Ep.1
Ep.1
Planil talk.
K.Pub
"มึงแดกช้าๆ ก็ได้ ยังไงคืนนี้มึงได้เมาแน่ๆ ไม่ต้องรีบแดกขนาดนั้น" ฉันหันไปปรามยัยเมย์หรืออีเมย์ พร้อมกับแย่งแก้วเหล้าในมือของมันมา เพื่อไม่ให้มันดื่มแบบหนักๆ เพราะตั้งแต่ที่พนักงานเอาเหล้าเข้ามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ มันก็เล่นกระดกคนเดียวจนเหล้าเกือบจะหมดไปขวดนึงแล้ว! ถ้าไม่เบรกมันไว้นี่มีหวังเมาตั้งแต่นักร้องยังไม่ขึ้นเวทีแน่!
และอีเมย์ที่พูดถึงเนี่ยมันก็เป็นเพื่อนที่สนิ๊ทสนิทของฉันเองค่ะ เราเป็นเพื่อนกันมากตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกัน เราก็เลยค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก และจะรู้ความลับของกันและกันแทบทุกเรื่อง แล้วก็จะใช้คำหยาบคุยกันจนเป็นเรื่องปกติ
อ้อ! แล้วไม่ได้สนิทกันแค่สองคนนะ มีอีแอรี่อีกคนหนึ่ง อีนี่มันเป็นหญิงเทียมหรือเรียกง่ายๆ ก็กะเทยนั่นแหละค่ะ กับอีแอรี่นี่เพิ่งจะมารู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทนี่บอกเลยว่าระดับแอดวานซ์เลยละค่ะ ไปไหนไปกันตลอด ขนาดฉันจะไปกับผู้มันยังจะไปด้วยเลยคิดดู
"ไม่! กูจะแดก มึงไม่ต้องมาห้ามกูเลยนะ กูเสียใจ! มันแม่ง! ทำแบบนี้กับกูได้ยังไงวะ ฮรือออๆ" เมย์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งแก้วเหล้าของมันคืนไป
คืออย่างนี้ค่ะ...สาเหตุที่มันต้องมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่แบบนี้ ก็เพราะว่ามันเพิ่งโดนแฟนที่คบมาสี่ปีบอกเลิกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และเหตุผลที่เลิกก็ปัญญาอ่อนมาก เขาบอกมันว่า...เขากับมันอยู่ห่างกันเกินไป เขากลัวมันมีคนอื่นก็เลยชิ่งบอกเลิกก่อน
"ก็แค่ผู้ชายคนเดียว มึงอย่าให้ค่ามันขนาดนั้นดิวะ" จริงๆ แล้วฉันเข้าใจมันนะ แต่ไม่อยากให้มันฟูมฟายเพราะผู้ชายไม่มีค่าคนนั้นไปมากกว่านี้ ฉันอยากให้มันเข้มแข็งมากกว่า
"มึง แต่กูรักมัน"
"กูรู้ว่ามึงรัก แต่มึงช่วยมีสติมากกว่านี้หน่อยได้มั้ย ตอนนี้ต่อให้ฟูมฟายจะเป็นจะตายยังไงมันก็ไม่มาสนใจมึงหรอก นู้น! ป่านนี้มันคงสมสู่อยู่กับอีตัวไหนแล้วก็ไม่รู้" จริงๆ นะคะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนเรามันจะเลิกกันด้วยเหตุผลที่ว่าห่างกันเกินไปได้ง่ายขนาดนี้ มันต้องแอบมีคนอื่นอยู่แล้วล่ะ
"มึง ฮรือๆๆ" และเหมือนคำพูดของฉันมันจะไปกระตุ้นต่อมน้ำตาของมันให้ไหลออกมามากกว่าเดิม เพราะพอฉันพูดจบอีเมย์มันก็เบะปากพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที
"มึงอย่าร้อง" ตอนนี้ฉันไม่รู้จะพูดจะปลอบมันยังไงแล้วละค่ะ ฉันไม่เคยปลอบใครเลยจริงๆ ส่วนมากก็มีแต่ด่า ด่าให้สำนึกแล้วก็จะหยุดร้องไห้ไปเอง แต่ครั้งนี้ฉันคงพลาดเพราะยิ่งพูดแรงมันก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก...เอาไงดีวะเนี่ย!?
