Ep.2

1951 คำ
Ep.2 Planil talk. "นิล!" "..." "อีนิล!" "...!" "อี-ปลา-นิล!" "หะ...ห้ะ มีอะไรมึง เรียกซะเสียงดังเลย!" ฉันสะดุ้งตัวขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับหันไปมองหน้าแอรี่ที่มันมาตะโกนใส่หูฉัน เข้าใจนะว่าเสียงเพลงในผับมันดังมาก แต่ก็ไม่เห็นต้องมาตะโกนใส่หูฉันแบบนี้เลย ถ้าหูแตกขึ้นมาจะทำไง "กูเรียกมึงจนคอกูจะแตกอยู่แล้วค่ะ เหม่ออะไรของมึง ผู้ชายเดินไปกับชะนีนมโตนู้นแล้วเห็นมั้ย" แอรี่พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ ฉันเลยหันกลับไปมองอีกครั้ง...และก็เป็นอย่างที่อีแอร์มันพูดจริงๆ ด้วย เขาเดินหายไปกับผู้หญิงที่เขายืนคุยอยู่ก่อนหน้านี้จริงๆ ด้วย และทางที่เขาเดินไปไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไปทำอะไรกัน เหอะ! ยังนิสัยเหมือนเดิมอยู่สินะ...เอาไม่เลือก "..." ฉันเลิกสนใจแล้วหันกลับมา ก่อนจะยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว "สนใจปะคะ ?" แอรี่มองหน้าฉันแล้วถามออกมาด้วยเสียงกระดี๊กระด๊าสุดๆ "อะไร" "เอ้า! ก็พี่ทราฟฟิคไง หล่อๆ รวยๆ เข้าถึงง่ายแบบนี้ไม่สนใจเหรอ" ร่านน่ะสิไม่ว่าถึงได้เข้าถึงง่ายขนาดนั้น "ไม่อะ มีหล่อๆ กว่านี้อีกปะ คนนี้ไม่ผ่านว่ะ" ฉันปฏิเสธมันไปพยายามไม่สนใจและเบี่ยงประเด็นความสนใจของแอรี่ไม่ให้มันพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก เอาจริงๆ เรื่องของฉันกับเขามันก็ผ่านมาจะห้าปีแล้ว เขาคงจำไม่ได้แล้วละว่าเคยมีคนอย่างฉันอยู่ในชีวิต ซึ่งฉันเองก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน ต้องลืมเขาให้ได้ ความจริงฉันคิดว่าฉันลืมเขาไปได้ตั้งนานแล้ว...แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คือฉันลืมเขาไม่เคยได้เลย แล้วยิ่งเห็นเขาเมื่อกี้นี้ความรู้สึกทั้งหมดที่มันควรจะหายไป...มันกลับอยู่ แถมทุกความรู้สึกมันยังชัดเจนและตอกย้ำให้ฉันรู้ได้เลยว่าที่ผ่านมา...ฉัน...ไม่เคยลืมเขาได้เลย... และคือ...แอรี่เนี่ย! มันรู้นะคะว่าฉันเคยมีแฟนมาก่อน แต่แค่มันไม่รู้ว่าแฟนคนนั้นของฉันคือใคร คนที่รู้ก็จะมีแค่เมย์คนเดียวเท่านั้น และที่แอรี่ไม่รู้ไม่ใช่เพราะฉันปิดบังมันนะ แต่ตอนนั้นถ้าฉันบอกมันไปฉันก็คิดว่ามันคงไม่รู้จัก ฉันหมายถึงตอนที่เราแชร์ประสบการณ์กันตอนที่เราเรียนมหา’ ลัยด้วยกันนู้น แต่ใครจะรู้วะว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ อีแอร์ดันรู้จักกับเขาซะด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ...ถึงฉันจะลืมไม่ได้แต่ฉันก็ไม่ขอกลับไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายแบบนั้นอีกแล้ว ฉันก็จะขอจดจำเขาไว้แบบนี้แหละ จดจำไว้เป็นบทเรียนในการคบผู้ชาย ว่าควรเลือกรักคนที่ดีๆ ไม่ใช่เลือกไปรักผู้ชายสำส่อนแบบนั้น "นี่มึงยังจะเอาหล่อกว่านี้อีกเหรอคะ คนนี้ก็เกรดพรีเมี่ยมแล้วนะ" "นี่เรียกพรีเมี่ยมแล้วเหรอ เดี๋ยวนี้มึงตาต่ำลงเยอะมากเลยนะแอร์" ถ้าคนอื่นมองก็คงจะพรีเมี่ยมอย่างที่อีแอร์มันบอกนั่นแหละ แต่สำหรับฉันคือไม่ "อร้าย!! ชะนี! มึงถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ที่บอกว่ากูตาต่ำน่ะ" แอรี่วีนขึ้นมาทันทีหลังจากที่ฉันพูดว่ามันตาต่ำ "ไม่ถอน! มีไรมะ?" ซึ่งฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน "มึงนี่ไม่รู้อะไรซะละ" "อะไรอีก" "ก็พี่ทราฟฟิคน่ะ เขาฮอตมากๆ เลยนะยะ มีผู้หญิงหลายคนมาก ที่จ้องอยากจะกินเขาแต่ไม่ได้กินน่ะ" "นิสัยสำส่อนขนาดนั้นยังมีคนที่ยังไม่ได้กินอีตานั่นด้วยเหรอ เหอะ!" ฉันพูดออกไปเสียงเบาก่อนจะแค่นเสียงออกไปในลำคอ สำส่อน กินไม่เลือกขนาดนั้นไม่ใช่ได้ผู้หญิงทั่วกรุงเทพฯแล้วหรือไง ยังมีคนที่ยังไม่ได้กินด้วยเหรอ "มึงว่าไงนะ!?" อีแอร์มองฉันอย่างสงสัยทันทีที่ฉันพูดจบ "!!!" ฉันว่า...