กระทั่งถึงบ้านต่างแยกย้ายกันเตรียมวัตถุดิบสำหรับปิ้งย่างในมื้อเย็นนี้ โดยเขาเลือกพื้นที่หลังบ้านซึ่งมีสระน้ำขนาดเล็กใช้เป็นพื้นที่สำหรับปาร์ตี้ปิ้งย่าง
ยกเตาถ่านสำหรับปิ้งย่างมาโดยเฉพาะสำหรับเผาอาหารทะเล ส่วนโต๊ะกลางวางเตาสำหรับทานหมูกระทะ และมีโต๊ะขนาดเล็กอีกหนึ่งโต๊ะสำหรับวางเครื่องดื่ม
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการล้างของทะเลที่ซื้อมาจัดใส่จานให้เรียบร้อย โดยมีหญิงสาวคอยเตรียมเครื่องเขียงอื่นๆ ทั้งน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่เธอลงมือโขลกพริกกระเทียม ปรุงน้ำปลา ใส่มะนาวและน้ำตาลปี๊บอย่างดีให้ได้รสชาติที่ถูกใจ ส่วนน้ำจิ้มหมูกระทะนั้นเธอเลือกใช้แบบสำหรับรูปยี่ห้อดัง จัดเทใส่ชามใหญ่ให้สามารถตักทานได้เอง พร้อมกับพริก กระเทียมปั่นและมะนาวหั่นซีกวางรอไว้
จนถึงเวลาใกล้ห้าโมงเย็น รถคันหรูคุ้นตาที่เธอเคยเห็นอยู่สองสามครั้ง ขับจอดเทียบชิดริมรั้วบ้าน อิงค์วิฬาร์ชะเง้อมองเล็กน้อย เห็นร่างสูงใหญ่ของหมอปกปกรณ์เดินลงมาจากรถ ในมือหิ้วของบางอย่างติดมาด้วย ขณะที่ประตูฝั่งข้างคนขับค่อยๆเปิดออก เธอถึงได้เดินออกมารอรับที่หน้าประตูรั้วด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ในใจจะอดรู้สึกบางอย่างไม่ได้เมื่อได้เห็นใครอีกคน
หญิงสาวร่างระหงในชุดเดรสกระโปรงสั้นสีขาวพิมพ์ลายดอกไม้น่ารัก สวมคาร์ดิแกนสีชมพูอ่อน ใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มรับกับผมหน้าม้า กับผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังดัดม้วนเป็นลอนสวยงามราวกับตุ๊กตา
เดินถือกล่องขนมตามพี่ชายเข้ามาติดๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อได้เห็นหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของอาจารย์ปารย์ณวิซ เพื่อนสนิทพี่ชายเธอ ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายแวววาวขึ้น พุ่งตรงมาหาทันที
“พี่วิฬาร์ คิดถึงจังเลยค่ะ” ถ้อยคำออดอ้อนของปทิตตาทำให้ อิงค์วิฬาร์ถึงกับมุ่นคิ้ว สีหน้างุนงงเต็มไปด้วยความแปลกใจกับท่าทีคล้ายสนิทสนมที่อีกฝ่ายแสดงใส่
“หึหึ อ้าวน้องวิฬาร์สนิทกับน้องสาวพี่แล้วเหรอครับเนี่ย” ปกปกรณ์ถามด้วยความเอ็นดู พร้อมกับฉีกยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าทั้งคู่
ปทิตตาเมื่อได้ยินคำถามนั้นของพี่ชายถึงกับหัวเราะคิกออกมา ด้วยจริตที่ใครมองต่างก็นึกชื่นชมกับท่าทางน่ารักนั่น
“ต้องสนิทอยู่แล้วค่ะ พี่วิฬาร์เป็นแฟนพี่ปราบก็เหมือนเป็นพี่สาวของปายนะคะ” เธอหันไปตอบพี่ชายด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยน่าฟัง กับรอยยิ้มสดใสแฝงด้วยเล่ห์กลบางอย่างที่ใครยากจะสังเกตเห็น
ในขณะที่อิงค์วิฬาร์เมื่อได้ยินน้องสาวของนายแพทย์ปกปกรณ์พูดเช่นนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนยิ้มจืดเจื่อน ด้วยสีหน้าปั้นยาก จนนายแพทย์หนุ่มนึกขำอดหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ว่าไงวะ ทำไรอยู่” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่หน้าเตาไฟสำหรับปิ้งย่างของทะเล พลอยทำให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการพัดกองไฟละสายตาหันมามอง
“อ้าวมากันแล้วเหรอ กูก็ว่าแล้วเชียวได้ยินเสียงรถเมื่อครู่”
