ดรณ์ใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับข้อฉงนสงสัยต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุดเกี่ยวกับการกลับมาอีกครั้งของแก้มหอม จนทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการทำงาน จึงตัดสินใจขับรถกลับบ้าน เขาจำเป็นต้องพักผ่อน เพื่อจะได้เลิกคิดถึงหล่อนเสียที
ระหว่างการเดินทางการจราจรคับคั่งแน่นขนัด คนที่นั่งหลังพวงมาลัยเอาแต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขาท้าวศอกลงกับขอบประตูรถ ใช้ปลายนิ้วลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด แล้วเหลียวมองรูปถ่ายของนางแบบสาวที่เผลอเอาติดมือกลับมาด้วยอย่างใจลอย
ทำไมแก้มหอมถึงได้กลายเป็นนางแบบได้ล่ะ?
ในช่วงห้าปีที่จากกัน... เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนบ้าง หล่อนใช้ชีวิตอย่างไร ทำไมถึงไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าพ่อสื่อบันเทิงคนดังได้ พวกเขารู้จักกันตอนไหน เมื่อไร หล่อนจึงกลายเป็นผู้หญิงของเขา แล้วความสัมพันธ์ลึกซึ้งจริงจังกันถึงขั้นไหน...
ล้วนเป็นคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจของเขา
เขาเหลือบมองคนในภาพอีกครั้งอย่างไม่คุ้นเคย หล่อนเปลี่ยนไปมากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ที่ทุกคนชื่นชอบ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา แม้แก้มหอมในวันวานจะเป็นเด็กสาวขี้กลัว หัวอ่อน เอาแต่ก้มหน้าเขินอาย แต่ยังไม่น่าหงุดหงิดใจเท่ากับที่มองหล่อนในตอนนี้ สายตาของหล่อนเหมือนพร้อมจะยั่วยวนผู้ชายได้ทั้งโลก ไม่ใช่สายตาที่มองเพียงเขาคนเดียวอีกต่อไป
ถ้าอย่างนั้น...กลิ่นหอมของหล่อนก็จะกลายเป็นของผู้ชายคนไหนก็ได้น่ะสิ
ดรณ์ขมวดคิ้วมุ่นจนเห็นเป็นรอยหยักลึกอยู่กลางหน้าผาก พลางขบกรามเสียงดังกรอด เกลียดความรู้สึกนี้เข้าไส้ และพานให้ยิ่งขยะแขยงผู้หญิงที่ส่งยิ้มเชิญชวนมากขึ้นเป็นทวีคูณ เขาสะบัดหน้าหนีมองออกไปบนท้องถนนเบื้องหน้า บังคับใจตัวเองว่า ‘ห้าม!’ หันไปมองหล่อนอีก แม้จะเป็นแค่รูปถ่ายก็ไม่ได้
เขาใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะหลุดจากตัวเมืองตรงเข้าชานเมือง ก่อนจะเลี้ยวรถสปอร์ตยี่ห้อมายบัค สีนอทิเคิล บลู เข้าสู่คฤหาสน์หิรัญศิริรักษ์ซึ่งเกินเนื้อที่เกือบสองไร่ เขาหอบแฟ้มลงจากรถ เดินเข้าบ้านโดยไม่ยอมให้เด็กรับใช้นำไปเก็บให้ที่ห้องเหมือนเดิม
“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ดรณ์”
น้ำเสียงออดอ้อนเซ็กซี่ที่เอ่ยทัก ทำให้คนมองตัวชาวาบไปชั่วขณะ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกตะลึง สมองมึนงงเหมือนถูกไม้หน้าสามตีแสกหน้า รู้สึกร่างกายเขาตอนนี้แข็งเป็นหินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องรีบเก็บซ่อนอาการเอาไว้อย่างมิดชิดด้วยสีหน้าที่เย็นชายิ่งกว่าปกติกลายเท่า
หล่อนมาอยู่ที่บ้านเขาได้ยังไง?
