ขวัญตาที่นอนร้องไห้ตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากรู้ว่าพ่อบังคับให้แต่งงาน วันนี้เธอมาเรียนในสภาพขอบตาบวมเป่ง แถมดำคล้ำจากอดหลับอดนอนทั้งคืน แต่ทว่าคนตั้งใจเรียนแบบขวัญตาก็ยังไม่คิดหยุดเรียนแม้ว่าสภาพจะไม่ไหวขนาดไหนก็ตาม
"อีขวัญ ทำไมสภาพมึงเป็นอย่างนี้ว่ะ"ลินดาที่มาถึงม้าหิน โต๊ะประจำของสามสาวเพื่อนรักทักขึ้นทันทีที่เห็นสภาพของเพื่อนสาว
"มึงหยุดเรียนไหมเดี๋ยวกูลาให้"
"ไม่เอา ถ้ากูหยุดกูคงไม่มานั่งอยู่ในสภาพนี้หรอก"มือบางใช้นวดขมับแรงๆ เพราะรู้สึกปวดหัวจากการที่ไม่ได้นอน
"แล้วมึงมีปัญหาอะไร อ้าว!!!อีปิ่นมึงมาพอดี มาดูสภาพเพื่อนมึงสิ อย่างกับถูกรุมโทรม"
ปิ่นมุกรีบเดินเร็วเข้ามาหาขวัญตาทันที เมื่อได้ยินลินดาบอก"มึงเป็นไรขวัญ"
ขวัญตาถอนหายใจแรงๆ"พ่อให้กูแต่งงาน"
"ห๊า!!!"เสียงอุทานพร้อมกันของเพื่อนสองคนดังไปทั่วบริเวณ จนนักศึกษาแถวนี้หันมามองกันเป็นตาเดียว
"กับใคร?"เป็นปิ่นมุกที่ตั้งสติได้ก่อนถามขึ้น
"ไม่รู้ พ่อบอกว่าเป็นลูกชายของบริษัทคู่ค้า ตอนนี้ธุรกิจที่บ้านกูกำลังแย่"
"อย่างกับในละครเลย ถูกบังคับให้แต่งงาน...โอ้ย!!!"ลินดาที่ปากไวใจเร็วพูดขึ้นอย่างไม่ทันคิด จนโดนปิ่นมุกหยิกขาไปหนึ่งที เพราะเพื่อนกำลังอยู่ในอาการเสียใจ
"ไม่นึกว่าจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวเร็วขนาดนี้ คิดว่าอีปิ่นแต่งก่อนมึงเสียอีก"
"นี่อีลินดา กูว่ามึงควรหุบปากไปบ้างนะ พูดแต่ละอย่าง"ลินดาที่เริ่มรู้ตัวว่าพูดเล่นมากไปก็เงียบทันที
"อีกสองวันกูต้องไปเจอเขา นัดกินข้าวกับครอบครัวกัน แล้วอีกวันกูก็ต้องไปจดทะเบียนแล้วย้ายไปอยู่กับเขา"
"นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ อย่ามองกูแบบนั้นปิ่น กูจริงจังคราวนี้"ลินดาที่จะเข้าโหมดจริงจังแต่ถูกปิ่นมุกมองหน้าให้หยุด เพราะไม่อยากให้ไปกระทบจิตใจเพื่อนที่กำลังเสียใจ
"กูแค่อยากรู้ว่าถ้าเกิดเจ้าบ่าวมันเป็นประเภทโรคจิตหรือเคยเป็นฆาตกรล่ะ มึงคิดดูนะมันต้องไปอยู่กับเขาเลยนะโว้ย"
"พ่อมันคงไม่หาคนแบบนั้นมาให้หรอก ถึงจะบังคับให้มึงแต่งนะขวัญ แต่กูเชื่อว่าคนที่มึงแต่งด้วยพ่อมึงคงสแกนมาแล้วแหละ ไม่ใช่จะเอาใครก็ได้หรอก ใครจะอยากยกลูกสาวให้คนแบบนั้นจริงไหม"ปิ่นมุกพยายามพูดให้เพื่อนคลายความกังวล ทั้งที่จริงเธอเองก็แอบคิดตามลินดาว่าเหมือนกัน ใครจะมาแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า คงไม่ใช่คนปกติสักเท่าไหร่
