“ว่าแต่วันนี้น้าซ่งออกไปไหนแต่เช้าคะ”
“เอาดอกไม้ไปส่งให้ลูกค้านั่นแหละ เห็นว่าวันนี้จำเป็นต้องใช้เร็วหน่อย เลยขอให้ไปส่งแต่เช้าจ้ะ”
บทสนทนาระหว่างพราวเพตรากับฟ่านหรูสิ้นสุดลงตรงนั้นเมื่อเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋
“สวัสดีครับน้าหรู สวัสดีพราว ผมซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากครับ อ่อ มีเผื่อสำหรับน้าซ่งด้วยนะครับ”
จางซีฮ่าวเด็กหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพราวเพตราขยับยิ้มกว้างตอนที่ถือวิสาสะวางถุงน้ำเต้าหู้ลงบนโต๊ะตัวเดียวกันกับหญิงสาว ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้ามโดยไม่รอให้เจ้าของสถานที่เชื้อเชิญ
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยอาฮ่าว”
“ไม่ลำบากเลยครับน้าหรู ผมเต็มใจ”
ตอบฟ่านหรูแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พราวเพตรา หญิงสาวส่งยิ้มจางให้อีกฝ่าย ก่อนจะดึงสายตามาที่การจัดดอกไม้อีกครั้ง
“นี่ก็กำลังจะออกไปส่งของล่ะสิ”
“ใช่ครับ” จางซีฮ่าวหันไปตอบฟ่านหรูแล้วดึงสายตามาที่พราวเพตราอีกครั้ง “ว่าแต่พราวเถอะ เย็นนี้ต้องไปส่งของให้ลูกค้าเยอะไหม ให้ผมช่วยไหม”
“ขอบใจนะซีฮ่าว ของพราวไม่เยอะเท่าไรหรอก สบายมาก”
“โอเค งั้นผมไปทำงานก่อนนะ ไว้เจอกัน”
“จ้ะ”
พราวเพตรารับคำจางซีฮ่าวจึงเดินออกไปจากร้านพลางฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ฟ่านหรูเห็นแบบนั้นก็อดแซวไม่ได้
“อารมณ์ของเด็กหนุ่มช่างมีความสุขจริงๆ ว่าแต่พราวเถอะ รู้ใช่ไหมว่าอาฮ่าวไม่ได้หวังผูกมิตรแบบผิวเผิน”
“พราวทราบค่ะน้าหรู แต่พราวรับไมตรีของซีฮ่าวที่เกินกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
พราวเพตราไม่ได้รังเกียจจางซีฮ่าว ซ้ำอีกฝ่ายยังมีน้ำใจช่วยหางานพิเศษให้ แต่หญิงสาวก็ไม่อาจตอบรับไมตรีที่มากกว่าคำว่าเพื่อนได้
“พูดแบบนี้แสดงว่ามีคนอยู่ในใจอยู่แล้วใช่ไหมเอ่ย”
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของพราวเพตราหม่นแสงลงอย่างถนัดตา หากแต่เพียงครู่เดียวบนดวงหน้าเนียนใสก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ยอมรับออกไปอย่างไม่ปฏิเสธ
“ใช่ค่ะ พราวมีคนในใจแล้ว” พราวเพตรายิ้มอ่อนก่อนจะคิดในใจต่อว่า ‘และก็เป็นได้แค่คนในใจเท่านั้นจริงๆ’
“เห็นว่าพี่ใหญ่กำลังจะไปเยี่ยมท่านรัฐมนตรีที่โรงพยาบาล น้องขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ”
จ้าวอี้เฟินกล่าวถึงรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่นอนโรงพยาบาลด้วยโรคปอดอักเสบเพราะเป็นข่าวครึกโครมจึงเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวอี้เฟินจะไม่ทราบในเรื่องนี้ และในฐานะนักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จ้าวไป่เฟิงจำต้องไปเยี่ยมตามมารยาท ตอนนี้สามพี่น้องกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลจ้าว
“แล้วเฟินเฟินมีธุระไรที่นั่นหรือเปล่า”
“น้องว่าจะแวะไปกินขนมที่ร้านเบเกอร์รี่ใกล้โรงพยาบาลน่ะค่ะ เห็นในเพจโปรโมตว่าวันนี้มีขนมใหม่มาวางขาย สายหวานอย่างน้องไม่อยากพลาดค่ะ”
“สายหวานตัดขาน่ะเหรอ”
“ฮั่นแน่ พูดจาเหมือนคนไทยเข้าไปทุกที อุ้ย”
เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ควรออกไปเพราะราวกับว่าไปสะกิดแผลของจ้าวไป่เฟิงเข้า จ้าวอี้เฟินก็สะดุ้งตัวนิดๆ พลางยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง จ้าวอี้ฟงเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยท่าทางสงสัย
“ทำไมต้องทำท่าต้องใจขนาดนั้นด้วยล่ะเฟินเฟิน ไม่แปลกสักหน่อยที่พี่ใหญ่จะพูดจาติดสำนวนคนไทยมา เพราะพี่ใหญ่ต้องทำธุรกิจกับคนหลากหลายเชื้อชาติ แล้วอีกอย่างพี่ใหญ่ก็พูดได้ตั้งหลายภาษา รวมถึงภาษาไทยนั่นก็ด้วย จริงไหมครับพี่ใหญ่”
จ้าวอี้ฟงหันไปยิ้มให้จ้าวไป่เฟิง ซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงยิ้มจางๆ เป็นการตอบรับคำของน้องชาย
“พี่อิ่มแล้ว ถ้าจะไปกับพี่ก็ตามมานะเฟินเฟิน เดี๋ยวพี่ไปรอที่รถ พี่ไปก่อนนะเสี่ยวฟง ไว้เจอกันมื้อค่ำ ถ้าพี่ไม่ติดธุระอะไร”
“ครับพี่ใหญ่” จ้าวไป่เฟิงลุกออกไปครู่หนึ่งจ้าวอี้เฟินก็ลุกตามหากแต่เท้าของหญิงสาวต้องชะงักเมื่อพี่ชายคนรองเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนเฟินเฟิน มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่ใหญ่ที่พี่ยังไม่รู้รึเปล่า”
จ้าวอี้ฟงทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของคนเป็นพี่ชายแม้บนใบหน้าหล่อเหลานั้นจะมีรอยยิ้มจางประดับอยู่ นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้คนช่างสังเกตอย่าวจ้าวอี้ฟงรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไป
“ไว้น้องจะกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ ตอนนี้ต้องรีบก่อนค่ะ เดี๋ยวพี่ใหญ่ดุเอา”
ว่าแล้วจ้าวอี้เฟินก็สับเท้ารัวเร็วตามจ้าวไป่เฟิงออกไป ทิ้งจ้าวอี้ฟงไว้กับความค้างคาใจ แต่คนอย่างจ้าวอี้ฟงก็ใจเย็นพอที่จะรอคำตอบจากน้องสาว แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบในทันทีอยู่นิดหน่อยก็ตาม
โรงพยาบาลเอช แผนกสูตินรีเวช
“คุณหมอว่าอะไรนะคะ พราว พราวไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมคะ”
ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยเลือดฝาดซีดเผือด ดวงตากลมโตไหวระริกยามที่สบสายตากับนายแพทย์วัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า นอกจากพราวเพตรากับนายแพทย์คนนี้แล้วยังมีพยาบาลสาวอีกหนึ่งคนอยู่ในห้องตรวจด้วย
“ใช่ครับ คุณกำลังตั้งครรภ์ จากที่คุณให้ประวัติเรื่องประจำเดือนที่ขาดไปตอนนี้คุณก็ตั้งครรภ์ได้ราวๆ เจ็ดสัปดาห์แล้วครับ แต่ถ้าจะให้ได้อายุครรภ์ที่แน่นอนก็ต้องอัลตราซาวนด์ด้วยครับ”
หากเป็นก่อนหน้านี้พราวเพตราคงจะยิ้มกว้างอย่างยินดี ทว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่ที่ซุกหัวนอนเธอยังต้องรบกวนฟ่านซ่งกับฟ่านหรู
“คุณหมอช่วยวินิจฉัยใหม่อีกครั้งได้ไหมคะ ไม่ใช่ว่าพราวไม่เชื่อหมอนะคะ แต่ว่าทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์พราวป้องกันตลอดด้วยการเอ่อ ใช้ถุงยางอนามัย แล้วทำไมถึงท้องได้ล่ะคะ”
พราวเพตรากระดากอายอยู่บ้างที่ต้องถามออกไปแบบนั้น แต่หญิงสาวไม่อาจเก็บความข้องใจเอาไว้ได้อีก เพราะในเมื่อจ้าวไป่เฟิงเป็นฝ่ายป้องกันทุกครั้ง แล้วทำไมเธอถึงท้องได้ บางที่ผลเลือดกับผลปัสสาวะที่เก็บไปตรวจอาจคลาดเคลื่อน
“คืออย่างนี้นะครับ” นายแพทย์คนดังกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น ไม่มีทีท่าหงุดหงิดรำคาญใจ “ไม่มีการป้องกันการตั้งครรภ์วิธีไหนที่จะสามารถคุมกำเนิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างการทำหมันสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์กว่าๆ ซึ่งจะเห็นว่าเปอร์เซ็นต์การตั้งครรภ์เป็นไปได้น้อยมากในผู้ที่ทำหมัน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ มีบ้างเคสที่ทำหมันแล้วตั้งครรภ์ก็มี ในส่วนการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยนั้น สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ราวๆ เก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ จากงานวิจัยพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ที่เลือกการป้องกันด้วยวิธีนี้สองคนในหนึ่งร้อยคนเกิดการตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกครับที่คุณจะท้อง”