“จัดได้สวยมากจ้ะ น้าสอนแค่นิดเดียวเอง แบบนี้เรียกว่าพรสวรรค์ชัดๆ”
“น้าหรูชมเกินไปแล้วค่ะ”
พราวเพตรายิ้มตอบในขณะที่มือเรียวยังคงง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ช่อหนึ่ง ซึ่งในช่อนั้นประกอบด้วยดอกไม้หลากชนิด ทั้งดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบ ดอกเยอร์บีร่า ดอกลิ้นมังกรและดอกสแตติส เป็นการจัดดอกไม้ครั้งแรกของพราวเพตราที่ฟ่านหรูอดชื่นชมไม่ได้ว่าหญิงสาวนั้นช่างมีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์จริงๆ
“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ที่น้าพูดน่ะจริงทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองถามน้าซ่งดูสิ จริงไหมพี่ซ่ง”
ฟ่านหรูโบ้ยให้สามี ฟ่านซ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของร้านพลางยกชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบายๆ ขยับยิ้มกว้างก่อนจะยกหัวแม่มือขวาให้พราวเพตรา “เยี่ยมมาก อีกหน่อยน้าหรูคงได้ตกงาน”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะน้าซ่ง พราวยังต้องเรียนรู้อีกมาก” พราวเพตรายังคงถ่อมตัว สองสามีภรรยาต่างส่งยิ้มเอ็นดูให้หญิงสาว
“ไม่เชื่อก็คอยดูสิ อีกหน่อยลูกค้าต้องถาม ใครกันนะที่เป็นคนจัดดอกไม้ช่อนั้น อีกหน่อยน้าคงได้ทำหน้าที่แค่เป็นคนคิดเงินเท่านั้นนั่นแหละ”
ฟ่านหรูเอ่ยอย่างติดตลกซึ่งฟ่านซ่งเองก็สนับสนุนคำของภรรยาด้วยการพยักหน้าไปทีหนึ่ง พอเห็นแววตาที่อมทุกข์ของพราวเพตราเจือความสดใสขึ้นมาบ้างทั้งคู่ก็ยินดี หันมาสบตากันแว่บหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับไปที่พราวเพตราอีกครั้ง
“ขอบคุณน้าซ่งกับน้าหรูมากเลยนะคะที่เอ็นดูพราวมากขนาดนี้ พราวจะไม่มีวันลืมความเมตตาของน้าทั้งสองอย่างแน่นอนค่ะ”
“ฉันว่าตอนนี้มาเฟียหน้าสวยเพื่อนของเรากำลังมีเรื่องในใจ พวกนายคิดเหมือนฉันไหม”
คนพูดคือดิมิทิส มันตาลอสมาเฟียกรีก โดยมีฟิโอดอร์ อัครา คอมบารอฟ มาเฟียรัสเซียที่เลือดในกายครึ่งหนึ่งเป็นสายเลือดชาวไทย และราฟาเอล เลอร์มามาเฟียฝรั่งเศสร่วมพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนคนที่ถูกกล่าวถึงมีสีหน้าเรียบนิ่ง หากแต่ไม่ลืมขึงตาใส่กลุ่มเพื่อนผ่านหน้าจอมือถือ พวกเขากำลังสนทนากันผ่านวิดีโอคอล
“ยุ่งน่าดิม”
จ้าวไป่เฟิงเอ่ยเสียงเข้มเป็นเชิงตำหนิกรายๆ แต่มีหรือคนอย่างดิมิทิสจะมีทีท่าสลดลง ไม่เลยสักนิด ซ้ำเจ้าตัวยังแสดงสีหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้ แสร้งเมินคำพูดของจ้าวไป่เฟิงไปเสียอย่างนั้น
“สิ้นเดือนฉันพอจะมีเวลาว่างว่ะ อยากไปล่องเรือที่อ่าววิคตอเรีย มีใครอยากไปกับฉันไหม”
“ฉันว่างพอดี”
“ฉันไปได้อยู่แล้ว”