“พี่ปราบ...” เสียงหวานเอ่ยดังนำเข้ามา พลอยทำให้ชายหนุ่มทั้งสองถึงกับยิ้มขำ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินตรงเข้ามาคล้องแขนชายหนุ่มเจ้าของบ้านด้วยท่าทีสนิทสนม ขณะที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว แอบผงะไปเล็กน้อย พลางเลื่อนสายตามองไปยังคนรักที่เดินเข้ามาเงียบๆด้วยใบหน้าเรียบเฉย พลอยทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“น้องปายถืออะไรมาครับ” แสร้งถามพร้อมกับค่อยๆดึงแขนตัวเองออกอย่างสุภาพ
“เค้กชาเขียวค่ะ ปายทำเองเลยนะคะ ทำแบบที่พี่ปราบชอบมาค่ะ สูตรนี้เป็นแบบหวานน้อยด้วย รับรองถูกใจพี่ปราบแน่นอน”
“ปาย จะพูดอะไรเกรงใจน้องวิฬาร์เขาด้วย”นายแพทย์หนุ่มเอ่ยปรามน้องสาวด้วยความเกรงใจ เมื่อเหลือบสายตามองไปยังแฟนสาวของเพื่อนถึงกับชะงักนิ่งไปเล็กน้อย เขาลืมไปเสียสนิทว่าพื้นที่ตรงนี้ยังมีอิงค์วิฬาร์ยืนอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก วิฬาร์เขาไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว” ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ขณะเอื้อมมือมารับถุงขนมเค้กนั้นแล้วเดินไปยื่นให้กับสาวคนรักที่ยืนขบเม้มริมฝีปาก จ้องมองเขาทั้งคู่มาตั้งแต่ต้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่า สายตาคู่สวยนั้นกลับวูบไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะตอบรับเขาด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย พยายามกักเก็บและควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้
“ค่ะวิฬาร์ไม่ว่าอะไร”ตอบรับเสียงแข็ง ใจเธออยากพูดต่อมากกว่านั้นแต่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์นี้ไว้ วันนี้ทุกคนมาเพื่อที่จะกินเลี้ยงสนุกกัน เธอไม่อยากทำให้บรรยากาศเสีย
“วิฬาร์เอาไปจัดใส่จานด้วยนะ”
“แล้วเค้กที่วิฬาร์เตรียมมายังจะทานอยู่ไหมคะ” หล่อนกลั้นใจถาม พร้อมกับมองหน้าเขานิ่ง
“ทานสิ แต่หลังจากทานข้าวก่อนแล้วกันนะ” เอ่ยอย่างเอาใจเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้หญิงสาวคิดมาก ส่งยิ้มให้อบอุ่น
“แล้วเพื่อนวิฬาร์ที่บอกว่าจะมา ใกล้ถึงหรือยัง”
“ใกล้แล้วค่ะ เมื่อกี้คะนิ้งไลน์มาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว” อาจารย์หนุ่มเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินกลับไปที่เตาย่างเพื่อจะเตรียมไฟ
“เดี๋ยวค่ะพี่ปราบ”
“หื้ม?” ร่างสูงชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน หันหน้ากลับมามองด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“หน้าพี่ปราบเปื้อนหมดแล้ว เดี๋ยววิฬาร์เช็ดให้นะคะ” หญิงสาวหันไปหยิบทิชชู่ที่อยู่ใกล้มือ เช็ดใบหน้าของคนรักที่มีคราบเขม่าควันเปื้อนอยู่ด้วยรอยยิ้มขบขัน ในขณะที่เขาเองก็ใช้สายตาเจ้าชู้จ้องมองแฟนสาว พลอยทำให้เธออดรู้สึกเขินไม่ได้ ใบหน้าขาวแดงก่ำ จนเขานึกเอ็นดู เสหลบตามองไปทางอื่นขณะเอ่ยบอกเขาไม่เต็มเสียงนัก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ปารย์ณวิซยกยิ้มบางๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่หน้าเตา ขณะที่ปทิตตานั้นเมื่อได้เห็นภาพดังกล่าว ความริษยาที่ตนเองพยายามเก็บซ่อนวาววับฉายออกมาผ่านทางแววตาคู่สวย ที่กำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของคนที่เธอแอบชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก พลางนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจอย่างเกลียดชัง แต่ก็พยายามระงับไว้ ภายใต้รอยยิ้มสวยที่ตัวเองตั้งใจฉาบไว้เพื่อปกปิดความรู้สึกบางอย่างที่ซุกซ้อนอยู่ในใจ