“ฉันทำเพื่อให้เธอรู้สึกทนไม่ไหวกับอะไรทุกอย่างในชีวิตแบบนี้แหละ”
ชามีนนั่งคิดถึงคำพูดของเวย์ไทม์ที่เขาพูดออกมากับเธอ คำพูดที่ไม่ใช่แค่ประโยคแรกที่ทำให้เธอต้องถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเคยรู้จักกับเขาหรือเปล่า ตอนแรกเธอคิดว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอเพราะอาจจะเป็นตัวตนอีกด้าน ความเลวที่พอมีโอกาสจึงเผยออกมาอย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไร
แต่หลังจากครั้งล่าสุดที่ได้ไปอยู่กับเธอไม่คิดแบบนั้นแล้ว การกระทำและคำพูดของเขาหลาย ๆ อย่างมันดูชัดเจนมากว่าเขาเกลียดเธอ อยากทำให้เธอเจ็บปวด เหมือนเป็นการแก้แค้นเธอเพราะเขาอยากเห็นเธอทรมานและเจ็บปวด
เพียงแต่เธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้นเหตุมาจากอะไร เธอจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเคยรู้จักเขา ไม่... ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ แต่เธอมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักเขาเลยจริง ๆ แล้วเขาทำแบบนี้เพราะอะไรกันแน่ แก้แค้นเธอให้ใคร เธอจำไม่ได้จริง ๆ ว่าทั้งชีวิตนี้ไปทำอะไรให้ใครเจ็บปวดจนต้องกลับมาแก้แค้นกันแบบนี้
“พี่ชา พี่ชา!”
“อืม มีอะไร” ชามีนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปถามรุ่นน้องที่เรียกเธอขึ้น
“พี่พัทให้มาถามเรื่องคิวงานของคุณเวย์ไทม์ค่ะ” น้ำหว้าเอ่ยบอกรุ่นพี่ออกไป
“อ๋อ เป็นศุกร์ที่จะถึงนี้ตอนสิบโมงตรง เขามีเวลาหนึ่งชั่วโมงแค่นั้น” ชามีนเอ่ยบอกรุ่นน้องออกไปตามเวลาที่เวย์ไทม์ได้บอกกับเธอหลังจากเขาเสร็จสมพร้อมกับไล่เธอออกจากห้องเขาในทันที
“จะได้เจอคุณเวย์ตัวเป็น ๆ แล้วเหรอเนี่ย ต้องขอบคุณพี่ชาจริง ๆ ที่สามารถทำให้คุณเวย์มาร่วมงานกับเราได้” น้ำเสียงเพ้อฝันของน้ำหว้าดังขึ้นอย่างดีใจ
“เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นก็ได้” ชามีนเอ่ยขึ้นดักความเพ้อฝันของรุ่นน้องทันที
“คงไม่ง่ายเลยใช่ไหมกว่าพี่ชาจะทำให้คุณเวย์ร่วมงานได้” ความคิดของน้ำหว้าก็คือเพราะการจะเอาเวย์ไทม์มาร่วมงานได้มันยากมากจนทำให้ชามีนรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่เลยพูดแบบนี้ออกมา
“ไปบอกพี่พัทเถอะ” ชามีนไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนจะไล่รุ่นน้องขึ้นเพราะไม่อยากพูดเรื่องของผู้ชายคนนั้นอีก
“ค่ะ” น้ำหว้าตอบรับก่อนจะเดินออกไปหาผู้จัดการเพื่อแจ้งรายละเอียดที่ให้เธอมาถามชามีน ทำให้ตอนนี้บนโต๊ะทำงานชามีนก็เหลือเพียงชามีนคนเดียวเช่นเดิม
ใช่เลย มันไม่ง่ายเลยกับการได้เขามาร่วมงาน มันทำให้เธอเกิดความเกลียดชังขึ้นในชีวิตอย่างไม่คิดว่าจะเกลียดใครได้ขนาดนี้
“คงมั่นใจมากแล้วสิว่าจะได้เป็นผู้จัดการคนต่อไป” แล้วน้ำเสียงเหน็บแนมก็ดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร
“ลองเปลี่ยนเป็นเธอทำงานนี้สำเร็จสิ” ชามีนหันกลับไปมองคนพูดก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“หึ!!” พริ้งพราวแค่นเสียงขึ้นด้วยเกลียดชังก่อนจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของชามีนไปโดยไม่ได้พูดอะไร
จริง ๆ งานนี้เธอเองก็ได้รับมอบหมายพร้อมกับชามีนเหมือนกัน งานที่จะตัดสินว่าใครจะได้รับตำแหน่งผู้จัดการแผนกคนต่อไปด้วยคุณสมบัติของเธอกับชามีนที่พอ ๆ กัน อายุงานไล่ ๆ กัน ผลงานที่เทียบเท่ากัน เธอมั่นใจมากว่าเธอจะสามารถติดต่อกับเวย์ไทม์ได้ก่อนชามีนเป็นแน่ แต่เธอไม่คิดจริง ๆ ว่าสุดท้ายกลับเป็นชามีนที่คว้าโอกาสนี้ไปได้ก่อนเธอหนึ่งก้าว
ที่ผ่านมาเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะชามีนทุกอย่าง ไม่ว่าชามีนจะทำอะไรเธอก็จะเร่งตัวเองให้ทันจนเทียบเท่า เธอเกลียดชามีนที่ดูเหมือนอะไรก็ง่ายไปหมด เกลียดที่ใครก็ชอบเธอตั้งแต่สมัยเรียน เกลียดที่หากต้องถูกเลือกระหว่างเธอกับชามีน ผลสุดท้ายจะเป็นชามีนตลอด เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่อยากแพ้ให้กับชามีนเลยสักอย่าง
แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้อาจจะแพ้แต่วันข้างหน้าก็มีโอกาส ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าขึ้นแล้วจะลงไม่ได้ ยังไม่ขึ้นไม่ใช่ว่าจะขึ้นไม่ได้ เธอจะทำให้สักวันหนึ่งชามีนต้องกลายมาเป็นลูกน้องเธอ แล้วถึงตอนนั้นเธอจะทำให้ชามีนเป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วออกไปเอง
วันถ่ายทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของทางบริษัทได้เริ่มต้นขึ้นในเวลาเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่ทุกคนก็เต็มใจจะเตรียมความพร้อมทุกอย่างสำหรับศิลปินชื่อดังคิวทองที่สละเวลามาให้ และวันนี้พนักงานหญิงหลายคนที่รู้เรื่องก็พากันแอบมายังสตูถ่ายงานของบริษัทเพื่อให้เห็นเวย์ไทม์ตัวเป็น ๆ อย่างไม่ได้นัดหมาย
“ถ้ายังไม่อยากโดนพักงานก็พากันกลับไปทำงานนะคะ” พัชชาผู้จัดการแผนกที่รับผิดชอบงานนี้เอ่ยขึ้นกับพนักงานที่ออกันอยู่ทั้งหน้าและในสตูเพื่อความเป็นส่วนตัวของการทำงาน
“โถ่พี่พัช แค่นิดเดียวไม่ได้เหรอ รอให้คุณเวย์มาพวกเราเห็นปุ๊บก็จะรีบไปทันทีเลยนะ” พนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างขอร้อง
“อยากอยู่ก็อยู่ แต่วันนี้ท่านประธานจะลงมาดูการถ่ายด้วย ถ้าเกิดมาเห็นเข้าก็หาทางรอดเอาเองนะ” พัชชาเอ่ยขึ้นอย่างว่าง่าย แต่คำพูดง่าย ๆ ของเธอกลับทำให้พนักงานพากันหน้าถอดสีและรีบหมุนตัวกลับไปยังที่ทำงานของตัวเองทันที ทำให้ตอนนี้ในสตูเหลือแต่พนักงานและทีมงานที่เกี่ยวข้อง
Rrrr เสียงโทรศัพท์ของชามีนดังขึ้นระหว่างกำลังเช็กความเรียบร้อย พอเธอยกขึ้นมาดูก็ทำให้สีหน้าไร้อารมณ์ขึ้นทันที
“ฮัลโหล” แต่สุดท้ายเธอก็ต้องรับสาย เพราะยังไงวันนี้เขาก็ถือเป็นคนสำคัญของงาน
(ลงมารับฉันหน่อย ถ้าไม่มาฉันก็ไม่ขึ้นไป) คำพูดเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะวางสายไปโดยไม่ให้โอกาสชามีนได้พูดอะไรต่อ
ชามีนทำได้เพียงแค่นเสียงออกมาอย่างเย้ยหยันต่อปลายสายแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเดินไปบอกพัชชาว่าจะลงไปรับเวย์ไทม์ที่มาถึงแล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้
และนี่เป็นครั้งแรกที่ชามีนได้เผชิญหน้ากับเวย์ไทม์ข้างนอก เธอเลือกจะทิ้งระยะห่างจากเขาอย่างชัดเจนทำหน้าที่ต้อนรับเขาด้วยใบหน้าเสแสร้งและนำเขาขึ้นไปยังสตูถ่ายงานโดยพยายามพูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
“เดี๋ยวตรงนี้คุณชามีนจัดการต่อเอง พวกพี่ไปพักได้แล้วครับ” เสียงเป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มหล่อของเวย์ไทม์ปรากฏขึ้นกับช่างแต่งหน้าทำผมของเขาที่จัดการเรียบร้อยแล้ว
“ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรเรียกพวกเราได้ตลอดนะคะ” ช่างแต่งหน้าสาวสองเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเขินอาย แม้จะเจอคนดังมามากมายแต่กับคนตรงหน้าเรียกได้ว่าหล่อมากจนทำให้เธอรู้สึกเขินไม่ได้ เสียดายที่ได้อยู่ใกล้เขาไม่นานแต่อย่างน้อยก็โชคดีได้ทำงานให้กับเขา
ภายในห้องพักส่วนตัวตอนนี้เหลือเพียงเวย์ไทม์ ผู้จัดการส่วนตัวและชามีนที่ไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนตั้งแต่พาเขามาส่ง
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเชิญคุณเวย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ” ชามีนที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับช่างแต่งหน้าทำผมจึงเอ่ยขึ้นตามหน้าที่เพราะตอนนี้ก็เหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
“ไปเลือกมาสิ แล้วก็ไปช่วยเปลี่ยนให้ฉันด้วย” เวย์ไทม์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เพื่อเข้าห้องเปลี่ยนชุด
“มันดูไม่เหมาะ...”