"ช่างเถอะ ถึงกูจะคิดมากไปก็เท่านั้น เพราะยังไงกูก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี"ขวัญตาทำใจยอมรับได้ตั้งแต่เมื่อคืนว่ายังไงชีวิตนี้มันก็ไม่มีวันเป็นของเธอ
ถึงวันนัดที่สองครอบครัวเจอกัน เป็นร้านอาหารหรูที่มีห้องส่วนตัวไว้สำหรับพวกนักธุรกิจพูดคุยกัน ซึ่งครอบครัวของขวัญตามาถึงก่อน
"เหงื่อแตกเต็มเลยลูกไม่สบายหรือเปล่าขวัญ"กชนิภาเอ่ยทักลูกสาวคนโตที่เหงื่อผุดพลายทั่วใบหน้าขาว ทั้งที่ห้องอาหารเปิดแอร์เย็นฉ่ำ
"สงสัยพี่ขวัญคงตื่นเต้นค่ะแม่"ขวัญตาตวัดมองน้องสาว ที่ในเวลาที่เธอเครียดแบบนี้ยังมาพูดเล่น
"จัดการความรู้สึกตัวเองซะนะ เดี๋ยวพ่อผัวแม่ผัวแกมาเขาจะได้เอ็นดู"ขวัญตาเม้มปากแน่น ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนเป็นพ่อ ส่วนคนเป็นแม่ก็ได้แค่บีบมือให้กำลังใจลูกสาว ถึงจะไม่อยากให้ลูกต้องแต่งงานในวัยเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แกร๊ก!!!
เสียงประตูห้องอาหารถูกเปิดออก พร้อมบุคคลเข้ามาใหม่สี่คน แต่ทว่าชายหนุ่มที่เดินเข้ามาคนสุดท้ายทำขวัญตาอ้าปากเหวอด้วยความตกใจ
ซึ่งไม่ต่างจากคิณที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ก็ตกอยู่ในอาการตกใจไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาเก็บอาการได้ดีกว่าเธอ
ในขณะที่ขวัญตายังจ้องหน้าคิณตาไม่กระพริบ ยิ่งชายหนุ่มถูกจัดให้นั่งข้างเธอ ขวัญตายิ่งตัวเกร็ง แทบไม่ขยับตัว จนทุกคนเริ่มสงสัยในอาการของเธอ
"หนูขวัญทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้นลูก แล้วนั่งซะตัวเกร็งเลย"กิ่งกาญจน์เอ่ยแซวว่าที่ลูกสะไภ้ที่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
"หรือว่าเคยเจอกันที่มหาลัย เพราะเรียนอยู่ที่เดียวกันนี่"กชนิภาเดาเหตุการณ์จากการที่ลูกสาวเธอเอาแต่มองว่าที่เจ้าบ่าว
"เอ่อ...ค่ะ พี่เขาเป็นเพื่อนแฟนของขวัญ"
ขวัญตาบอกไปตรงๆ ไม่อยากปิดบังผู้ใหญ่อีกอย่างอยากจะโกหกออกไปเหมือนกัน แต่ทว่าสายตาทุกคู่จับจ้องเธอรวมถึงสายตาของคิณด้วยที่มองมาอย่างกดดันจนเธอต้องพูดความจริง
"ดี งั้นก็คนกันเอง โลกกลมจริงๆ"อนิวัฒน์เอ่ยอย่างยินดี คิดไปว่าลูกชายกับลูกสะไภ้คงเคยคุยกันมาบ้าง หารู้ไม่ว่าสองคนจัดอยู่ในประเภทคนไม่ถูกกันเท่าไหร่
"พรุ่งนี้คิณพาน้องไปจดทะเบียนตอนสิบโมงนะลูก จดเสร็จก็ไปช่วยน้องขนของย้ายไปอยู่กับลูกที่คอนโด"
สองหนุ่มสาวนั่งฟังนิ่ง ไม่ได้ตอบอะไร มีพยักหน้าบ้างเมื่อผู้ใหญ่ถาม ต่างจากน้องสาวสองคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันเลยคุยกันถูกคอ เรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ได้ด้วยความเอ็นดู