ฟิโอดอร์ว่าในขณะที่ราฟาเอลเสริม นั่นทำให้เจ้าบ้านอย่างจ้าวไป่เฟิงถึงกับถอนหายใจ “กรีซไม่มีทะเลหรือไงดิม” จ้าวไป่เฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์อย่างจงใจ
“มีเยอะแยะ แต่ฉันอยากล่องเรือที่อ่าววิคตอเรีย ทำไม นายจะห้ามฉันเหรอ เอาสิทธิ์อะไรมาห้าม ถ้าฉันจำไม่ผิด นายแค่ทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือผ่านอ่าววิคตอเรีย แต่นายไม่ได้เป็นเจ้าของอ่าวซะหน่อย เพราะงั้นฉันก็ไปได้”
ดิมิทิสยกยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของจ้าวไป่เฟิงเพราะอีกฝ่ายไม่อาจค้านในสิ่งที่เขาพูดออกไปได้
“เหมือนนายจะว่างงานมากนะดิม” จ้าวไป่เฟิงว่าอย่างประชด
“ก็พอสมควรแหละ งานมันรันเองได้ และฉันก็มีคนคอยดูให้อยู่แล้ว เดือนนึงฉันโผล่หน้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยสักสองสามครั้งก็พอแล้วไหม”
“ขอให้ธุรกิจนำเข้ารถยนต์นายเจ๊งเร็วๆ นี้”
“อ้าว อวยพรกันแบบนี้ไม่ดีนะครับเสี่ยวเฟิง”
“เฮอะ”
จ้าวไป่เฟิงแค่นเสียงด้วยท่าทางฮึดฮัด ส่วนฟิโอดอร์กับราฟาเอลฟังทั้งคู่โต้เถียงกันโดยไม่ได้ห้ามทัพ ซ้ำยังยกยิ้มอย่างชอบใจ
“งั้นตกลงพวกนายดีลนะ เจอกันสิ้นเดือน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช่จ่าย เพราะเดี๋ยวเสี่ยวเฟิงจะเป็นคนจัดการให้เอง” ดิมิทิสสรุปอย่างเสร็จสรรพ
“เดี๋ยวก่อนนะดิม ฉันไปตกปากรับคำนายตั้งแต่เมื่อไร อย่ามาโมเม”
“มันเป็นธรรมเนียมน่า แขกไปเยือนเจ้าบ้านก็ต้องต้อนรับขับสู้ไม่ใช่รึไงกัน”
“ฉันยินดีจ่ายให้ทุกคน ยกเว้นคนกวนประสาทอย่างนาย”
“โหไรวะ ทำไมโลกไม่ยุติธรรมกับคนหน้าตาดีอย่างฉันด้วย”
“พอเถอะดิม อันนี้ฉันว่าไม่ไหวจริงๆ ว่ะ”
ราฟาเอลถึงกับส่ายหน้า หากแต่ใบหน้าหล่อเหลาของมาเฟียฝรั่งเศสปรากฏรอยยิ้มจางๆ ส่วนฟิโอดอร์นั้นแม้จะยังคงรักษาสีหน้าเคร่งขรึมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทว่าแววตาของเขาความขบขันพาดผ่าน
“ว่าแต่นายเถอะเสี่ยวเฟิง เป็นอะไร ทำไมหน้าตาดูเครียดๆ”
คำถามจากฟิโอดอร์ทำให้จ้าวไป่เฟิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น หากแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่เจ้าตัวจะคลายออก สบตาฟิโอดอร์ผ่านหน้าจอ
“ก็นิดหน่อย แต่ฉันจัดการแล้ว”
“แน่ใจนะ” ฟิโอดอร์ถามย้ำ
“อืม แน่สิ” จ้าวไป่เฟิงเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ก่อนจะตอบฟิโอดอร์อย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันจัดการไม่ได้หรอก นายวางใจได้”
“งั้นก็โอเค แต่รู้ใช่ไหม ว่าถ้านายต้องการความช่วยเหลือ พวกฉันยินดี”
“รู้น่า ว่าแต่นายเถอะ จะพาตมิสามาด้วยหรือเปล่า” จ้าวไป่เฟิงกล่าวถึงภรรยาของฟิโอดอร์ที่เจ้าตัวเพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อสามเดือนก่อน
“ถามถึงเมียฉันทำไม”
“เสียงแข็งเลยนะ”
