“เธอทำร้ายพี่ใหญ่ทำไม”
จ้าวอี้เฟินถามเสียงแข็งแต่ก็ไม่ได้ใช้เสียงที่ดังจนเกินไปนักเพราะไม่อยากคนอื่นในร้านได้ยิน พราวเพตราที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามหน้าหดเหลือไม่ถึงสองนิ้ว มือที่ประสานกันเอาไว้บนตักชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาคู่สวยฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำใส จนสุดท้ายคนที่คาดคั้นเสียงแข็งก็ใจอ่อน
“บอกฉันหน่อยได้ไหม ว่าทำไมเธอต้องทำร้ายพี่ใหญ่ด้วย พี่ใหญ่ใจร้ายกับเธองั้นเหรอพราว”
พราวเพตราส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกผิดอัดแน่นในอก หญิงสาวเค้นน้ำลายเหนียวหนึบส่งลงลำคอไปอย่างยากลำบาก
“เปล่าค่ะ คุณจ้าวไม่ได้ใจร้ายเลยค่ะ”
“ก็นั่นน่ะสิ พี่ใหญ่ไม่ได้ใจร้ายกับเธอแล้วทำไมเธอถึงได้ทำร้ายพี่ใหญ่ได้ลงคอ”
“พราวขอโทษค่ะคุณอี้เฟิน”
พราวเพตราตอบเสียงสั่นเครือ น้ำสีใสที่ขังคลอตรงหน่วยตาก่อนหน้านี้ร่วงเผาะ เห็นแบบนั้นจ้าวอี้เฟินก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ถึงกระนั้นจ้าวอี้เฟินก็ไม่คิดจะปล่อยผ่าน
“ถ้าเธอรู้สึกผิดจริงๆ แล้วละก็ เธอต้องบอกฉันมาว่าเธอทำร้ายพี่ใหญ่ไปทำไม”
เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ความลำบากใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของพราวเพตรา หากแต่เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดคั้นและไม่มีทีท่ายอมผ่อนปรนของจ้าวอี้เฟินที่มองมา สุดท้ายพราวเพตราต้องยอมเปิดปากทั้งน้ำตา
“แม่บุญธรรมของพราวถูกจับตัวไปค่ะ พราวต้องทำร้ายคุณจ้าวเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดของแม่บุญธรรมค่ะ พราว พราวไม่มีทางเลือก”
พราวเพตราเอ่ยเสียงสั่น แม้จะเห็นใจอีกฝ่ายอยู่มาก แต่จ้าวอี้เฟินก็ไม่อาจอภัยให้พราวเพตราได้อย่างสนิทใจนัก อดตำหนิอีกฝ่ายไม่ได้
“เธอใจร้ายมากนะพราว พี่ใหญ่ของฉันใจดีกับเธอมากขนาดนั้น ใจดีอย่างที่พี่ใหญ่ของฉันไม่เคยใจดีกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เธอก็ยังทำร้ายพี่ใหญ่ได้ลงคอ”
พราวเพตราไร้ข้อโต้แย้ง หญิงสาวทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาที่ถูกม่านหมอกของน้ำสีใสบดบังเพ่งมองมือที่ประสานกันเอาไว้ตรงหน้าตัก เธอใจร้ายจริงๆ อย่างที่จ้าวอี้เฟินว่า ใจร้ายตั้งแต่คิดทำร้ายจ้าวไป่เฟิงแล้ว
และดีเหลือเกินที่ความขลาดกลัวและความลังเลใจของเธอทำให้เธอทำมันไม่สำเร็จ
“เธอรู้อะไรไหมพราว หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่ได้มานั่งอยู่แบบนี้หรอก”
“พราวทราบค่ะคุณอี้เฟิน และพราวก็เสียใจที่ทำแบบนั้น” พราวเพตราไม่คิดจะค้าน ไม่เลยสักนิด
“ฉันถามเธอจริงๆ นะพราว เธอไม่รู้สึกอะไรกับพี่ใหญ่เลยงั้นเหรอ”
พราวเพตราเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยที่มีม่านน้ำตาบางๆ บดบังการมองเห็นมองสบสายตากับจ้าวอี้เฟิน ฝืนยิ้มให้คำตอบอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มทน
“ความรู้สึกของพราวไม่สำคัญอะไรหรอกค่ะคุณอี้เฟิน อีกอย่างคุณจ้าวก็แค่ใจดีกับพราว แค่ใจดีเท่านั้นค่ะพราวทราบดี พราวก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้าไปในชีวิตของคุณจ้าวเท่านั้นค่ะ”