มื้ออาหารผ่านไปโดยที่ขวัญตาไม่ได้พูดอะไรสักคำ นอกจากเครียดที่ต้องแต่งงาน กลับต้องมาตกใจที่ต้องแต่งงานกับคิณผู้ชายที่เธอไม่อยากเข้าใกล้
"ผมขอไปส่งน้องได้ไหมครับ"จู่ๆคิณก็พูดโพร่งออกมาขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวไปขึ้นรถของใครของมันกลับบ้านกัน
"ได้สิ จะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก่อนก็ไม่ว่า ทำความคุ้นเคยกันไว้ดีกว่า"รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมาแวบหนึ่งบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะหายไป แต่ทว่าขวัญตาทันได้เห็นมัน และรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทันที
"ไปสิลูก พี่เขารออยู่นะ"กชนิภาเร่งลูกสาวที่ยังคงยืนเหม่ออยู่ที่เดิม
"อะ..เอ่อค่ะ"จำต้องเดินขึ้นรถคันหรูสีดำ ที่เจ้าของใจดีเอื้อเฟื้อเปิดประตูรถรอ ก่อนจะใจดีเกินเหตุด้วยการก้มลงมารัดเข็มขัดให้พร้อมสรรพ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!!!
เสียงหัวใจดังรัว เมื่อใบหน้าหล่อของเจ้าของรถก้มลงเกือบชิดใบหน้าเธอ จนเธอต้องหลับตาปี๋
"เสียงหัวใจเต้นดังดีนะ"
คิณหยอกเย้าหญิงสาว เขาจงใจอยากจะไปส่งเธอ เพื่ออยากแกล้งว่าที่เมียที่นั่งตัวเกร็งตั้งแต่เห็นเขาในห้องอาหาร อาการเป็นลูกนกตื่นกลัวแบบนี้ ทำเขานึกสนุก ลืมภาพผู้หญิงปากร้ายที่เคยต่อว่าเขาตอนเรื่องปิ่นมุกไปเสียสนิท
"พะ พี่จะทำอะไร"คนตัวเล็กจำต้องเอ่ยถาม เมื่อเขาไม่ยอมเอาหน้าออกห่างเธอสักที
"ได้ยินที่พ่อเธอบอกหรือเปล่า ว่าฉันจะพาเธอไปไหนก็ได้ แต่ตอนนี้มีที่เดียวที่ฉันอยากพาคุณหนูปากดีแบบเธอไป รู้ไหมว่าที่ไหน?"
ขวัญตาเม้มปากแน่นไม่ตอบ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายมาก ยิ่งเขาเข้ามาใกล้และถึงเนื้อถึงตัวเธอขนาดนี้ตั้งแต่เจอกันวันแรกเธอยิ่งนึกถึงคำพูดของลินดา
"ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันจะพาไปไหน โอเคไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ ว่าจะไปสร้างความคุ้นเคยกันที่ไหน"
"อย่านะ พี่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรฉันตอนนี้"
"หึ หึ"คิณหัวเราะเบาๆ รู้สึกสนุกที่เธอทันเขาไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างแม่เขาว่า
"แล้วออกไปได้แล้ว ถ้าพี่ไม่ออก ฉันจะไม่ไปกับพี่"คิณผละออกโดยแกล้งให้จมูกโด่งเฉียดแก้มนุ่มของหญิงสาว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆติดเนื้อผิวเนียนนุ่ม จนอยากจะกดจมูกฝังไปแรงๆ