คนที่แซวไม่ใช่จ้าวไป่เฟิงแต่เป็นดิมิทิส ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวว่าจบก็ได้รับสายตาดุๆ จากฟิโอดอร์เป็นรางวัล แต่แน่นอนว่ามาเฟียกรีกไม่ยี่หระ ซ้ำยังยักคิ้วใส่ฟิโอดอร์อย่างยั่วโมโห
“เจอหน้ากันเมื่อไรนายโดนฉันเตะแน่ดิม”
“ฉันนับวันรอเลย”
คำโต้ตอบของดิมิทิสเรียกรอยยิ้มจากราฟาเอลกับจ้าวไป่เฟิงได้เป็นอย่างดี พวกเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระต่ออีกพักหนึ่งและจบบทสนทนาผ่านวิดีโอคอลในครู่ต่อมา
“พี่รองงงงงง”
คนถูกเรียกหันไปทางต้นเสียง จ้าวอี้ฟงขยับยิ้มกว้างตอนที่คนเป็นน้องสาวอย่างจ้าวอี้เฟินเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาก่อนจะวางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของเขา จ้าวอี้ฟงยอมละมือจากเมาส์ไร้สายและละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ ยกมือขึ้นแตะมือน้องสาวแผ่วเบาพลางเหลือบสายตาขึ้นมอง
“มีอะไรรึเปล่าเฟินเฟิน”
“เมื่อกี้น้องแวะไปหาพี่ใหญ่มาค่ะ เสร็จแล้วก็เลยแวะมาหาพี่รอง ว่าแต่พี่รองทำอะไรอยู่หรือคะ”
จ้าวอี้เฟินมองที่หน้าจอคอมพ์อย่างถือวิสาสะ เห็นเพียงภาพพื้นหลังสีฟ้าครามกับไอคอนบางอย่างบนเดสทอปส์ ราวกับว่าเจ้าของเพิ่งจะเปิดเครื่อง
“พี่กำลังจะเขียนเกมใหม่น่ะ”
“รายได้จากเกมที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อสามเดือนก่อนใช้หมดแล้วหรือคะพี่รองถึงได้จะสร้างเกมใหม่อีกแล้ว” จ้าวอี้เฟินแกล้งเย้า หญิงสาวรู้ดีว่าจ้าวอี้ฟงชื่นชอบการออกแบบเกมใหม่ๆ อยู่เสมอ พี่ชายของเธอเป็นนักพัฒนา
เกมที่เรียกว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เพราะทุกเกมที่พี่รองของเธอคิดค้นมักทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นเกมมือถือที่วางจำหน่ายหลายแพลตฟอร์ม อาทิ ไอโอเอสและแอนดรอยส์
“พี่อยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรนี่ จะให้ไปช่วยงานพี่ใหญ่ก็ทำไม่ได้ เฟินเฟินก็เห็นคนพิการอย่างพี่จะไปทำอะไรได้ล่ะ จริงไหม”
“ไม่เอาค่ะ ไม่พูดแบบนี้ พี่รองของน้องเก่งที่สุดเลย”
แม้รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของจ้าวอี้ฟง หากแต่จ้าวอี้เฟินทราบดีว่าคนเป็นพี่ชายรู้สึกหวานอมขมกลืนมากเพียงใดกับความพิการขาทั้งสองข้างที่เจ้าตัวต้องเผชิญ จ้าวอี้ฟงไม่สามารถเดินได้เอง ต้องอาศัยรถเข็นในการช่วยเดิน แต่เธอไม่อยากให้พี่ชายของเธอต้องรู้สึกแบบนั้น จริงอยู่ที่จ้าวอี้ฟงไม่อาจไปช่วยจ้าวไป่เฟิงบริหารงานได้ หากแต่ฝีมือในฐานะนักพัฒนาเกมของจ้าวอี้ฟงก็ไม่เป็นสองรองใคร จ้าวอี้เฟินอยากให้พี่ชายของเธอภูมิใจในส่วนนี้ พี่ชายของเธอก็แค่โชคร้ายต้องเสียขาทั้งสองข้างไปตั้งแต่วัยเด็กจากอุบัติเหตุรถยนต์ แม้จะมีขาเทียมแต่พี่รองของเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบที่ต้องพึ่งพามันสักเท่าไรนัก