"ฮรือๆๆๆๆ"
"เมย์มึงใจเย็นๆ นะ อะนี่เหล้า มึงอยากกินเท่าไหร่มึงกินเลยนะ ถ้ามึงเมาเดี๋ยวกูกับอีแอร์จะแบกมึงกลับเอง" ฉันพูดพร้อมกับยัดแก้วเหล้าที่เพิ่งชงใหม่ๆ ใส่มือของมัน ซึ่งมันก็รับไปถือไว้แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดร้องไห้ได้ง่ายๆ แล้วก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาโปรดฉันเลยค่ะ เมื่ออีแอรี่เดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับหมุนฟลูเทิร์นสองรอบ ก่อนจะพูดทักทายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดัดจริตตามนิสัยตุ๊ด!
"ฮายชะนี รอแอรี่นานมั้ยคะ...!?" พอทักทายจบมันก็ต้องรีบหันมามองหน้าฉันอย่างมีคำถามทันที เมื่อเห็นอีเมย์กำลังร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่
"เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ตอนนี้มึงช่วยทำให้มันหยุดร้องก่อนได้มั้ยวะ" ฉันขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ อีแอรี่ก่อนจะพูดกับมันเบาๆ จากนั้นมันก็พยักหน้ารับรู้แล้วหันไปมองหน้าอีเมย์สักพัก ก่อนจะเริ่มพูดกับมัน
"นี่ชะนี เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม"
"ฮึก! ฮรือๆ" อีเมย์ไม่ตอบและยังคงก้มหน้าร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายต่อ
"งั้นเอางี้! มึงอยากร้องมึงก็ร้องให้มันสุดๆ ไปเลยค่ะ อยากร้องแค่ไหนมึงก็ร้องเลย หยุดร้องเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้กูฟังก็ได้กูไม่รีบ เดี๋ยวกูกับอีนิลจะส่องผู้รอ"
"จะดีเหรอวะมึง" ฉันขยับเข้าไปกระซิบถามแอรี่อีกครั้ง เมื่อมันพูดจบ
"เออดี! เชื่อกูสิ! เดี๋ยวมันก็หยุดร้องเอง มันร้องไม่ได้ทั้งคืนหรอก"
"เออๆ เอางั้นก็ได้วะ" ห่วงเพื่อนก็ห่วงอยู่นะคะ แต่มันก็จริงอย่างที่แอรี่มันว่านั่นแหละ เดี๋ยวมันคงหยุดร้องเอง ปล่อยให้มันนั่งอยู่กับตัวเองน่าจะดีที่สุดแล้วในตอนนี้
อ่าส์...พล่ามกันไปตั้งนาน ระหว่างรอให้เพื่อนหยุดร้องไห้ฉันขอแนะนำตัวเลยแล้วกันนะ สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อปลานิลนะคะ เรียนจบปริญญาตรีมาเกือบๆ หนึ่งปีแล้ว กำลังจะเริ่มหาทำงาน ที่เริ่มทำงานช้าก็เพราะฉันขอที่บ้านว่าหลังเรียนจบฉันอยากเที่ยวเพื่อพักผ่อนสมอง หาประสบการณ์ชีวิตก่อน ซึ่งที่บ้านก็โอเคไม่ว่าอะไร แล้วไม่ใช่ว่าบ้านฉันรวยหรอกนะ พอมีกินมีใช้ไม่ขัดสน เรียกได้ว่ามีฐานะปานกลาง
ฉันกับเมย์เป็นเด็กต่างจังหวัด แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พ่อฉันกับพ่อของมันต้องย้ายเข้าทำงานในกรุงเทพเพื่อปรับตำแหน่ง ฉันกับมันก็เลยต้องได้ย้ายเข้ามาอยู่ และต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพอย่างช่วยไม่ได้