ฉันพลาดแล้วล่ะ เพราะเครื่องจับผิดของแอรี่มันทำงานเร็วมาก และฉันก็เป็นพวกโกหกไม่ค่อยเนียนด้วยสิ "...มึงพูดเหมือนมึงเคยรู้จักพี่ทราฟฟิคมาก่อน" มันพูดแล้วหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด "เอ่อ....คือ...มะ...มึงฟังผิดหรือเปล่า" เอาแล้วไง พอจะแก้ตัวหรือจะโกหกอะไรใคร มันก็มักจะคิดคำแก้ตัวไม่ออกแบบนี้ทุกที "ไม่นะ กูว่ากูได้ยินไม่ผิดแน่ๆ" "...!" ฉันเม้มปากตัวเองเข้าหากันแน่นพร้อมกับพยายามหลบสายตาจับผิดของแอรี่ "มึงรู้...ว่าพี่เขานิสัยยังไง เหมือนเคย...รู้จักกันมาก่อน" "มะ...ไม่เคยรู้จักกันเลยมึง มึงอ่ะคิดมาก!" พูดจบ ฉันก็เผลอยกแก้วเหล้าที่ไม่มีเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างลืมตัว เลยกลับกลายเป็นว่าตอนนี้แอรี่ยิ่งมองจับผิดฉันมากขึ้นไปอีก "อีนิล มึงรู้ตัวใช่มั้ยว่ามึงโกหกไม่เก่ง" "ระ...รู้! กูถึงไม่โกหกมึงเลยไง" "อ๋อเหรอ มึงกล้าบอกกูว่าไม่โกหกกูทั้งๆ ที่มึงกำลังโกหกกูอยู่เนี่ยอะนะ" "!!!" "บอกกูมา!! มึงเคยรู้จักกับพี่ทราฟฟิคมาก่อนใช่มั้ย" มันพูดเสียงดังพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอเอาคำตอบ และมันก็หมดประโยชน์อะไรที่ฉันจะโกหกมันต่อแล้วละ เพราะฉันเชื่อว่าคนอย่างแอรี่ถ้าอยากรู้อะไรมันก็ต้องรู้ให้ได้ "เออ กูเคยรู้จักกับเขา" ฉันก็เลยต้องยอมบอกมันไปในที่สุด "อะไร ยังไง เล่ามาให้หมดเลย" พอฉันบอกว่ารู้จัก มันก็จัดการซักถามฉันทันที "ก็แค่ 'เคย' รู้จัก ไม่มีอะไรหรอก" ฉันเน้นคำว่าเคยไปเน้นๆ เคยรู้จักก็แปลว่าตอนนี้ไม่รู้จักแล้ว ไม่สิ! ไม่อยากรู้จักแล้วมากกว่า "อย่ามาอุ๊บอิ๊บอีชะนี มึงแสดงออกชัดเจนว่ามึงไม่ชอบพี่เขาขนาดนั้น กูว่ามันต้องมีอะไรมากกว่ารู้จักเฉยๆ แน่ๆ" ทีแบบนี้ล่ะคิดเก่งเชียวนะ ทีกับข้อสอบนะคิดเองไม่เคยไม่เป็น!! นี่มันกะเทยขี้เผือกที่แท้ทรูเลยนี่หว่า "เออๆ กูเล่าก็ได้!" ด้วยความที่ว่ามันใช้สายตากดดันฉัน ฉันก็เลยต้องยอมเล่าให้มันฟังไปในที่สุด... "เร็วๆ เลย กูอยากรู้" "เฮ้ออ! มึงจำที่กูเคยเล่าให้มึงฟังได้ปะ เรื่องแฟนคนแรกของกูน่ะ" ฉันมองหน้ามัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก "เออจำได้ๆ มึงเคยเล่าให้กูฟังตอนเรียนปีสอง แล้ว...เกี่ยวกับพี่ทราฟฟิคยังไงวะ?" "..." ฉันเงียบไปสักพักหนึ่งเพื่อทำใจก่อนที่จะพูดมันออกมา แต่เหมือนแอรี่มันจะนึกอะไรขึ้นได้ มันเลยพูดออกมาพร้อมทำตาโตใส่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ "เดี๋ยวๆ! อีนิล!! มึงอย่าบอกนะว่า..." "เออ แฟนเก่ากูเอง" "เชี่ยยย!!!" 02.00 น. @Enter Apartment. "ให้กูนอนเป็นเพื่อนมันมั้ย" แอรี่หันมาถามฉันหลังจากที่ช่วยกันแบกอีเมย์ขึ้นมาถึงห้อง และจัดการจัดท่านอนให้มันเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นไปตามคาด เมาสลบคาโต๊ะไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ร้องไห้อยู่ดีๆ รู้ตัวอีกทีเพื่อนก็ไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว "ไม่ต้องก็ได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก มึงก็รู้ว่าเวลามันเมามันเป็นยังไง" ฉันบอกแอรี่ไป