ดรณ์หรี่ตามอง ‘แก้มหอม’ ที่ตอนนี้แปลงร่างกลายเป็นนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ ‘โรซี่ โจนส์’ ราวกับใบมีดที่พร้อมจะชำแหละความคิดในใจหล่อน
ผู้หญิงตรงหน้าเขาคลี่ยิ้มหวานบาดจิตบาดใจ ใบหน้าของหล่อนถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางชั้นดีจนสวยโฉบเฉี่ยวลำสมัย และเปล่งประกายออร่าความมีเสน่ห์ออกมาอย่างเต็มที่ ปากของหล่อนชุ่มฉ่ำมันวาวด้วยลิปสติกสีแดงไวน์น่าประทับรอยจูบ ตัดกับผิวขาวเหมือนหิมะแถวเนินไหล่และไหลปลาร้าที่โผล่พ้นจากชุดเดรสเข้ารูป ขับเอวเอสและหุ่นนาฬิกาทรายของคนสวมให้ยิ่งเย้ายวนดึงดูดใจชาย ผิดจากเมื่อก่อนที่หล่อนมักใส่ชุดหลวมๆ เพื่อปกปิดรูปร่างด้วยความเก้อเขิน
“เธอต้องการอะไร”
เขาถามเสียงเย็น ริมผีปากหยักกระจับเหยียดตรงไร้รอยยิ้ม จ้องเขม็งหญิงสาวที่จับปรอยผมนุ่มสลวยของตัวเองม้วนเล่นด้วยกิริยายั่วเย้าชวนมองตามธรรมชาติ
แต่มันไม่มีผลกับใจเขา!
เพราะเขารู้เช่นเห็นชาติว่าหล่อนเป็นยายจิ้งจอกสาวที่โตเต็มวัย และพร้อมจะล่อลวงผู้ชายหน้าโง่ให้ลุ่มหลง
“แก้มมาทำไมน่ะเหรอคะ อืม...”
โรซี่เอียงคอ ยิ้มอย่างไร้เดียงสา แกล้งยักท่าให้เขายิ่งร้อนใจ แล้วอีกฝ่ายก็ทนไม่ไหวตะคอกเธอเสียงดัง
“ตอบมา!”
เธอยืนมองเขาตาแป๋ว กะพริบตาปริบๆ ราวกับอยากจะถามว่าเขาโมโหทำไม เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ...
“พี่ดรณ์นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ”
โรซี่ส่ายหน้านิดๆ ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปี เขาก็ยังคงเกลียดขี้หน้าเธอไม่เปลี่ยนแปลง หน้าตาของเขาบูดบึ้งเหมือนยักษ์ที่พร้อมจะกินหัวเธอได้ เห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“เธอหัวเราะอะไร”
เสียงของเขาทั้งห้วนและขุ่นจัด บอกให้รู้ว่ากำลังจะหมดขีดความอดทนของเขาแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ... เธอชินแล้ว
เขาเคยพูดจาดีๆ กับเธอเสียที่ไหน ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสามปีในฐานะคู่หมั้น เขาพูดกับเธอแทบจะนับคำได้ และก็เป็นคำซ้ำๆ อย่างเช่น… ‘ไม่’ , ‘อย่ายุ่ง’ , ‘เกลียด’ ราวกับเขารังเกียจเธอมากจนไม่สามารถพูดกับเธอได้เกินสามคำ
หญิงสาวยักไหล่ แล้วพูดยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง
“พี่ดรณ์หล่อขึ้นนะคะ”
ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย เค้าโครงบนหน้ายังดูหล่อเหลาชวนให้น่าหลงใหลเหมือนเดิม แต่มีความโดดเด่นผ่าเผยสมกับบุรุษเพศตามวัยที่เพิ่มขึ้น ใบหน้าของเขาเรียวยาว คางแหลมเห็นสันกรามเด่นชัดและบุ๋มเล็กน้อยดูมีเสน่ห์ จมูกโด่งเหมือนสันเขา ปากกระจับหยักยกยามพูดแล้วสะกดใจคน