แต่พอตอนจะเข้ามหาลัยฯ ฉันกับเมย์ดันสอบได้ที่เดียวกัน เป็นมหา’ ลัยดังต่างจังหวัดที่อยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เลยต้องไปเช่าหออยู่ที่นู้นสี่ปีเต็มๆ ไม่ค่อยได้กลับมากรุงเทพด้วย เพราะช่วงเทศกาลพ่อกับแม่ท่านก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดกัน ฉันกับอีเมย์ก็เลยไปเจอพวกท่านที่บ้านแทน ไม่ต้องวนกลับเข้ากรุงเทพ
แล้วก็ได้มาเจอกะเทยแรดๆ อย่างแอรี่ตอนเรียนมหา’ ลัยนี่แหละค่ะ นางเป็นเด็กกรุงเทพแต่สอบติดมหาลัยฯ ต่างจังหวัดก็เลยได้มาเรียนไกล
และตอนนี้หลังจากฉันกับเมย์จะเริ่มทำงานกันอย่างจริงๆจังๆ ก็เลยจะมาหางานทำกันที่กรุงเทพฯ เพิ่งมาถึงวันนี้สดๆ ร้อนๆ งานก็ยังไม่ได้หา แต่โดนแอรี่เจ้าถิ่นจอมร่านชวนมาเที่ยวที่รังเก่าของมันซะก่อน ซึ่งก็คือที่นี่แหละ แล้วมันยังโม้อีกนะว่าที่นี่ผู้งานดีมาก และฉันซึ่งเป็นผู้ที่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็ต้องตกลงมาสิคะจะรออะไร
แต่ก่อนออกมาเมย์ดันเจอแฟนบอกเลิกซะก่อน ฉันเลยไม่รู้ว่ามันนี้ฉันจะได้ดูผู้หรือดูมันแทน
"นั่นเลยค่ะชะนี กูจะแนะนำโต๊ะนั้นให้มึงรู้จักไว้เป็นบุญต่อมความแรดของมึง" อีแอรี่พูดพร้อมกับชี้ขึ้นไปยังชั้นสองของผับ ซึ่งน่าจะเป็นโซนวีไอพีของที่นี่ แล้วที่นี่ก็นะ โคตรหรู ผับที่อยู่แถวๆ มหา’ ลัยที่ฉันคิดว่าหรูแล้วยังเทียบที่นี่ไม่ติดเลย
"อ่าหะ ?" ฉันพยักหน้าแล้วมองตามมือมันที่ชี้ขึ้นไปอย่างสนอกสนใจทันที ฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปนั่นแหละ ที่จะทำตัวกระดี๊กระด๊าเวลาเจอผู้ชายหล่อๆ แต่ฉันน่าจะแตกต่างออกมาหน่อย ก็เพราะว่าฉันแค่กรี๊ดสนุกๆ ปากกล้าแค่เวลาอยู่กับเพื่อนเท่านั้น พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่กล้าอยู่ดี
"โต๊ะนั้นน่ะ เป็นโต๊ะประจำของเจ้าของที่นี่และผองเพื่อนของเขา ซึ่งแต่ละคนนะหล่อมากก หล่อแบบหล่อจริงๆ"
"หล่อขนาดนั้นเลย ?" ฉันเลิกคิ้วถามมันไปอย่างขำๆ จะหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ
"เออขนาดนั้นเลยค่ะ แต่เดี๋ยวนี้เจ้าของผับและเพื่อนๆ ก็ไม่ค่อยมานั่งตรงนั้นแล้วล่ะ"
"อ้าว แล้วมึงจะพูดเพื่อ !?"
"ฟังกูให้จบก่อนสิ!"
"มึงก็พูดให้มันจบๆ เลยไม่ได้เหรอ"
"เออๆ ต่อเลยนะ...ที่เจ้าของผับไม่มานั่งแล้วก็เพราะว่าเขามีครอบครัวมีลูกไปแล้วไง ก็เลยต้องให้เวลาลูกเมีย"
"อ๋อ" แบบนี้นี่เอง คงจะรักครอบครัวมากสินะ ฮรือ แค่รู้แค่นี้ก็รู้สึกว่าเจ้าของผับต้องดูอบอุ่นมากแน่ๆ
"แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นไงมึง" และแอรี่มันก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตื่นเต้นทันทีที่จะพูดถึง
"?"