เมย์น่ะ เวลามันเมาแล้วหลับนะ มันจะหลับลึกมากๆ ไม่ตื่นมาป้วนเปี้ยนที่ไหนแน่นอน หายห่วงได้ "เออๆ งั้นกูกลับละ ตื่นตอนไหนก็โทรมาละกัน" "เคๆ" ฉันพยักหน้าให้มันเล็กน้อย จากนั้นมันก็เดินออกจากห้องเพื่อกลับบ้านตัวเองทันที ส่วนฉันก็หันมาเช็กความเรียบร้อยของเมย์อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปปรับแอร์ให้อยู่ในระดับปกติ แล้วเดินออกจากห้องมันและกลับห้องตัวเองที่อยู่ข้างๆ กัน ฉันกับเมย์เป็นเพื่อนสนิทกันก็จริง แต่ไม่เคยเป็นรูมเมทกันเลยสักครั้ง เนื่องจากว่าเราทั้งคู่ต่างก็ต้องการเวลาส่วนตัว และไม่อยากมามีปัญหากันเพราะอะไรจุกจิกด้วย แล้วอีกอย่างเมย์มันก็มีแฟนด้วยแหละ แยกห้องกันแบบนี้ดีที่สุด สบายใจกันทั้งสองฝ่ายด้วย พอมาถึงห้องตัวเอง ฉันก็จัดการเช็ดเครื่องสำอางและอาบน้ำสระผมเตรียมตัวเข้านอนเลยทันที เพราะมันก็ดึกมากแล้ว ก็อกๆๆๆ ก็อกๆๆๆ แต่ในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินไปปิดไฟ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาซะก่อน ทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยทันทีว่าใครจะมาหาดึกขนาดนี้ อีกอย่างเมย์ก็เมาหลับไปแล้ว ส่วนแอรี่ก็กลับไปนานแล้ว ก็อกๆๆๆ ก็อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูยังดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตาแมวที่ประตูก็ไม่มีซะด้วยสิ แต่...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง อาจจะมีเรื่องด่วนเช่นฉันไปจอดรถขวางทางคนอื่นก็ได้ เพิ่งมาอยู่ใหม่ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาอยู่ด้วย เพราะหอนี้ระบบความปลอดภัยดีมากๆ คงไม่มีอะไรให้กังวลหรอก พอคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องด่วน ฉันก็เดินตรงไปเปิดประตูห้องทันที แกร็ก! แอดดดด~ และทันทีที่ฉันเปิดประตูออกไป มันก็ทำให้ฉันเห็นผู้ชายที่ยืนก้มหน้าจิ้มหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าประตูห้อง แม้เขาจะยืนก้มหน้าอยู่ แต่ก็ทำให้ฉันสามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาคือใคร ที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นก็คือ...เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง "!!!" หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาเรื่อยๆ ภาวนาขอให้ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด ขอให้ฉันจำผิดผิดเถอะ "ทำอะไรอยู่ เปิดประตูช้าจัง...!!!?" เขาเอ่ยพร้อมกับเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้ เป็นเขาจริงๆ ด้วย ...และพอเขาเห็นฉัน เขาก็มีท่าทีตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เราทั้งคู่สบตากัน... ใช่เขาจริงๆ ฉันไม่ได้ฝันไป แต่ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันจริงๆ ผู้ชายที่ทำให้ฉัน...รักใครไม่ได้อีก และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เราสบตากันอยู่แบบนั้น "ขอโทษนะคะ คุณน่าจะเคาะผิดห้อง" แต่พอฉันได้สติฉันพูดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเตรียมจะปิดประตูหนีเขาทันที ผลั่ก!! หมับ! แต่เขาก็ไวกว่า เพราะก่อนที่ฉันจะได้ปิดประตู เขาก็รีบดันประตูไว้พร้อมกับแทรกตัวเข้ามาแล้วคว้าเอวฉันเข้าไปกอดไว้ ก่อนจะพูดออกมา "ไม่เจอกันนานเลยนะครับ...ปลานิล" 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม