บทที่ 4 หนี 3

920 คำ
“อีนี่... มึงกล้าถีบกูเหรอ! มึงตายแน่!” เธอหันไปมองเสียงขู่อาฆาตอันน่าสะพรึงที่ดังไล่หลังมา จึงเห็นว่าไอ้โจรใจทรามกำลังพุ่งตัววิ่งตามเธอมาติดๆ ขายาวๆ ของมันสาวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกัดฟันแกว่งแขนซอยเท้าสุดตัวเท่าที่แรงจะมี ทว่าสรีระที่แตกต่างกันทำให้เกิดข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ มันวิ่งไล่ตามมาถึงตัวเธอจนได้ มือหยาบช้าเอื้อมมาคว้าเสื้อยืดเธอไว้พลางตวาดลั่น “อีตัวดี... มึงจะหนีไปไหน” ความตื่นตระหนกตกใจที่ตีรวนกันอยู่ในอกผลักดันให้แก้มหอมใช้แรงทั้งหมดสะบัดตัวจนหลุด แล้ววิ่งตรงไปที่ถนนใหญ่อย่างไม่กลัวตาย เธอยอมตาย! แต่ไม่ยอมถูกคนชั่วย่ำยี! ร่างกลมกลึงวิ่งตัดหน้ารถเบนท์ลีย์รุ่นมูซานในระยะกระชั้นชิด ทำให้คนขับเบรกไม่ทันชนปะทะกลางลำตัวเข้าจังๆ จนหญิงสาวกระเด็นล้มลงไปนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน “เหี้ยเอ๊ย! ซวยแล้วกู” โจรที่วิ่งตามมาติดๆ สบถอย่างทำอะไรไม่ถูก กลัวจะมีคนมาเห็นเรื่องระยำตำบอนที่มันทำเอาไว้กับหญิงสาว จึงลนลานวิ่งหนีไป เมื่อชายหนุ่มร่ำรวยชาวต่างชาติและคนขับรถเปิดประตูลงมาดูคนเจ็บ แม้ใจจะเสียดายโทรศัพท์มือถือที่กระเด็นหายไปช่วงที่ยื้อยุดชุลมุนกันอยู่ แต่มันต้องทิ้งเอาไว้เพื่อเอาตัวรอดก่อน ร่างสูงสะโอดสะองในชุดสูทผ้าวูลแท้สไตล์อิตาเลียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนเจ็บ นัยต์ตาสีเขียวมรกตชวนฝันของแอนโทนี่ ฮอว์ก จับจ้องใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดอย่างหนักใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา เขากำลังจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับนครลอสแอนเจลิส เพื่อเข้าร่วมงานประกาศรางวัลใหญ่ในแวดวงฮอลลีวูด ซึ่งสำคัญมาก เพราะเป็นหนทางในการฟันกำไรมหาศาลจากธุรกิจบันเทิงยักษ์ใหญ่ในอเมริกาที่เขาคุมบังเ**ยนอยู่ แต่ดันมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน... จู่ๆ หญิงสาวคนนี้ก็วิ่งพรวดมาตัดหน้ารถเขา ท่าทางของหล่อนดูตื่นกลัวเหมือนวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง โชคดีที่คนขับไม่เร็วมาก เพราะกำลังชะลอความเร็วพอดี หล่อนจึงรอดพ้นจากความตายมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เขาอยากพาหล่อนไปส่งโรงพยาบาลก่อน แต่เวลาขึ้นเครื่องของเขาก็กระชั้นชิดใกล้เข้ามาทุกที แอนโทนี่จึงตัดสินใจย่อตัวลงเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บของหล่อนอย่างละเอียด นอกจากเผลถลอกที่แขนแล้ว ก็มีรอยฟกช้ำตามตัวอีกนิดหน่อย หัวไม่แตก ไม่มีอวัยวะไหนแตกหัก ไม่มีเลือดไหลนองพื้น ดูท่าหล่อนคงจะตกใจที่ถูกรถชนจนเป็นลมไปมากกว่า “เอายังไงดีครับนาย จะอยู่รอเรียกรถพยาบาลก่อนไหมครับ” ไมค์ เลขาและคนสนิทของเขาเอ่ยถาม แอนโทนี่มองสีหน้าหม่นๆ ของคนที่สลบไม่ได้สติแล้วบังเกิดความรู้สึกบางอย่าง ไม่ใช่ความสงสาร แต่ก็ไม่ใช่ความเสน่หา มันอธิบายไม่ได้ก็จริง แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหล่อนที่คล้ายคลึงกับตัวเขา เป็นคนที่โดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง... เขารู้เพราะเป็นคนสัมผัสไวกับเรื่องแบบนี้ คงเป็นแรงดึงดูดระหว่างกันของคนขั้วเดียวกันละมั้ง แอนโทนี่เหลือบมองเห็นคราบน้ำตาหมาดๆ ที่ยังเปียกชุ่มเหมือนหยาดน้ำที่เกาะพราวบนขนตางอนเป็นแพยาว ก็ยิ่งมั่นใจว่าคิดไม่ผิด หล่อนเพิ่งประสบเหตุร้ายจนมาเจอเขา “พาเธอกลับไปด้วย” ความรู้สึกที่ว่า ‘คนหัวอกเดียวกัน’ ทำให้แอนโทนี่ตัดสินใจเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิด แค่คิดว่าเขาต้องทำ! หนุ่มใหญ่วัยเฉียดสี่สิบช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มอย่างสบาย เดินตรงมาที่รถ เขาวางหล่อนให้นอนอยู่บนเบาะหลัง ก่อนจะขยับตัวตามไป ยกศีรษะหล่อนให้หนุนอยู่บนตักเขา แล้วสั่งการ “ไปเถอะ” รถเบนท์ลี่ย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาคมลึกที่ฉายแววตื่นวิตก เจ้าของร่างสูงเพรียวกำยำหันรีหันขวาง ตัดสินใจไม่ถูกว่าเขาควรจะไปทางไหน จึงจะพบหญิงสาวที่วิ่งเตลิดออกจากบ้าน เขาเกลียดหล่อน... แต่ก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง เลยต้องวิ่งตามออกมา เพื่อลากตัวหล่อนกลับไปตกลงกันให้รู้เรื่อง แต่ให้ตายเถอะ! หล่อนไวเหมือนลิงอย่างไม่น่าเชื่อ แค่คาดสายตาไปแป๊บเดียว หล่อนก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ ดรณ์คิดอย่างหัวเสีย เหลียวซ้ายแลขวาก็พบเพียงรถเบนท์ลี่ย์คันเดียวที่วิ่งผ่าน รู้สึกใจหายอย่างไรพิกล เมื่อมันวิ่งหายไปลับตา เหลือทิ้งไว้เพียงโทรศัพท์มือถือที่ถูกล้อรถบดจนแตกละเอียดเท่านั้น เขาถอนหายใจแล้วหันหลังเดินกลับบ้าน ตัดสินใจเลิกตามหา รอให้แก้มหอมสงบสติอารมณ์ได้ก่อน เดี๋ยวหล่อนก็คงกลับมาเองนั่นละ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเป็นห่วงหรือใส่ใจให้มากนัก เพราะหล่อนไม่มีญาติมิตรที่ไหน และไม่มีที่จะให้ไป นอกจาก... เขาและบ้านหิรัญศิริรักษ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม