“ขอบคุณมากค่ะคุณอี้เฟิน”
พราวเพตรายิ้มออกมาได้ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูแห้งแล้งหากแต่ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งในความมีน้ำใจของจ้าวอี้เฟิน
“ถ้างั้นมื้อนี้ฉันขอเลี้ยงเธอเองนะ”
“งั้นพราวไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
สองสาวต่างจัดการอาหารของตน ราวๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็แยกย้าย “พราวไปก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับขนมนะคะคุณอี้เฟิน”
“อื้อ”
พราวเพตราโค้งศีรษะให้จ้าวอี้เฟินเป็นการบอกลาก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ในขณะที่จ้าวอี้เฟินไปจัดการค่าอาหารที่เคาน์เตอร์ เมื่อจัดการเรียบร้อยหญิงสาวก็เดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายใบโต
“อ้าว นี่ของพราวหรือเปล่า”
จ้าวอี้เฟินหยิบถุงขึ้นมา เพราะเห็นว่าข้างถุงเป็นชื่อโรงพยาบาลหญิงสาวจึงถือวิสาสะเปิดดูสิ่งที่อยู่ในถุงด้วยความสงสัย
“ไหนบอกว่าสบายดี แล้วนี่ยาอะไร”
จ้าวอี้เฟินพึมพำตอนที่หยิบถุงยาออกมาจากถุง ครู่ต่อมาดวงตาของหญิงสาวต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความที่ระบุอยู่บนซองยาพร้อมชื่อของพราวเพตรา
“ยาบำรุงครรภ์”
ลมหายใจของจ้าวอี้เฟินสะดุดไปพักหนึ่ง สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พอตั้งสติได้ก็รีบคว้าทั้งกระเป๋าและถุงยาวิ่งออกไปนอกร้าน สอดส่ายสายตามองหาพราวเพตราอย่างร้อนรน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะจ้าวอี้เฟินไม่เห็นพราวเพตราในระยะสายตาแม้ว่าจะพยายามกวาดสายตามองหาโดยรอบแล้วก็ตาม สุดท้ายหญิงสาวก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า
“พราว ลูกในท้องของเธอเป็นลูกของพี่ใหญ่ใช่ไหมพราว”
“คุณจ้าวครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
หลวนซานถามอย่างกังวลเพราะจู่ๆ จ้าวไป่เฟิงที่กำลังจะก้าวขึ้นรถหลังจากที่เข้าเยี่ยมท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้วเกิดอาการซวนเซคล้ายคนจะเป็นลมขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดีที่หลวนซานเข้ามาประคองไว้ได้ทัน ก่อนที่เจิ้งสิงจะเข้ามาช่วยอีกแรง
“ไม่เป็นไร”
จ้าวไป่เฟิงยกมือขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ มือหนายกขึ้นคลึงขมับตัวเองเล็กน้อยพอให้อาการมึนงงศีรษะที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุหายไป ครู่หนึ่งอาการของมาเฟียหนุ่มก็ดีขึ้น จ้าวไป่เฟิงจึงก้าวขึ้นรถ เจิ้งสิงช่วยปิดประตูให้ ก่อนที่หลวนซานจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับ เขาหยุดคุยกับเจิ้งสิง
“เมื่อคืนคุณจ้าวทำงานดึกหรือเปล่า”
“ก็ไม่นี่ ราวๆ สี่ทุ่มคุณจ้าวก็เข้านอนแล้ว”
เจิ้งสิงว่าหากแต่เจ้าตัวเองก็ยังขมวดคิ้วเพราะความสงสัยเกี่ยวกับอาการของคนเป็นนาย ส่วนหลวนซานนั้นก็มีท่าทางไม่ต่างจากเจิ้งสิง ทั้งคู่จบบทสนทนาลงเพียงเท่านั้น ก่อนที่เจิ้งสิงจะไปขึ้นรถคันที่นำหน้า ส่วนหลวนซานขึ้นไปนั่งคันเดียวกันกับจ้าวไป่เฟิง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ขบวนรถก็เคลื่อนออกจากหน้าโรงพยาบาล