จ้าวอี้เฟินเองก็ไม่อาจจะค้านคำพูดของพราวเพตราได้เต็มปากนัก เพราะยากเหลือเกินที่จะคาดเดาความคิดและความรู้สึกของพี่ใหญ่ของเธอออก พราวเพตราเลือกใช้คำว่าใจดีก็น่าจะเหมาะที่สุดแล้ว
“พราวขอโทษจริงๆ นะคะที่คิดทำร้ายคุณจ้าว และโชคดีจริงๆ เลยค่ะที่พราวทำมันไม่สำเร็จ เพราะคุณจ้าวจับได้ซะก่อน”
พราวเพตราบอกทั้งน้ำตา หากแต่บนใบหน้าที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยหยดน้ำสีใสกลับมีรอยยิ้มจริงใจไม่เสแสร้ง นั่นทำให้จ้าวอี้เฟินทราบว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกผิดจริงๆ
“เอาละๆ เราหยุดคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ว่าแต่เธอเถอะ ไม่เจอกันเกือบเดือน เป็นยังไงบ้าง แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน อยู่กับแม่บุญธรรมของเธอหรือเปล่า”
“พราวสบายดีค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับแม่บุญธรรมแล้วค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ” จ้าวอี้เฟินเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“คือพราวอยากลองออกมาหางานทำเองค่ะ”
พราวเพตราไม่อาจถ่ายทอดเรื่องราวอันโหดร้ายระหว่างเธอกับแม่บุญธรรมออกไปได้ อย่างน้อยพราวเพตราก็ถือว่านี่เป็นการทดแทนบุญคุณของอีกฝ่าย และก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะปกป้องลู่ชิง เพราะหญิงสาวคิดว่าหากจ้าวไป่เฟิงรู้ในเรื่องนี้ แม่บุญธรรมของเธอต้องแย่แน่ๆ เรื่องทั้งหมดให้มันจบที่ตัวเธอน่าจะดีที่สุด
“งั้นเหรอ แล้วเธอทำงานอะไรล่ะ”
“พราวทำงานที่ร้านดอกไม้ค่ะ แล้วก็รับจ๊อบพิเศษส่งของหลังร้านดอกไม้ปิดค่ะ”
“ลำบากแย่เลยสิ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่พราวโอเค”
“งั้นเอางี้” จ้าวอี้เฟินบอกก่อนจะหยิบกระเป๋าหนังสีชมพูหวานแหววขึ้นมา รื้อค้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “เอานี่ไปเผื่อเธอลำบาก”
จ้าวอี้เฟินยื่นเช็คให้พราวเพตรา จำนวนเงินหลักหมื่นเหรียญที่ปรากฏบนเช็คทำให้พราวเพตราต้องสั่นหน้าปฏิเสธ
“พราวรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะคุณอี้เฟิน” อันที่จริงตอนที่อยู่กับจ้าวไป่เฟิงเขาก็ให้เงินเธอใช้ตามสมควรซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย แต่พราวเพตราไม่กล้าหยิบเงินจำนวนนั้นมาใช้เพราะรู้สึกละอายใจ
“รับไปเถอะน่า” จ้าวอี้เฟินคะยั้นคะยอ
“พราวรับไม่ได้จริงๆ ค่ะ” สีหน้าของพราวเพตราเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“เอาไปเถอะพราว เธอก็รู้ว่าเงินแค่นี้ฉันไม่เดือดร้อนหรอกน่า”
“พราวทราบค่ะคุณอี้เฟิน” พราวเพตรายิ้มจาง “แต่พราวไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ สิ่งที่พราวทำมันเกินให้อภัย พราวละอายใจเกินกว่าจะรับความช่วยเหลือจากคุณจริงๆ ค่ะ”
จ้าวอี้เฟินถอนหายใจ เห็นสีหน้าลำบากใจของพราวเพตราแล้วหญิงสาวก็ไม่อยากคาดคั้นอีก “เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าลำบากเธอบอกฉันได้นะพราว”