในสวนสาธารณะ บ่อไม่ใหญ่แต่ลึก เจ้าหน้าที่หากันสามชั่วโมงก็เจอร่าง” “แล้วพ่อเหมยรู้ได้ไงว่าเป็นบ่อน้ำที่ไหน” “ในข้อความ เหมยพิมพ์บอกทุกอย่างว่าอยู่ที่ไหน แต่กว่าพ่อของเหมยจะเห็นข้อความมันก็สายไปแล้ว” “...” เหมือนร่างกายของดินแดนชาไปทุกส่วน ทุกประโยคที่เขาได้ยินจากณิชา มันเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะรับไหว “ตอนนี้ตำรวจได้หลักฐานทุกอย่างแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือสืบหาสาเหตุนั่นแหละ ได้ความยังไงฉันจะบอกนายแล้วกัน” “...” เขาก้มหน้ากุมศีรษะ มืดมิดไปหมด... “ช่วงนี้นายพักงานไปก่อนนะ ให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้น” “...” “เพราะตอนนี้ข่าวการฆ่าตัวตายของเหมยกำลังเป็นประเด็น อีกเรื่องที่ฉันจะบอกให้นายเตรียมตัวรับมือคือคำกล่าวหาสังคมว่านายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เหมยต้องทำแบบนี้” ณิชากลั้นใจพูดทุกอย่างออกมา แม้ว่ามันจะฟังดูใจร้าย แต่ทุกอย่างคือสิ่งที่ดินแดนต้องเผชิญ ถึงความจริงจะไม่ใช่ เขาถูกใส่ร้ายตั้งแต่ต้น เหมยไม่ผิด ดินแดนไม่ผิด คนที่ผิดคือแฟนคลับโรคจิตคนนั้นที่ปล่อยข่าวปลอม ทว่าหลายคนก็หลายความคิด แน่นอนว่าต้องมีคนบางกลุ่มที่พุ่งเป้ามาหาดินแดนในเหตุผลนี้โดยที่ไม่ขอรับรู้ว่าความจริงเป็นยังไง และเขาต้องรับมือกับกลุ่มคนพวกนั้นและผ่านมันไปให้ได้ “เรื่องงานแถลงข่าว คุณดนัยบอกให้เลื่อนไปก่อน ฉันก็ว่าดีเหมือนกัน ถ้าเราแถลงไปตอนนี้ก็เหมือนกับแก้ตัว ยังไงให้งานศพของเหมยเสร็จและค่อยว่ากัน ช่วงนี้นายก็อยู่เงียบๆ ไปก่อน” ณิชาถอนหายใจเบาๆ เมื่อพูดจบ ที่เธอพูดทุกคำก็ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ทั้งที่ภาพตรงหน้าของร่างสูงเหมือนตายทั้งเป็นอยู่รอมร่อ “ฉันกลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรหาได้ตลอด แล้วก็อย่าลืมกินข้าวบ้างล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะมาหาใหม่” แววตาไร้ซึ่งความรู้สึกเหม่อลอยหลุบต่ำมองพื้นจนกระทั่งเสียงปิดประตูห้องดังขึ้นและเงียบไป เหลือเพียงเขาที่ยังแน่นิ่งอยู่กับที่ ความคิดมากมายตีรวนกันในหัวสมอง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความเสียใจ ดินแดนคิดโทษตัวเอง ว่าถ้าตอนนั้นเขารั้งเหมยเอาไว้ได้ ไม่ให้อีกฝ่ายเดินออกจากคอนโดฯ ของเราไป เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเขาอธิบายให้เธอเข้าใจทันที เหมยก็คงไม่ต้องจากไป นัยน์ตาคมเต็มไปด้วยความอ่อนแอ มันแดงก่ำก่อนจะมีน้ำใสๆ ไหลออกมา ร่างกำยำทิ้งตัวลงนอนหงายบนโซฟาตัวยาว จ้องมองเพดานสีเทาท่ามกลางความเงียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากหางตาไม่คิดจะเช็ดมันออก เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยล่องอยู่กลางอากาศ ในขณะที่หน้าอกข้างซ้ายหนักอึ้งไปด้วยความปวดร้าว เจ็บเหมือนจะขาดใจ...วันนี้เป็นวันที่เขาเสียใจมากที่สุดในชีวิต ดินแดนนอนจ้องมองเพดานอยู่แบบนั้น และฉับพลันนัยน์ตาปวดร้าวก็เปลี่ยนเป็นวาวโรจน์เมื่อคิดทบทวนว่า ‘ใคร’ คือสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดนี้กันแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม