ตอนที่ 4
ปาร์ตี้ปิ้งย่างหมูกระทะต้อนรับปีใหม่จัดขึ้นแบบง่ายๆ โดยมีแขกมาสมทบเพิ่มอีกหนึ่งคน คือคะนิ้งเพื่อนสนิทที่เธอตั้งใจชวนมาโดยเฉพาะ เมื่อรู้ว่าแขกที่มาร่วมทานมื้อเย็นด้วยมีใครบ้าง
เพราะเธอไม่อยากรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเช่นเมื่อคืนอีกแล้ว
“หน้าเธอซีดๆเหมือนกันนะวิฬาร์ นอนน้อยเหรอ” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทขณะกำลังลำเลียงบรรดาเนื้อหมูเนื้อไก่ที่ใช้สำหรับปิ้งย่างหมูกระทะใส่จานเปลขนาดใหญ่
อิงค์วิฬาร์ชะงักมือเล็กน้อย เพิ่งจะสังเกตตัวเองว่านอกจากอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวแล้ว เธอยังรู้สึกปวดหัว วิงเวียนศีรษะมาตั้งแต่เช้า แต่เพราะวุ่นๆหลายอย่าง เธอจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“คงงั้นมั่ง ตื่นเช้าไปหน่อยน่ะ เลยรู้สึกมึนๆหัว”
“มีไข้หรือเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วง พลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากเพื่อน
“หื้อ...เธอมีไข้นะ ตัวร้อนด้วย กินยาหรือยัง”
“กินแล้ว เมื่อเช้า”ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“บ้า ยาลดไข้ต้องกินทุกสี่ชั่วโมง ไปหยิบมากินเลย แล้วนี่แผลอะไรเต็มเนื้อเต็มตัวไปหมด ไม่สบายแบบนี้ทำไมไม่นอนพักมานั่งเตรียมของอยู่ทำไม ”
“นิดหน่อยเอง ไม่มีอะไรหรอก อยากทำให้เรียบร้อยน่ะ พี่ปราบจะได้ไม่อายเพื่อน” ตอบเสียงอ่อน ไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิท เพราะรู้นิสัยดีว่าเป็นอีกฝ่ายคนเช่นไร เธอมักจะโผงผางโวยวายหากเรื่องที่เห็นไม่ถูกต้อง หรือไม่พอใจ
“ห่วงแต่คนอื่น แล้วคนนั้นมันห่วงเธอไหมละ แทนที่จะเข้ามาช่วยกัน”
“พี่ปราบเขากำลังก่อไฟอยู่นั่นไง” พูดพร้อมกับเหลือบสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนรักกำลังยืนหยอกล้อกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องที่เขารู้จักและเอ็นดูเท่านั้น
“หึ ยุ่งมากเลยมั่ง ว่าแต่คนนั้นน่ะใคร ฉันเห็นแล้วแอบหมั่นไส้ยังไงก็ไม่รู้” คะนิ้งแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ อดจิกกัดคนรักของเพื่อนไม่ได้
“น้องสาวคุณหมอปกน่ะ ชื่อปาย”
“เหรอ...แต่ดูแล้วท่าจะสนิทกับอาจารย์ปราบอยู่เหมือนกันนะ ดูเขาหยอกกันสิ”
“อืม...ก็คงสนิทแหละ รู้จักกันตั้งแต่เด็ก”
“แล้วทำไมเพิ่งโผล่มาตอนนี้ล่ะ แกคบกับอาจารย์ปราบมาตั้งสามปี ฉันไม่เคยเห็น หรือไม่เคยได้ยินแกเล่า”
“เขาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษน่ะ” คะนิ้งทำเสียงในลำคอ พยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะช่วยหยิบจับ อาหารจัดเรียงใส่จาน
จนกระทั่งชายหนุ่มเจ้าของบ้านเดินเข้ามาในครัว มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใครอีกคน
“อ้าวมานานแล้วเหรอครับ”
“สวัสดีค่ะ...สักพักแล้วค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะอาจารย์” คะนิ้งหันไปหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมมายื่นให้กับเจ้าของบ้านที่รับมาด้วยรอยยิ้มฉีกกว้างให้กับเพื่อนของแฟนสาว
“ขอบคุณนะครับ”
“พี่ปราบจะเข้ามาเอาอะไรเหรอคะ”
“ปลาแซลมอลน่ะที่พี่เตรียมไว้”
“อยู่ในตู้เย็นค่ะ”
“อืม” ร่างสูงเดินไปหยิบจานแซลมอลซามิซิที่เตรียมไว้เดินออกจากห้องครัว กลับไปสมทบเพื่อนตัวเองที่กำลังยืนพลิกของทะเลสดๆให้ความสุกพอดีกัน อยู่บริเวณด้านนอกที่มีหญิงสาวอีกคนคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
ปทิตตาที่คอยจ้องมองทุกการกระทำของเพื่อนสนิทพี่ชายอยู่ตลอดเวลา ชะเง้อใบหน้าเข้ามาดูจานอาหารที่เขาเพิ่งยกมาวางลงบนโต๊ะด้วยความสนใจ
“ว้าว...มีแต่ของโปรดปายทั้งนั้นเลยนะคะ ขอบคุณนะคะพี่ปราบ”
“หึหึ เห็นเมื่อคืนบ่นว่าอยากทานไม่ใช่เหรอ” หันมาตอบด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง อย่างที่เธอหลงใหล
“งื้อ...ขอบคุณนะคะ พี่ปราบใจดีกับปายเสมอเลย”ปทิตตาฉีกยิ้มกว้างทันทีด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พร้อมกับโผเข้าหากอดลำแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่มแน่น แนบใบหน้าสวยลงกับต้นแขนเขาอย่างออดอ้อน ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มชายหนุ่ม ท่ามกลางสีหน้าตกใจของอิงค์วิฬาร์ที่กำลังก้าวเดินออกมาจากในครัว พร้อมกับมือที่ถือถาดเนื้อหมูสำหรับปิ้งย่างหมูกระทะถึงกับชะงักค้าง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ปกปกรณ์หมุนตัวหันกลับมาพอดี เมื่อได้เห็นท่าทีเหล่านั้นของน้องสาวถึงกับชะงักใบหน้าเครียดขึง กรามขบกันแน่นด้วยความไม่พอใจ ครั้นเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นไปเห็นคนรักของเพื่อนกำลังยืนนิ่งใบหน้าขาวซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด ถึงกับพูดอะไรไม่ออก แววตาสำนึกผิด จึงหันมาตำหนิน้องสาวเสียงเข้ม
“ปาย!!...ทำไมทำแบบนี้ มันไม่เหมาะ”
“ทำไมละคะ ปายก็ทำแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว” หล่อนแสร้งตอบด้วยหน้าตาใสซื่อ เสมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายตนเองสื่อ พลางเหลือบสายตามองไปยังหญิงสาวอีกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“แต่ตอนนี้ไอ้ปราบมันมีแฟนแล้ว ทำแบบนี้ไม่ได้”
ปารย์ณวิชได้ยินคำนั้นมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อน ก็นึกเอะใจ หันกลับไปมองตามสายตา เห็นสีหน้าแฟนสาวแล้วถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะตอบรับเพื่อนแบบสบายๆว่าไม่เป็นอะไร เขาไม่ได้ถือสา ทว่าวันนี้ มันไม่เหมือนเช่นเมื่อก่อนแล้ว
ชายหนุ่มผละตัวออกห่างจากน้องสาวเพื่อนเล็กน้อย พยายามทิ้งระยะห่าง
“พี่วิฬาร์ไม่ถือหรอกใช่ไหมคะ พี่ปราบก็เป็นเหมือนพี่ชายปาย พี่วิฬาร์ไม่ได้คิดมากใช่ไหมคะ”