"มันอยู่ที่ทุกวันนี้โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะประจำของใครต่างหาก"
"ของใครอะ ?"
"ก็พวกลูกๆ หลานๆ เจ้าของผับนั่นแหละ"
"มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วมั้ยวะ" ไม่เห็นแปลกเลย
"แต่คือพี่เจ้าขุนหลานเจ้าของผับหล่อมากมึงเอ๊ย! หล่อแบบวัวตายควายล้มเลยล่ะ นี่ถ้ากูได้สักครั้งกูต้องเรียนได้เกียรตินิยมแน่ๆ"
"มึงอย่ามาเวอร์!" ฉันล่ะเอือมกับความโอเวอร์เกินเหตุของมันจริงๆ เห็นใครหล่อมันก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเรียนไปเกรดดีขึ้นเลยสักเทอม
"แต่หล่อจริงๆ นะมึง มึงต้องได้เจออะ และไม่ใช่หล่อแค่พี่เจ้าขุนนะ คนอื่นๆ ก็หล่อ หล่อกันทั้งแก๊งค์เลย เดี๋ยวถ้ากูเห็นนะกูจะชี้ให้ดู"
"อย่าลืมล่ะ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะหล่อเว่อร์วังอย่างที่มึงพูดหรือเปล่า"
"เออ แต่ตอนนี้พี่เจ้าขุนยังไม่มา ...แต่นั่นไงๆ เพื่อนพี่เขามาละคนหนึ่ง หล่อมากๆ เหมือนกัน แต่กูบอกก่อนเลยว่าคนนี้เจ้าชู้สุดๆ เข้าถึงง่ายเป็นกันเอง และกูเคยจ้องจะกินหลายครั้งมาก แต่เสียดายพี่เขาไม่นิยมเพศแบบกู แต่ถ้ามึงอยากได้มึงบอกกู กูสามารถดิลให้ได้"
"ไหนวะ ?" ฉันชะโงกคอมองตามมือมันไปที่ทางเข้าผับ ที่มันกำลังชี้ให้ฉันดู ฉันไล่สายตามองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดและหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง...เขามีหน้าตาและท่าทางคล้ายๆ กับคนที่ฉันเคยรู้จัก และคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาคล้ายผู้ชายที่ฉันเจอครั้งล่าสุดเมื่อห้าปีที่แล้ว และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
จนกระทั่งตอนนี้และที่สำคัญ...พอเห็นเขามันก็ทำให้ฉันหวนไปนึกถึงผู้ชายคนนั้น ...คนที่ฉันคิดว่าฉันลืมเขาได้แล้ว
"นั่นไงๆ ที่ใส่เชิ้ตสีดำๆ อะ เห็นปะ หล่อๆ ขาวๆ ที่แวะยืนคุยกับผู้หญิงนมใหญ่อยู่หน้าบาร์น่ะ หล่ออย่างเดียวไม่พอนะมึง ที่สำคัญรวยมากๆ เลยด้วย"
"ขะ...เขาชื่ออะไรมึง ?" ฉันถามมันออกไปเสียงเบาๆ และพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่น ในใจภาวนาขอให้อย่าเป็นคนเดียวกับที่ฉันกำลังคิดอยู่เลย ขอให้เขาเป็นแค่คนหน้าเหมือน หรือแค่คนที่มีลักษณะคล้ายกันเฉยๆ ก็ได้ ถึงเขาจะเหมือนมาก เหมือนจนแทบจะเป็นคนคนเดียวกันเลย แต่ฉันขอแค่นี้จริงๆ...ได้มั้ย?
"คนนั้นน่ะชื่อ...พี่ทราฟฟิค"
"!!!"
ใช่เขาจริงๆ ด้วย
...พี่ทราฟฟิคคนที่เป็นทั้งรักแรกและเป็นแฟนคนแรกของฉัน...