ในช่วงค่ำจ้าวอี้เฟินรีบถือถุงยาของพราวเพตรามาที่ห้องทำงานของจ้าวไป่เฟิงอย่างร้อนรน หญิงสาวทราบดีว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้านอนของคนเป็นพี่ชาย และจ้าวอี้เฟินก็ไม่ผิดหวังเพราะไฟในห้องทำงานของจ้าวไป่เฟิงยังเปิดอยู่
“ฉันจะเข้าไปหาพี่ใหญ่หน่อย” จ้าวอี้เฟินบอกกับบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง
“สักครู่นะครับ”
บอดี้การ์ดหนึ่งในสองคนรับคำก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของจ้าวไป่เฟิง “คุณจ้าวครับ คุณอี้เฟินมาขอพบครับ”
จ้าวไป่เฟิงละสายตาจากแฟ้มเอกสาร คิ้วคมเข้มที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้าหากันเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เอ่ยอนุญาต
“บอกให้เฟินเฟินเข้ามาได้”
“ครับ” บอดี้การ์ดโค้งศีรษะแล้วเดินออกไป ครู่หนึ่งจ้าวอี้เฟินก็เดินเข้ามา
“พี่ใหญ่คะ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
จ้าวไป่เฟิงเลิกคิ้วมองน้องสาว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูตื่นตระหนกนั่นทำให้จ้าวไป่เฟิงขมวดคิ้วอย่างสงสัย จ้าวอี้เฟินสบตากับคนเป็นพี่ชายก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมๆ กับยื่นถุงยาไปตรงหน้าของจ้าวไป่เฟิง
“อะไร เราไม่สบายเหรอ แล้วทำไมไม่บอกพี่”
ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที และจ้องหน้าจ้าวอี้เฟินเขม็ง หากแต่พออีกฝ่ายส่ายหน้า จ้าวไป่เฟิงก็เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าน้องสาวอย่างงุนงง
“แล้วของใคร ของเสี่ยวฟงเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ใหญ่เปิดดูเองดีกว่า”
ถึงแม้ไม่เข้าใจสถานการณ์นักแต่จ้าวไป่เฟิงก็ยอมเปิดถุงแล้วหยิบซองยาด้านในขึ้นมาดู ครู่ต่อมาดวงตาของมาเฟียหนุ่มก็เบิกกว้างด้วยอาการตื่นตะลึง หากแต่เพียงครู่เดียวก็เลือนหายไป
“เอามาให้พี่ดูทำไม ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่”
“จะไม่เกี่ยวได้ไงคะพี่ใหญ่ ยานี้เป็นของพราวนะคะ พราวกำลังท้อง และน้องก็มั่นใจว่าลูกในท้องของพราวต้องเป็นลูกของพี่ใหญ่อย่างแน่นอนค่ะ” จ้าวอี้เฟินเอ่ยเสียงจริงจัง
“พราวเพตราบอกน้องงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ พอดีวันนี้น้องบังเอิญไปเจอพราวที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาล แล้วพราวก็ลืมถุงยาเอาไว้”
“ไม่ใช่ลูกของพี่หรอก พี่ป้องกันทุกครั้ง” จ้าวไป่เฟิงว่าพร้อมดันถุงยาคืนให้จ้าวอี้เฟิน
“พี่ใหญ่อะ” จ้าวอี้เฟินเอ่ยเสียงขุ่น “เผื่อพี่ใหญ่ไม่รู้ไม่มีการป้องกันวิธีไหนหรอกนะคะที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อน้องพี่ใหญ่ลองเสิร์ชข้อมูลดูก็ได้ค่ะ มีข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกลื่อนไปหมด หรือจะให้ชัวร์พี่ใหญ่ลองถามอาหมอดูก็ได้ค่ะ” จ้าวอี้เฟินกล่าวถึงหมอประจำตระกูล
“ไร้สาระ กลับไปนอนได้แล้วไป พี่จะทำงาน”
“พี่ใหญ่!”