“มีอะไรไม่เหมาะ?” ชามีนที่หันไปพูดกับเขาอย่างฝืนกลั้นแต่กลับถูกเขาแทรกขึ้นมาก่อน
“...” ชามีนจ้องมองร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงความเกลียดชังอย่างปกปิดไม่อยู่
ทั้งที่ตอนนี้ในห้องไม่ได้มีแค่เธอกับเขา อีกทั้งนี่มันคือที่ทำงาน แต่เขากลับทำอะไรอย่างไม่เกรงกลัวแบบนี้ ตกลงเขาไม่ห่วงชื่อเสียงตัวเองเลยอย่างนั้นเหรอ เธออุตส่าห์คิดว่าการเจอกันครั้งนี้อย่างน้อยก็จะไม่มีอะไรแย่ ๆ เกิดขึ้น แต่ดูสิ่งที่เขาสั่งเธอสิ
“ถ้าคุณชามีนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ ผมอยากกลับไปพักพอดีเลย” เมื่อเห็นชามีนยืนนิ่งไม่ทำตามความต้องการของเขาเวย์ไทม์ก็เอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านและเหนือกว่า
“ค่ะ เดี๋ยวจัดการให้” สุดท้ายเธอจะทำอะไรได้นอกจากเดินไปยังราวเสื้อผ้าและหยิบชุดที่ถูกจัดไว้เป็นชุดเรียบร้อยแล้วเดินไปตรงไปยังห้องแต่งตัว เวย์ไทม์เองก็เดินไปด้วยรอยยิ้มพอใจหลังจากได้ยินคำตอบแล้วเช่นกัน
ปัง! ประตูห้องแต่งตัวถูกปิดด้วยฝ่ามือใหญ่ของเวย์ไทม์หลังจากชามีนเอาเสื้อผ้าเข้ามา ห้องที่ไม่ได้ใหญ่อะไรทำให้ระยะห่างมีเพียงสองก้าวเท่านั้น เพราะแบบนั้นต่อให้เธอจะถอยจนไปชิดผนังห้องแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ดูปลอดภัยเลยสักนิด ยิ่งเวย์ไทม์ที่ก้าวตามมาหยุดตรงหน้าห่างไม่ถึงก้าวเธออีก ยิ่งทำให้เธอจนมุมไปในทันที
“อยากให้เปลี่ยนก็ถอดเสื้อผ้าสิ” เวย์ไทม์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยืนรอให้ชามีนจัดการเสื้อผ้าของเขาให้
“...” ร่างบางเม้มปากแน่นอย่างรู้สึกเกลียดชัง แต่สุดท้ายก็เลือกจะกลั้นความเกลียดไว้ก่อนจะยกมือขึ้นไปถอดเสื้อเชิ๊ตคอจีนสีขาวให้กับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะก้มลงไปเพื่อจัดการกางเกงยีนส์สีดำผ้าดีของเขาต่อ
ร่างสูงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองอย่างดี ผิวกายที่ขาวสะอาดสะอ้านดูน่ามอง แต่แล้วมันก็ทำให้ชามีนสะดุดตากับรอยแผลเป็นเส้นยาวนูนที่หน้าท้องตรงลอนซิกแพกของเขาที่มันโดดเด่นมาก
แม้เธอจะนอนกับเขามาสองครั้งแต่ครั้งแรกเกิดขึ้นเพราะความไม่เต็มใจทำให้เธอไม่ได้มองสำรวจร่างกายส่วนไหนของเขาเลยนอกจากใบหน้า ครั้งที่สองเธอเองก็ไม่ได้เต็มใจอีกทั้งต้องแยกสมองกับอารมณ์จดจ่อกับการเก็บหลักฐานยิ่งทำให้เธอไม่มีโอกาสได้มองส่วนไหนเลยนอกจากดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้าให้เขา เป็นครั้งแรกที่ได้ขยับต่ำลงไปเพื่อถอดกางเกงให้เขาจนทำให้สายตาสะดุดกับแผลเป็นใหญ่นั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
แต่ทำไมต้องแปลกใจด้วย มันอาจจะเป็นรอยผ่าตัดอะไรสักอย่างจากอาการบาดเจ็บหรือไม่สบายของเขาก็เป็นได้
เพียงแต่
พรึ่บ! ร่างบางถูกดึงขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับร่างสูงที่สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอีกครั้งอย่างไม่ตั้งตัวพร้อมกับคำพูดของเขา
“รอยนี้คือแผลเตือนใจฉัน ว่าอย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ อีก ไม่งั้นมันจะต้องเจ็บปวดและทิ้งร่องรอยไว้แบบนี้!”